กรุงเทพฯ 27 มี.ค.- AMATA เผยจีนยังเป็นอันดับ1 ของลูกค้าปีนี้ รองรับฐานอีวี ทั้งชิ้นส่วนยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ พร้อมผลักดัน บริษัทลูก อมตะ ยู กระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ
นายโอซามู ซูโด รักษาการประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บมจ.อมตะคอร์ปอเรชัน (AMATA) กล่าวว่า บริษัทยังคงคาดหมาย ยอดขายที่ดินใน นิคมฯ ในไทย ปี 67 คาดมียอดขายที่ดินใกล้เคียงหรือมากกว่าในปี 66 ที่ราว 1,800 ไร่ โดยปีนี้ยังคาดว่าจะเป็นผู้ประกอบการจากจีนที่มีความต้องการเข้ามาลงทุนเพื่อการส่งออกมากขึ้น ในขณะที่ระยะถัดไป ก็คาดว่าจะมีนักลงทุนต่างประเทศที่ไปลงทุนในจีน ย้ายฐานมาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น จากปัจจัยสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งประเทศในกลุ่มอาเซียนถือเป็นเป้าหมายของการย้ายฐานการผลิต และประเทศไทยเองก็มีมาตรการสนับสนุนการลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะการลงทุนใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยการเลือกตั้งของสหรัฐใน
ปีนี้ยังเป็นความเสี่ยงหากนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ หากสามารถชนะการเลือกตั้งกลับมาได้ อาจทำให้สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะรุนแรงขึ้น ทำให้ นิคมฯที่ลูกค้าชาวจีนสนใจเข้ามาสำรวจที่ดิน คือ อมตะซิตี้ ระยอง ทำให้แนวโน้มความต้องการซื้อที่ดินในระยองจากผู้ประกอบการจีนสูงอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ผู้ผลิตรถยนต์ และผู้ผลิตอิเล็กทรอนิกส์ คาดปีนี้สัดส่วนลูกค้าจีนในระยองจะเพิ่มขึ้นไปแตะ 90%
ในปีนี้สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติของธุรกิจจากก่อนหน้านี้ ผลของโควิดทำให้การเดินทาง ตกลงซื้อขายที่ดินชะลอตัวไป โดยคาดว่าไตรมาส 1/67 ยอดขายที่ดินคงไม่สูงนัก แต่จะค่อยๆเพิ่มสูงขึ้นในช่วงไตรมาส 2/67 และไตรมาส 3/67 ปัจจุบัน บริษัทมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) กว่า 1.4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น Backlog ในไทย 1.2 หมื่นล้านบาท และเวียดนาม 2 พันล้านบาท ซึ่งจะทยอยโอนในปีนี้ราว 50% .ในขณะเดียวกันบริษัทมีการปรับราคาขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรมขึ้นราว 11-13% เป็นไปตามต้นทุนราคาที่ดินสูงขึ้น
ส่วนกระแสข่าวของ TESLA ที่จะเข้ามาลงทุนในไทย และต้องการใช้ที่ดินก่อสร้างโรงงานผลิต 2 พันไร่ ทาง AMATA ก็มีความพร้อมในการจัดหาที่ดิน โดยเฉพาะในนิคมฯที่ จ.ชลบุรีที่ยังมีที่ดินเพียงพอรองรับความต้องการใช้ที่ดินเป็นจำนวนมากหลักพันไร่ขึ้นไป ซึ่งไม่ปิดโอกาสหากมีลูกค้าที่สนใจซื้อที่ดินจำนวนมาก
นางสาวเด่นดาว โกมลเมศ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน AMATA กล่าวว่า บริษัทตั้งงบลงทุนมในปี 67 ไว้ที่ 5-6 พันล้านบาท โดยส่วนใหญ่ใช้ในการซื้อที่ดินเพื่อนำมารองรับการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม จากความต้องการของลูกค้าผู้ประกอบการต่างชาติที่สนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก และมีแผนนำบริษัทในเครือที่ประกอบการด้านการให้บริการสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรมของบริษัท คือ บริษัท อมตะ ยู จำกัด เตรียมตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยจะมีการยื่นไฟลิ่งในปี 67
นายชวลิต ทิพพาวิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อมตะ ยู จำกัด กล่าว ว่าบริษัททำธุรกิจที่บริการสาธารณูปโภค ทั้งน้ำ ไอน้ำ ไฟฟ้า และอื่นๆ แก่ลูกค้าในนิคมฯที่อมตะดำเนินการเองและร่วมทุน ทั้งในไทย และ สปป.ลาว ซึ่งการเติบโตก็จะมาจากการให้บริการทั้งรายเก่าและรายใหม่ที่จะย้ายฐานเข้ามาลงทุน โดยในขณะนี้ ทำแผน 7 ปี จะมีกำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นทั้งไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล และพลังงานทดแทน รวมทั้งระบบ Circular ที่ในขณะนี้ลูกค้ามีความต้องการพลังงานสีเขียวในการคำนวณค้าขายคาร์บอนเพิ่มมากขึ้น โดยในส่วนของกำลังผลิตไฟฟ้าหลักในขณะนี้ อมตะ ร่วมมือกับ บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ ผลิตไฟฟ้า 1,400 เมกะวัตต์ ส่วนโซลาร์ลอยน้ำในพื้นที่ นิคมฯ จ.ชลบุรี อยู่ระหว่างการติดตั้ง 19.5 เมกะวัตต์ จะเปิดผลิตไฟฟ้าปลายปี 2567
นายจ้าว ปิง ประธานบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมระยอง ไทย- จีน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างอมตะ กรุ๊ป และ Holley Group กล่าวว่า ในขณะนี้นักลงทุนจากจีน ได้ให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นการผลิตเพื่อการส่งออกและรองรับอุตสาหกรามอีวีครบวงจร ทั้งชิ้นส่วนยานยนต์ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และอื่นๆ ทำให้พื้นที่ขาย 1.5 หมื่นไร่ เต็มแล้ว จึงขอให้ทาง อมตะ ช่วยหาพื้นที่ใหม่ให้เพิ่มเติม ซึ่งได้มาเพียง 500 ไร่ ก็ยังไม่เพียงพอ.-511-สำนักข่าวไทย