กรุงเทพฯ22 มี.ค.-หุ้นไทยฟื้นตัวบวกกว่า 10 จุดเช้านี้ ตามตลาดโลกที่เชื่อมั่นแก้วิกฤตธนาคารสหรัฐ-ยุโรป ส่งผลทองคำราคาลดลง เงินบาทอ่อนค่า นายกสมาคมนักวิเคราะห์ชี้ แยกแยะข้อมูลเพื่อการลงทุนที่ดี
ดัชนีหุ้นไทย เปิดตลาดเช้าวันนี้ (22 มี.ค.) ที่ 1,585.62 จุด เพิ่มขึ้น 8.44 จุด หรือ 0.54% บางช่วงขึ้นกว่า 10 จุด และเมื่อเวลา 10.45 น. ย่อตัว อยู่ ที่ 1,581.55 จุด เพิ่มขึ้น 4.37 จุด หุ้นไทยปรับตัวขึ้น ตามตลาดภูมิภาค ที่ดีตัวขึ้นตามฝั่งสหรัฐ-ยุโรป หลังตลาดคลายกังวลปัญหาภาคธนาคาร จากแนวทางแก้ไขได้รับการตอบรับเชิงบวก และรอผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ ที่ตลาดคาดทั้งคงดอกเบี้ยและขึ้นดอกเบี้ย 0.25%
ด้านราคาทองคำในประเทศเช้านี้ร่วงบาทละ 200 บาท ตามราคาต่างประเทศที่ราคาทองปรับตัวลดลง โดย สมาคมค้าทองคำ รายงานว่า ราคาทองคำแท่ง เปิดตลาดเมื่อเวลา 09.28 น. รับซื้อเข้าบาททองคำละ 31,650.00 ขายออกบาททองคำละ 31,750.00 ,ราคาทองรูปพรรณ รับซื้อเข้าบาททองคำละ 31,078.00 ขายออกบาททองคำละ32,250.00 บาท
วานนี้ (21 มี.ค.)สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 41.70 ดอลลาร์หรือ 2.10% ปิดที่ระดับ 1,941.10 ดอลลาร์/ออนซ์
เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากราคาทองคำทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือนเมื่อวันจันทร์ และตลาดคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในภาคธนาคาร ส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
ด้าน นส.กาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย ศูนยฺวิจัยกสิกรไทย กล่าวว่าเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 34.50-34.52 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.50 น.) อ่อนค่าลงต่อเนื่องเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 34.32 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทและสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชียอ่อนค่าลงในช่วงก่อนผลการประชุมเฟดในคืนนี้ ซึ่งเสียงส่วนใหญ่ยังคงคาดการณ์ว่า เฟดน่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 25 bps. อย่างไรก็ดี จุดสนใจของการประชุมรอบนี้จะอยู่ที่ dot plot และมุมมองต่อสถานการณ์ปัญหาในภาคธนาคาร รวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในระยะข้างหน้า
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร นายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน กล่าวใน รายการนาทีลงทุนช่วง”แยกแยะ” ช่วงนี้ข่าวจะสับสนเพราะข่าวที่เกิดขึ้นในธนาคารที่ต่างประเทศ แต่นักลงทุนจะนำข่าวมา APPLY กับตลาดในประเทศ ต้องแยกแยอะวงจรเศรษฐกิจไทยและต่างประเทศมีความแตกต่างกัน ธนาคารพาณิชย์ในต่างประเทศในสหรัฐ ยุโรป บางธนาคาร ถูกปิด บางกิจการถูเทคโอเวอร์ มีปัจจัยพื้นฐานที่แตกต่างจากธนาคารของไทย อะไรที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ ไม่ใช่ว่าจะเกิดขึ้นในประเทศไทย นักลงทุนต้องแยกแยะสิ่งที่เกิดขึ้นในและต่างประเทสเพราะความจริงความสัมพันธ์ข้อมูลไม่ได้ ใกล้ชิดกันเหมือนในอดีต
“จริงๆ แล้วธนาคารพาณิชย์ สหรัฐมีความเปราะบางเพราะมีสาขาแยอะมากในสหรัฐมีธนาคารถึงกว่า 4พันแห่ง แต่ในไทยมีธนาคารเพียงกว่า 10 แห่ง การกำกับดูแลของธนาคารกลางสหรัฐและไทยก็แตกต่างกัน ทางการของสหรัฐจึงไม่ได้เข้มงวดทุกธนาคารเมือนกับไทย สรัฐให้ความสำคัญต่อธนาคารขนาดใหญ่เพียง 8 แห่ง แต่ของไทยกำกับดูแลเหมือนกันทุกแห่ง ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ดูแลเข้มงวด มีการทดสอบการดำเนินการต่อเนื่อง มีการรายงานที่ชัดเจนว่าธนาคารของไทยมีความแข็งแกร่ง มั่นคง มากกว่าสหรัฐ แน่นอน สิ่งที่เกิดขึ้นในสหรัฐก็จะไม่ได้เกิดขึ้นในไทย”นายไพบูลย์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย