กรุงเทพฯ 20 มี.ค.- อดีตรองนายกรัฐมนตรี แนะยกระดับการศึกษา พัฒนาคนไทย รองรับสงครามเศรษฐกิจทวีความรุนแรง
ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในงาน สัมมนา “ฝ่าพายุความเปลี่ยนแปลง” ว่า สงครามเศรษฐกิจยุคปัจจุบัน เริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น หลายประเทศเริ่มลดใช้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขาย การลงทุน โดยหันไปใช้เงินหยวนของจีนมากขึ้น เช่น กลุ่มประเทศ BRIC
นอกจากนี้ หลายประเทศ ยังเริ่มแข่งขันการค้นหาแร่ธาตุเพื่อผลิตแบตเตอรี่ รองรับการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า นับว่า ทั้งสงครามใหม่ และสงครามเก่า ซึ่งเป็นระบบที่สหประชาชาติ ทำอะไรไม่ได้ จึงยังคาดว่าในปีนี้การสู้รบหลายภูมิภาค ยังหนักมากขึ้น สร้างความสับสนวุ่นวายไปหลายประเทศทั่วโลก กระทบเศรษฐกิจไปหลายประเทศ การเลือกตั้งประธานธิบดีสหรัฐ หาก “ทรัมป์” กลับมาอีก เน้นในการลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ไทยอาจได้รับประโยชน์ในอีกด้านหนึ่ง จึงเสนอแนะการพัฒนาบุคคลากร ปฏิรูปด้านการศึกษา เพราะมีความสำคัญมาก ในยุคสงครามด้านเทคโนโลยี
ดร.สันติธาร เสถียรไทย คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) กล่าวว่า ปัจจุบันสงครามของมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ เป็นสงครามดุดัน ผสมกับการแข่งขันดุเดือด ทำให้สงครามด้านเศรษฐกิจ รุนแรงขึั้นตามไปด้วย เช่น การบังคับให้ TIK TOK ในสหรัฐขายหุ้นออกมา ยอมรับว่าเศรษฐกิจ จีน คนในประเทศมีกำลังซื้อไม่ดี แต่การผลิตยังแข็งแกร่ง ทั้งการผลิตรถไฟฟ้า สินค้าทั่วไป จึงต้องส่งออกไปต่างประเทศ โดยฉพาะตลาดอาเซียน ไทยจึงอาจได้รับผลกระทบจากสินค้าไหลทะลักเข้ามามากขึ้น
ยอมรับว่า ทั้ง 3 สงคราม มีทั้งความเสี่ยงและโอกาส มาพร้อมๆกัน เช่น สงครามด้านระบบ AI สหรัฐยังเป็นผู้นำ ไทยยังมีปัญหาขาดบุคคลากรทุกระดับ สงครามในด้านสิ่งแวดล้อม จีนเป็นผู้นำ โดยเฉพาะการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เศรษฐกิจสีเขียวพลังงานสะอาด ส่วนสงครามด้านความท้าทาย เพื่อดึงการลงทุนเข้าประเทศ นับว่าไทยมีศักยภาพในการดึงดูดนักลงทุน ดึงดูดคนมาพัฒนาประเทศ นับว่าเป็นแม่เหล็กสำคัญในการรายได้เข้าประเทศอีกทางหนึ่ง ไทยอาจไม่ต้องเลือกข้าง โดยเลือกข้างเฉพาะในส่วนเป็นประโยชน์กับไทย
นายจิรายุ ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวว่า ไทยต้องลงทุนเปลี่ยนแปลง ยกระดับบุคคลากร สามารถพูด สื่อสารกับคอมพิวเตอร์ให้เป็น ใช้เทคโนโลยีให้เป็นทุกการสื่อสาร เหมือนกับหลายประเทศ ต้องพัฒนากันทั้งโลก เพราะโลกยุคใหม่ต้องเดินทางไปด้านนี้ทั้งหมด อีกทั้งกฎใหม่ของทั้งโลก จะ เปลี่ยนแปลงอีกมาก เช่น ใครผลิตสินค้าทำลายสิ่งแวดล้อม จะถูกปฏิเสธจากเวทีโลก ดังนั้น ไทยต้องเร่งเปลี่ยน หรือเร่งพัฒนาประชาชนอีกหลายด้าน เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงเทคโนโลยี
นายปริชญ์ รังสิมานนท์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลูลู่ เทคโนโลยี จำกัด กล่าวว่า ผู้ค้ารายย่อย หรือเอสเอ็มอี ต้องหันมาใช้ระบบข้อมูล หรือบันทึกข้อมูลลูกค้า สังเกตุพฤติกรรมลูกค้า การเข้ามาต่อแถวรอซื้อลูกค้า ลดปัญหาต่อแถวคิวยาว เพราะหากลูกค้าลำคาญ จะหนีไปร้านอื่น หากไม่ปรับเอสเอ็มอี หรือรายย่อยจะประกอบธุรกิจลำบาก จึงเป็นตัวอย่างสำคัญของการใช้ระบบข้อมูล สังเกตุพฤติกรรมลูกค้า.-515-สำนักข่าวไทย