เปิดตัว “ออมเบอร์ 5” ส่งเสริมออมผ่านกองทุนรวม

กรุงเทพฯ 5 ก.ย.  – อุตสาหกรรมจัดการลงทุนรวมพลังเปิดตัวโครงการ “ออมเบอร์ 5” ลงทุนในกองทุนรวมแบบ DCA ไม่ต่ำกว่า 500 บาท/ เดือน ต่อเนื่อง 12 เดือน ครบ 5,000 บาท รับโบนัสมูลค่า 500 บาท ตั้งเป้าขยายฐานผู้ถือหน่วยกองทุนหน้าใหม่ ไม่ต่ำกว่า 20,000 ราย  พร้อมสร้างสุขภาพทางการเงินที่ดี


สมาคมบริษัทจัดการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับผู้ประกอบธุรกิจในตลาดทุน ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทประกันชีวิต  และบริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุนที่เข้าร่วมโครงการ และสมาคมที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าวเปิดตัว “โครงการออมเบอร์ 5”  ณ หอประชุมศุกรีย์ แก้วเจริญ ชั้น 3 อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถนนรัชดาภิเษก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนและให้กองทุนรวม เป็นทางเลือกในการออม การลงทุนอย่างต่อเนื่องและการสะสมความมั่งคั่งของผู้ลงทุนและประชาชนทั่วไป เพื่อสร้างสุขภาพทางการเงินที่ดีให้ผู้ลงทุน และส่งเสริมให้ประชาชนไทยมีวินัยทางการเงินเพื่อผลสําเร็จในระยะยาว (Long Term Purpose)  

โครงการออมเบอร์ 5 มีเป้าหมายหลักในการขยายฐานผู้ลงทุนหน้าใหม่โดยเฉพาะกลุ่มคนวัยทำงาน ให้มี ความพร้อม มีวินัยการออมเพื่ออนาคตผ่านการลงทุนในกองทุนรวมแบบ Dollar Cost Average (DCA: การลงทุนสม่ำเสมอ แบบถัวเฉลี่ยต้นทุน) โดยประชาชนทั่วไปที่สนใจเข้าร่วมโครงการด้วยการเปิดบัญชีกองทุนรวม เริ่มลงทุนสะสมจนครบ 5,000 บาท และร่วมสร้างแผนการลงทุนในกองทุนรวมแบบสม่ำเสมอรายเดือน (DCA) ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 500 บาท  ซึ่งเมื่อลงทุนต่อเนื่องครบ 12 เดือน จะได้รับของสมนาคุณพิเศษเพื่อสนับสนุนการออมเพิ่มเติมมูลค่า 500 บาท  โดยภาคธุรกิจที่เข้าร่วมโครงการประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน 22 แห่ง บริษัทหลักทรัพย์ 14 แห่ง  บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน 2 แห่ง ธนาคารพาณิชย์ 7 แห่ง และบริษัทประกันชีวิต 4 แห่ง


นางวรัชญา ศรีมาจันทร์ รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กล่าวสนับสนุนโครงการออมเบอร์ 5 ว่า ก.ล.ต. มีเป้าหมายให้ประชาชนมีสุขภาพทางการเงินที่ดี โดยการสะสมเงินออมและลงทุน ในตลาดทุนเพื่อตอบสนองความต้องการใช้เงินในระยะยาว และเห็นว่า “โครงการออมเบอร์ 5” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสมาคมบริษัทจัดการลงทุน บริษัทจัดการลงทุน ตัวแทนขายหน่วยลงทุนและสมาคมธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทย และ ก.ล.ต. เป็นโครงการที่สามารถช่วยให้ผู้ลงทุนในวงกว้างสามารถเข้าถึงการลงทุนในกองทุนรวมได้ ด้วยเงินลงทุนไม่มาก และมีวินัยในการลงทุนแบบสม่ำเสมอและต่อเนื่องเพื่อความสำเร็จในระยะยาว โดยมีผู้จัดการกองทุนคอยบริหารจัดการเงินลงทุนให้อย่างมืออาชีพ ก.ล.ต. จึงสนับสนุนการให้ความรู้ รวมถึงการประชาสัมพันธ์โครงการดังกล่าว ในวงกว้าง และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า “โครงการออมเบอร์ 5” นี้ จะเป็นทางเลือกให้ประชาชนสามารถใช้ในการเข้าถึงการลงทุนได้ต่อไป

