กรุงเทพฯ 12 ก.ค. – ดัชนีหุ้นปิดบวกช่วงเช้า และติดลบช่วงบ่าย หลังรับทราบมติคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีถือหุ้นสื่อของ “พิธา” ทำให้ขาดคุณสมบัติ ในขณะที่มีแรงกระเพื่อมคัดค้านมติ กกต.
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผอ.ฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.กรุงศรี พัฒนสิน กล่าวว่า การที่มติคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพ ส.ส. ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล รวมทั้งมีคำขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ไว้จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย จากเหตุมีชื่อถือครองหุ้นสื่อ บมจ.ไอทีวี จำนวน 42,000 หุ้น จากนี้ต้องติดตามตุลาการศาลฯ ประชุมบ่ายนี้ (12 ก.ค.) ว่าจะมีมติอย่างไร โดยคาดว่าโอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลสูงขึ้น กรณี 8 พรรคร่วมฯ เดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล คาด SET แกว่งขึ้นในกรอบ 1,720-1,480 จุด ภายในช่วงที่เหลือของปีนี้
ทั้งนี้ หลังมติ กกต.ออกมาได้ส่งผลให้ดัชนี SET ขยับขึ้น และหุ้นที่ก่อนหน้านี้คาดว่าจะได้รับผลกระทบหากพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาลก็ขยับขึ้น เช่น ราคา GULF +4.40% ซึ่งในขณะนี้นักลงทุนจับตามองว่า การเมืองจะพลิกขั้วในการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่
โดยที่ประชุม กกต. มีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า สมาชิกภาพ ส.ส. ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) ประกอบมาตรา 101 (6) หรือไม่ จากเหตุมีชื่อถือครองหุ้นสื่อ บมจ.ไอทีวี จำนวน 42,000 หุ้น รวมทั้งมีคำขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ไว้จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย โดยในช่วงบ่ายวันนี้ (12 ก.ค.) เวลา 13.00 น. ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้มีการนัดประชุมประจำสัปดาห์ ซึ่งต้องจับตามองว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาวันนี้เลยหรือไม่
ตลาดหุ้นไทยผันผวน ณ เวลา 11.27 น. อยู่ที่ 1504.28 จุด +7.32 จุด +0.49% แต่ในช่วงบ่ายหลังเปิดตลาดอยู่ในภาวะติดลบ ช่วงเวลา 14.40 น. -4.97 จุด -0.33%
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด (“KTX”) ระบุว่า มีแรงซื้อเก็งกำไร หุ้นกลุ่มร่วงแรงจากนโยบายพรรคก้าวไกล เช่น กลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้า กลุ่มทุนผูกขาด ฯลฯ เช่น GULF, EA, BGRIM, GPSC ADVANC หลังจากโอกาสที่นายพิธา จากพรรคก้าวไกล จะได้รับการโหวตวันพรุ่งนี้ (13 ก.ค.) มีน้อยลง รับข่าว กกต. เพิ่งมีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญวันนี้ กรณีถือหุ้นสื่อของนายพิธา ทำให้ขาดคุณสมบัติ ส.ส. ทั้งนี้ จำนวนหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้นมี 202 หลักทรัพย์ และลดลง 201 หลักทรัพย์
นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต นักธุรกิจ แสดงความเห็นผิดหวังกับมติ กกต.ว่า เป็นขั้น เป็นตอน หาทางลง ในการเชือดนายพิธา ?? เพราะวันที่ 11 ก.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศวางมือทางการเมือง ไม่เกี่ยวกับการเมืองใดๆ, วันที่ 12 ก.ค. ทาง กกต.ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ คดีหุ้น ITV ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ และวันที่ 13 ก.ค. รัฐสภาลงมติโหวตนายกรัฐมนตรี นับเป็นทางถอยให้ ส.ว. หรือ ส.ส. ที่โหวต No หรือไม่รับรองนายพิธา หรือไม่
“ประเทศไทยของเราบริหารกันแบบนี้หรือ มันช่างสวนทางความรู้สึกและความหวังของประชาชนหลายสิบล้านคนจริงๆ เศรษฐกิจของประเทศจะต้องหมักหมม รอคอยคนมาแก้ไขอีกนานเท่าไหร่” นายอิศเรศ กล่าว. – สำนักข่าวไทย