รัฐบาล  ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 

ทำเนียบฯ 12 มี.ค. – ครม. เข้มคลอด ร่าง พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่มสุรา  ห้ามโฆษณา อวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจ   ทำผิดจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท


นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  เปิดเผยว่า   ครม. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์   บังคับใช้หลัง 90 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป  โดยแก้ไขคำนิยาม “เครื่องดื่มแอลกอฮอล์” และ “การสื่อสารการตลาด” และเพิ่มเติมคำนิยาม “ผู้มีปัญหาจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์”  เพื่อให้มีความชัดเจนและครอบคลุมการบำบัดรักษาในกลุ่มบุคคลมากยิ่งขึ้น

ด้านบทกำหนดโทษ เช่น เพิ่มเติมโทษในกรณีที่ฝ่าฝืนบริโภคเครื่องดื่มสุราในสถานที่หรือบริเวณสถานที่ขายเครื่องดื่ม  ปรับไม่เกิน 10,000 บาท เพิ่มอัตราโทษปรับในกรณีผู้กระทำความผิดเป็นผู้ผลิตหรือนำเข้า จากเดิม “ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” เป็น “ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”


ในด้านการโฆษณา  ได้เพิ่มหมวดว่าด้วยการโฆษณา   ได้ห้ามแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่ออวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจ และห้ามโฆษณาผลิตภัณฑ์หรือสิ่งอื่นใด ตลอนจนห้ามมิให้การอุปถัมภ์หรือให้การสนับสนุนบุคคล กลุ่มบุคคล หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชน   โดยไม่ใช้บังคับกับการบริจาคหรือการช่วยเหลือตามมนุษยธรรมในกรณีที่เกิดสาธารณภัยร้ายแรง

กำหนดให้คณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ  โดยมี รัฐมันตรีว่าการกระทรวงดีอีเอส  กระทรวงอุดมศึกษาฯ เป็นกรรมการ  กำหนดนโยบาย แผนงาน และการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกี่ยวกับผู้มีปัญหาจากการดื่มสุรา  เสนอแผนยุทธศาสตร์หรือแผนปฏิบัติการ  การบำบัดรักษาหรือฟื้นฟูสภาพผู้ติดสุรา   การกำหนดวันหรือเวลาห้ามขายหรือบริเวณห้ามขายเครื่องดื่มสุรา  ห้ามดื่ม ในสถานที่หรือบริเวณสถานที่ขายเครื่องดื่มสุรา 

 การเพิ่มองค์ประกอบของคณะกรรมการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จังหวัด เช่น อัยการจังหวัด ปลัดจังหวัด เปลี่ยนกรรมการโดยตำแหน่งจากผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาในจังหวัดซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้ง เป็นศึกษาธิการจังหวัด และเพิ่มกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านสาธารณสุข ด้านรณรงค์ทางสังคม   เพื่อกำหนดแผนควบคุมเครื่องสุราในระดับจังหวัด 


ในหมวดการบำบัดรักษา   “การบำบัดรักษาหรือการฟื้นฟูสภาพผู้ติดยาเสพติดแอลกอฮอล์” เพิ่มเป็น “การบำบัดรักษาหรือฟื้นฟูสภาพผู้ติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือผู้มีปัญหาจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์”  โดยเพิ่มหน่วยงานที่สนับสนุนเกี่ยวกับการบำบัดฟื้นฟูสภาพผู้ติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือผู้มีปัญหาจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น กรมควบคุมโรค กรมการแพทย์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นต้น  

 การแก้ไขอำนาจหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่  มีอำนาจเข้าไปใน อาคาร สถานที่หรือบริเวณสถานีที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือสถานที่หรือบริเวณสถานที่ที่จัดบริการเพื่อให้มีการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทางการค้า  เพื่อตรวจสอบหรือควบคุมเท่าที่จำเป็น ในกรณีอาจกระทำความผิด และมีอำนาจในการเรียกและขอดูบัตรประจำตัวประชาชนหรือเอกสารอื่นใด  ในกรณีที่มีการกระทำความผิดเพื่อดำเนินคดี.-515 สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

หนุ่มอุดรฯ ดวงเฮง ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ 45 ล้านบาท

สุดเฮง! หนุ่มอุดรฯ ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ รับเงินรางวัล 45 ล้านบาท ลูกสาวเผยพ่อเป็นคนชอบทำบุญ ก่อนหน้านี้เพิ่งโทรมาบอกให้ใส่บาตร เชื่อผลบุญหนุนโชคลาภ

สามีภรรยาจากอยุธยารับ “เจ้าจอร์จ” ไปดูแล

สามีภรรยาใจบุญจาก จ.พระนครศรีอยุธยา ขอรับ “เจ้าจอร์จ” สุนัขพันธุ์อเมริกันบูลลี่ ไปอุปการะแล้ว หลังกัดแทะร่างพระเจ้าของที่มรณภาพในกุฏิด้วยโรคประจำตัว

ดีเอสไออนุมัติสืบสวนคดีแตงโม คาดตั้งชุดเริ่มสืบได้ 27 ม.ค.นี้

อธิบดีดีเอสไอ อนุมัติให้สืบสวนคดีแตงโม ว่ามีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ และมีบุคคลหรือเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ คาดเริ่มได้ 27 ม.ค.นี้