ดร.รินใจ ชาครพิพัฒน์ รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวสนับสนุนโครงการว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ส่งเสริมให้เกิดการขยายฐานผู้ลงทุนผ่านกองทุนรวมมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับโครงการออมเบอร์ 5 นับเป็นโครงการที่ดี ที่ช่วยกระตุ้นให้คนไทยเกิดความตื่นตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มคนวัยทำงานรุ่นใหม่ที่ควรส่งเสริมให้เกิดวินัยการออมและลงทุนอย่างสม่ำเสมอ โดยพร้อมสนับสนุนโครงการฯ อย่างเต็มที่ในทุกด้าน ทั้งการเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเรื่องกองทุนรวมผ่านสื่อโดยเฉพาะช่องทางดิจิทัล อีกทั้ง ยังได้ร่วมกับสมาคมฯ ภายใต้โครงการให้เงินทำงานผ่านกองทุนรวม จัดมหกรรมกองทุนรวม “Fund Wealth Fair” ขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 17 ก.ย.นี้ ณ อาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งจะมีกิจกรรมสัมมนาและเวิร์กชอปหลากหลายหัวข้อเกี่ยวกับกองทุนรวม และการออกบูธเพื่อให้คำแนะนำและให้บริการลงทุนโดยตัวแทนจาก บลจ. เพื่อให้ผู้สนใจได้ศึกษาข้อมูลและสามารถเริ่มต้นออมสม่ำเสมอกับโครงการออมเบอร์ 5 ได้อย่างมั่นใจ

นางชวินดา หาญรัตนกูล  นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) ในฐานะตัวแทนบริษัทจัดการลงทุน แนะนำโครงการออมเบอร์ 5  ว่า กองทุนรวมเป็นเครื่องมือที่เหมาะสมสำหรับคนไทยในการออมและการลงทุนเพื่ออนาคต อย่างไรก็ดีพบว่าจำนวนผู้ลงทุนบุคคลในกองทุนรวมมีจำนวนเพียง 1.7 ล้านคนในปี 2565 ถือว่ามีสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรของประเทศ ดังนั้น AIMC จึงได้ริเริ่มโครงการด้วยหลักคิดเรื่องความเพียงพอของเงินออมของคนไทย โดยออกแบบเครื่องมือลงทุนในกองทุนรวมที่ไม่ซับซ้อนเข้าถึงง่าย ด้วย Key Message “ออมเงินแบบคนมีความสุขต้อง “555” กับโครงการออมเบอร์ 5 ที่มาพร้อมกับกระบวนการง่ายๆ เพื่อให้การลงทุนประสบผลสำเร็จ ได้แก่ การตัดสินใจเพื่อเริ่มต้นออมและลงทุนที่ไม่ยากด้วยยอดเงินเริ่มต้นที่ไม่สูงจนเกินไปนัก  การเปิดบัญชีกองทุนรวมที่ไม่เสียเวลาอย่างที่เคยคิด  การสร้างวินัยจากการออมที่จะพาไปสู่เป้าหมายในระยะยาวและการส่งเสริมกำลังใจและของสมนาคุณเมื่อมีวินัยลงทุนครบตามเงื่อนไข ทั้งนี้ ถ้าโครงการบรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมาย คาดว่าจะได้ผู้ลงทุนหน้าใหม่รวมไม่ต่ำกว่า 20,000 ราย  โดยจะเป็นผู้ลงทุนที่มีคุณภาพ มีวินัยการลงทุนที่ดี ซึ่งจะเป็นฐานผู้ออมใหม่ที่มีคุณภาพในระยะยาวต่อไป


นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย ได้กล่าวสนับสนุนโครงการ ในฐานะตัวแทนบริษัทหลักทรัพย์ ที่มีบทบาทสำคัญอันหนึ่งคือส่งเสริมผู้ลงทุนในการลงทุนระยะยาวในหลักทรัพย์เพื่อการออม  การออมโดยการลงทุนผ่านกองทุนรวมเป็นแนวทางที่สำคัญทางหนึ่งที่จะสนับสนุนการออมโดยเฉพาะกับคนที่พึ่งเริ่มต้นการออมผ่านตลาดทุน และในปัจจุบันมากกว่าครึ่งหนึ่งของบริษัทหลักทรัพย์ได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน ซึ่งบริษัทหลักทรัพย์เหล่านี้พร้อมจะช่วยสนับสนุนโครงการอย่างเต็มที่ด้วยรูปแบบต่างๆ อาทิ กลั่นกรองและคัดเลือกกองทุนที่โดดเด่นที่เหมาะสมกับการออมและลงทุนระยะยาว ให้คำแนะนำและปรึกษาการลงทุนในกองทุนรวม หรือร่วมสนับสนุนรางวัลของสมนาคุณ เชื่อว่าการออมและลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่งให้ประชาชนไทย และการสนับสนุนให้เกิดผู้ลงทุนรายใหม่ สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านช่องทางนี้เช่นกัน

นายสาระ ล่ำซำ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวว่าการลงทุนระยะยาวแบบประกันชีวิตจะช่วยให้ตลาดทุนไทยพัฒนาเติบโตได้อย่างมีคุณภาพ ที่ผ่านมาเราให้ความสำคัญกับการสร้างบุคลากรในธุรกิจประกันชีวิตให้มีความรู้ความเข้าใจ ในผลิตภัณฑ์ตลาดทุน สามารถให้คำแนะนำและวางแผนการลงทุนใน Investment Link Insurance Products (“ILP”) ซึ่งได้แก่ กรมธรรม์ประกันชีวิตควบการลงทุน (“Unit Linked”) เพื่อเพิ่มทางเลือกในการออมและลงทุน และให้โอกาสของผลตอบแทนในระยะยาวที่สูงขึ้น เชื่อมั่นว่าโครงการออมเบอร์ 5 จะช่วยสนับสนุนให้เกิดการเติบโตของผลิตภัณฑ์ unit linked และช่วยให้เกิดการต่อยอดกับกลุ่มลูกค้าประกันชีวิตที่มีอยู่เดิมและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ได้มากขึ้น

