รัฐสภา 25 ก.ย.- “สว.สำรอง” ยื่นกมธ.กฎหมาย จี้ สอบคดีฮั้ว สว. หลัง กกต. ทำงานล่าช้า หวั่น “รัฐบาลอนุทิน” แทรกแซง เหตุ เป็นหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหา เผย สัปดาห์หน้าขอเข้าพบ รมว.ยุติธรรมคนใหม่ ถกแนวทางต่อ
นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร รับหนังสือจากนายธนวัฒน์ ศรีสุข ตัวแทนกลุ่ม สว.สำรอง เรื่อง ขอกรุณาให้ติดตามตรวจสอบกรณีคดีโกงฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา ปี 2567
นายธนวัฒน์ กล่าวว่า กลุ่ม สว. สำรอง มีความห่วงกังวลว่าการพิจารณาสำนวนคดีของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีความล่าช้ามาก โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็น 1 ในผู้ถูกกล่าวหาด้วย ได้เข้ามาบริหารประเทศอาจจะเข้าไปก้าวก่ายหรือแทรกแชงในขบวนการที่กกต. อยู่ระหว่างการพิจารณา และเสนอสำนวนคดีไปยังศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อหลักการความเที่ยงธรรม สุจริต โปร่งใส รวมถึงกระบวนการของสถาบันนิติบัญญัติตามระบอบประชาธิปไตย และขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560
นายธนวัฒน์ กล่าวอีกว่า เราขอเสนอข้อร้องเรียนต่อประธานกมธ.ฯ เพื่อพิจารณาดำเนินการ ดังนี้ 1. ตรวจสอบการดำเนินงานของ กกต. ที่มีความล่าช้าเกินกรอบระยะเวลาที่ระเบียบของ กกต. กำหนดไว้ 1 ปี (ปัจจุบันล่วงเลยมาเป็นเวลา 2 เดือน แล้วโดยนับจากการประกาศรับรองผลเลือกตั้งสว. 67 เมื่อวันที่ 10 ก.ค. 67 ) และ 2. ตรวจสอบการดำเนินงานของอนุกรรมการวินิจฉัย (ตามระเบียบของ กกต. อาจแต่งตั้งหรือไม่ก็ได้) ที่มีแนวโน้มจะยื้อเวลา และแก้ไขสำนวนคดีของคณะอนุกรรมการชุดที่ 26 โดยอ้างกรอบเวลาตามกฎหมาย เพื่อช่วยเหลือผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งจะส่งผลกระทบและสร้างความเสียหายเรื่องความเที่ยงธรรม สุจริต และโปร่งใส อย่างไรก็ตาม สัปดาห์หน้าจะเข้าไปปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอเข้าพบปรึกษาหารือแนวทางในการทำคดีต่อไปอย่างไรว่าจะจบแบบไหน
“ทางกลุ่ม สว. สำรอง มีความห่วงกังวล และขอให้รัฐบาลของนายอนุทิน ได้ปฏิบัติตามกฎหมาย รัฐธรรมนูญมาตรา 68 ที่รัฐพึงคุ้มครองระบบยุติธรรมอย่างเคร่งครัด มิให้ถูกแทรกแชง เนื่องจากปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะเข้ามาดำเนินการแทรกแซงทั้งในสำนวนคดีโกงฮั้วเลือก สว. ที่อยู่ในความรับผิดชอบของ กกต. และคดีอั้งยี่และฟอกเงิน ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ เช่น มีการติดต่อให้พยานสำคัญมากลับคำให้การ รวมทั้งการสอบปากคำพยานบางรายเพื่อหักล้างพยานปากอื่น หรืองดเว้นการสอบปากคำพยานสำคัญบางปาก เพื่อเป็นการเบี่ยงเบนประเด็นในคดี เป็นต้น” นายธนวัฒน์ กล่าว .-316 -สำนักข่าวไทย