กรุงเทพฯ 13 ส.ค.-ประธานสภาหอการค้าไทย มองนโยบายเพื่อไทย ลดค่าครองชีพ ไฟฟ้า -น้ำมัน-ก๊าซ และช่วยเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุน จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เอกชนพร้อมสนับสนุน ยังเชื่อได้รัฐบาลใหม่ตามไทม์ไลน์
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยโพสต์ข้อความผ่านเพจว่า “พรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคการเมืองที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล มุ่งมั่นที่จะเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ แก้วิกฤตปัญหาให้พี่น้องประชาชน ปัญหาปากท้องของประชาชนเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องแก้ไข พรรคเพื่อไทยมีแนวทางในการปรับลดราคาพลังงาน น้ำมัน ไฟฟ้าและก๊าช เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันให้ประชาชน”
โดยมองว่า เมื่อพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จึงต้องการดำเนนนโยบายเพื่อลดภาระค่าของชีพของประชาชน แต่ยังไม่ได้มีการชี้แจงรายละเอียดว่าวิธีการปรับลดราคา น้ำมัน ไฟฟ้าและก๊าช จะดำเนินการอย่างไร ซึ่งเรื่องดังกล่าวทางคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.)ได้มีการเรียกร้องต่อรัฐบาลมาโดยตลอด จึงพร้อมที่จะให้ความร่วมมือและสนับสนุนอย่างเต็มที่ในการที่จะทำให้ค่าของชีพของประชาชนลดลงได้ เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับปากท้องประชาชนโดยตรง เป็นเรื่องต้องทำทันที นอกจากนี้ ภาคอุตสาหกรรมจะได้ประโยชน์ โดยเฉพาะการลดค่าไฟฟ้า ที่เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอินโดนีเซียหรือเวียดนาม ค่าไฟฟ้าถูกกว่าไทย หากทำได้จะทำให้ต้นทุนภาคอุตสาหกรรมลดลง เพิ่มโอกาสการแข่งขัน ขณะเดียวกันจะทำให้ค่าครองชีพและเงินเฟ้อ ลดลงมาอยู่ในระดับที่ต่ำได้
ส่วน ‘นโยบาย Digital wallet 10,000 บาท’ ของพรรคเพื่อไทย ที่จะให้คนไทยทุกคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ได้กระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet) จับจ่ายใช้สอยสินค้าที่จำเป็นในการดำรงชีวิต เพื่อกระจายรายได้สู่ชุมชนและกระตุ้นเศรษฐกิจ นั้น หากทำได้จริง จากจำนวนนประชากรที่มีอายุ16 ปีขึ้นไปมีอยู่ประมาณ 50 ล้านคน ก็จะช่วยให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจได้เร็วขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามว่าเมื่พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลแล้ว จะมีวิธีการอย่างไร เพราะต้องคำนึงถึงทุกๆ ด้าน เช่น การคลังจะทำได้แค่ไหน จะเป็นภาระอย่างไรบ้างและวิธีการที่จะปรับโครงสร้างราคาพลังงานจะทำได้จริงและทำได้เร็วแค่ไหน ถ้าทำได้ก็คงจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ทันที
นายสนั่น ยังกล่าวถึงการช่วยเหลือลุ่มผู้ประกอบการ SME ว่า ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งทุกพรรคการเมืองที่เข้ามาพบหารืกับสภาหอการค้าฯ ได้ชูนโยบายเรื่องนี้เป็นพิเศษ โดยเฉพาะการเรื่องการดำเนนิการเรื่องกองทุนหรือสถาบันการเงินเพื่อให้เอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้เร็วและมากที่สุด เนื่องจากกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว ซึ่งมองว่าการช่วยเหลือเอสเอ็มอี ต้องเป็นความร่วมมือทั้งภาครัฐและเอกชน สถาบันการเงินควรรีบปล่อยสินเชื่อ เพื่อให้ผู้ประกอบการได้มีเงินทุนหมุนเวียนเหมือนต่อลมหายใจได้ทันที แม้ขณะนี้ยังมีโอกาสที่ดอกเบี้ยจะปรับขึ้นอีก แต่ก็ยังไม่ร้ายแรงเท่ากับเอสเอ้มอีที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนจนต้องออกไปกู้หนี้นอกระบบที่ขณะนี้มีมากกว่า 10%
“ขอให้รัฐบาลจัดตั้งได้เร็วที่สุด ตอนนี้มองว่ายังอยู่ในไทม์ไลน์ที่ยังสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ภายในเดือนสิงหาคม อย่างช้าน่าจะภายในเดือนกันยายน เราจำเป็นต้องมีรัฐบาลเพื่อมาบริหารประเทศ ไม่เช่นนั้น งบประมาณรายจ่าย งบการลงทุนต่างๆ จะไม่สามารถเดินหน้าได้หรือทำได้ยาก เรามีปัญหามากมายรออยู่ที่จะต้องมีมาตรการเยียวยา มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่ง ซึ่งส่วนนี้จำเป็นต้องมีรัฐบาลเร็วที่สุด” นายสนั่น กล่าว.-สำนักข่าวไทย