ในด้านธนาคารพาณิชย์ ซึ่งเป็นช่องทางการขายกองทุนรวมที่เข้มแข็งด้วยสาขาของธนาคารรวมถึงระบบโมบายแบงค์กิ้งแอปที่เข้าถึงผู้ลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น

นางกิตติยา โตธนะเกษม ผู้อำนวยการสถาบันธนาคารไทย สมาคมธนาคารไทย กล่าวว่าธนาคารพาณิชย์ไทยให้ความสำคัญในการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่องเพื่อแนะนำทางเลือกการออมเงินที่เหมาะสมกับลูกค้าและระดับการรับความเสี่ยงที่ต่างกัน และยังได้ให้ความรู้เรื่องการออมสู่ประชาชนเสมอมา มั่นใจว่าสาขาของธนาคาร รวมถึงบริษัทจัดการลงทุน ที่อยู่ในเครือ ซึ่งมีผู้แนะนำการลงทุนหลายหมื่นคน จะร่วมกันช่วยส่งเสริมสุขภาพทางการเงินที่ดีแก่ประชาชนทั่วไป

นายชลเดช เขมะรัตนา ประธานชมรมผู้ประกอบธุรกิจนายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน กล่าวว่า  บลน. พร้อมสนับสนุนโครงการออมเบอร์ 5 ให้เกิดผลรูปธรรมอย่างเต็มที่เช่นกัน ด้วยจุดแข็งที่ บลน. สามารถขายกองทุนรวมของบริษัทจัดการต่าง ๆ ได้ในแพลทฟอร์มเดียว รวมทั้งมีนักกลยุทธ์การลงทุนที่สามารถให้คำแนะนำการลงทุนในกองทุนรวม ช่วยแนะนำผสมผสานกองทุนรวมที่โดดเด่นจาก บลจ.ต่าง ๆ เพื่อสร้างพอร์ตโฟลิโอได้ดังใจผู้ลงทุนพร้อมความเสี่ยงที่ยอมรับได้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” ยันไทยทำถูกต้องปมรั้วลวดหนามบ้านหนองจาน

ทำเนียบ 26 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ยันกรณีล้อมรั้วลวดหนาม พื้นที่บ้านหนองจาน ไทยทำถูกต้องภายใต้ข้อตกลงหยุดยิง บอกโฆษก ทบ. แจงรายละเอียด นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่กัมพูชาใช้มวลชนมากดดัน เพื่อให้ไทยรื้อลวดหนามบริเวณพื้นที่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว รัฐบาลจะมีแนวทางอย่างไร ว่า พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงแล้ว ก็เป็นไปตามนั้น ส่วนจะมีการเพิ่มมาตรการอะไรหรือไม่ นายภูมิธรรม ย้ำว่าเป็นไปตามที่โฆษกกองทัพบกได้ชี้แจงไปแล้ว เพราะเรื่องนี้เป็นปัญหาที่ยังกระทบกันอยู่ ก็แก้ไขปัญหาไปตามสภาพการณ์ เรายืนยันว่าสิ่งที่เราทำถูกต้องแล้ว และทำทุกอย่างภายใต้ข้อตกลงหยุดยิงที่ประเทศมาเลเซีย .-315 -สำนักข่าวไทย

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

อุตุฯ เตือนเหนือ-อีสานตอนบน-ใต้ฝั่งตะวันตก ฝนตกหนัก-ลมแรง

กรุงเทพฯ 26 ส.ค. – กรมอุตุฯ เตือนบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ตราด และระนอง ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและลมแรง ส่วนพายุโซนร้อน “คาจิกิ” คาดอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันและหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง ก่อนเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือ บริเวณ จ.น่าน เย็นวันนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ส่วนภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชน โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ตราด และระนอง ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ลมแรง และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ปกคลุมบริเวณประเทศลาว ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย […]

จับตา “คาจิกิ” หลายจังหวัดภาคเหนือเตรียมรับมือน้ำท่วมดินถล่ม

25 ส.ค. – หลายจังหวัดทางภาคเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่ซึ่งเคยเผชิญน้ำท่วมครั้งใหญ่ทั้งน่าน ชายแดนแม่สาย เชียงราย และเชียงใหม่ ต่างเร่งเตรียมรับมือพายุคาจิกิ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบชัดเจนตั้งแต่พรุ่งนี้ นอกจากเสี่ยงจะเกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากแล้ว บางพื้นที่ยังเสี่ยงดินโคลนถล่มด้วย โดยเฉพาะหมู่บ้านใกล้เชิงเขาที่จังหวัดน่าน ซึ่งเกิดดินสไลด์จนกระทบบ้านเรือนนับสิบหลังก่อนหน้านี้ ตอนนี้ต้องอพยพชาวบ้านกว่า 20 ครอบครัวออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัยแล้ว .-สำนักข่าวไทย