กรุงเทพฯ 10 มิ.ย.- กสทช. ด้านกิจการกระจายเสียง มอบรางวัลผู้ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงคุณภาพ 3 ระดับ กว่า 100 สถานี พร้อมฝากผู้ทำสื่อวิทยุกระจายเสียงพัฒนาให้เป็นประโยชน์แก่สังคมไทย โดยสถานีวิทยุ บมจ.อสมท ได้รับรางวัลระดับเขตด้วย
พลอากาศโท ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ กสทช. ด้านกิจการกระจายเสียงเป็นประธานมอบรางวัลการคัดเลือกผู้ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงที่มีคุณภาพ 3 ระดับ เขต ภูมิภาค และประเทศ ในงานประกาศรางวัล “NBTC – QUALITY RADIO BROADCASTING AWARD” ในโครงการคัดเลือกผู้ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงที่มีคุณภาพ ประจำปี 2566 โดยรางวัลวิทยุกระจายเสียงในปีนี้ เน้นที่มีคุณภาพและกระตุ้นให้เป็นสื่อที่รับผิดชอบและทำเพื่อสังคม โดยมีผู้เข้าร่วมรับรางวัลทั้งสิ้น 105 สถานี จัดขึ้นที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ การมอบรางวัลปีนี้เป็นไปตามนโยบายที่ต้องการส่งเสริมการประกอบกิจการวิทยุ และยกระดับการกำกับดูแลกิจการกระจายเสียงของประเทศไทย ให้เหมาะสม เป็นธรรม และเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะมากขึ้นโดยนำแนวคิดการกำกับดูแลสื่อเชิงบวก (Positive Regulation) คือการให้รางวัลและยกย่องสื่อกระจายเสียงที่ประกอบกิจการอย่างสอดคล้องตามกฎหมาย ความรับผิดชอบ และการทำหน้าที่สื่อสารมวลชนที่ดี มาใช้นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างแรงจูงใจให้เป็นตัวอย่างที่ดี กระตุ้นให้สถานีวิทยุกระจายเสียงพัฒนาคุณภาพของการประกอบกิจการให้มีคุณภาพและเกิดประโยชน์ต่อสังคมต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในปี 2566 ที่ผ่านมาเป็นปีแรกที่ทาง สำนักงานกสทช. ดำเนินโครงการคัดเลือกผู้ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงที่มีคุณภาพ และมีกระบวนการประเมินคุณภาพ ที่มีส่วนร่วมจากหลายภาคส่วน ในการกำหนดเกณฑ์และแนวทางการประเมินคุณภาพ ซึ่งประกอบด้วยหลายมิติไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติเรื่องการปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมาย หรือคุณสมบัติเฉพาะประเด็น ทั้งในเรื่องของการบริหาร จัดการสถานี การสร้างเครือจข่ายกับภาครัฐ/ภาคเอกชน การมีส่วนร่วมกับผู้ฟัง การจัดผังรายการให้มีข่าวสารหรือสาระที่เป็นประโยชน์สาธารณะ การดำเนินการตามมาตรฐานจริยธรรม การจัดให้มีรายการที่เป็นประโยชน์ที่หลากหลายและเนื้อหารายการส่งเสริมการใช้ประโยชน์ของของคนและสังคม
รวมถึงความสร้างสรรค์ น่าสนใจด้วยการพิจารณารางวัลประกอบด้วย 3 ระดับ คือ ระดับเขต ระดับภาค และระดับประเทศ โดยมีผู้ที่มีคุณสมบัติพื้นฐาน คือ ไม่เคยมีประวัติการกระทำที่เข้าข่ายการมีเนื้อหาที่ผิดกฎหมาย และเข้าสู่กระบวนการประเมินมากกว่ากึ่งหนึ่ง คือ 2,505 สถานี เข้าสู่การได้รับรางวัลในระดับเขต 85 สถานี ระดับภาค 15 ราย และได้รับรางวัลระดับประเทศ 5 ราย รวม 105 รายโดยแบ่งเป็นผู้รับอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่และประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง (วิทยุหลัก) ประเภทกิจการบริการสาธารณะ จำนวน 2 สถานี ได้แก่
1. สถานีวิทยุกระจายเสียงสื่อสารมวลชน คณะการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ FM. 100.00 MHz จังหวัดเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
2. สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดภูเก็ต FM. 5678 MHz กรมประชาสัมพันธ์
ขณะที่ ผู้ทดลองออกอากาศวิทยุกระจายเสียง จำนวน 3 สถานี ได้แก่ (1) ประเภทกิจการบริการสาธารณะ สถานีวิทยุกระจายเสียงมหาวิทยาลัยราชภัฏ นครศรีธรรมราช (เสียงมหาชัย) FM. 107.50 MHz มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช (2) ประเภทกิจการบริการชุมชน สถานีวิทยุเพื่อการศึกษาโรงเรียนสตรีอ่างทอง FM. 101.75 MHz จังหวัดอ่างทอง สมาคมผู้ปกครองและครูสตรีอ่างทอง และประเภทกิจการบริการธุรกิจ สถานีวิทยุ LOVE FM OK CLICK STATION FM. 96.35 MHz จังหวัดเชียงใหม่ บริษัท คลิกวันสเตชั่น จำกัด ขณะที่คุณภาพระดับเขตจากจำนวน 16 สถานี ทางบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ได้รับรางวัลถึง 4 สถานี ประกอบด้วย สถานีวิทยุจังหวัดเชียงราย คลื่นความถี่ FM. 101.25 MHz คลื่นความถี่ FM 99.0 MHz จังหวัดลำปาง คลื่นความถี่ FM. 96.50 MHz จังหวัดสงขลา และคลื่นความถี่ FM. 104.50 MHz ของจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นต้น
พลอากาศโท ดร.ธนพันธุ์ กล่าวอีกว่า กสทช.ต้องขอขอบคุณผู้เชี่ยวชาญที่ร่วมกำหนดเกณฑ์ และประเมิน คัดเลือกในกระบวนการต่าง ๆ และมหาวิทยาลัยจำนวน 21 แห่ง ที่เข้าร่วมดำเนินการคัดเลือกในระดับเขต รวมทั้ง ต้องขอบคุณและยินดีด้วยกับผู้ประกอบกิจการกระจายเสียงทุกรายที่ดำเนินการได้อย่างถูกต้องและมีคุณภาพ และหวังว่าสื่อวิทยุกระจายเสียงจะยังคงประโยชน์ให้แก่สังคม แม้ปีนี้จะผ่านการคัดเลือกเพียง 85 สถานี จากกว่า 2,505 สถานี ก็เชื่อว่าจากเกณฑ์ที่ได้กำหนดไว้ปีหน้า โอกาสที่จะมีสถานีรับรางวัลเพิ่มมากขึ้นได้อย่างแน่นอน.-514-สำนักข่าวไทย
