กรุงเทพฯ 7 ก.ค. – ดัชนีหุ้นไทย มิ.ย.ลดลง 5.2% เหตุสงครามอิสรเอลอิหร่าน ปัญหาขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา การเมืองในประเทศ จับตาเจรจาไทย-สหรัฐ หลัง “ทรัมป์” ขยายเวลาถึง 1 ส.ค. เชื่อเป็นผลดี
นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยถึงกรณีประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ โพสต์ผ่านทรูธโซเชียลว่าจะเริ่มส่งจดหมายแจ้งอัตราภาษีต่างตอบแทนต่อประเทศต่างๆ ในเวลา 12.00 น.ของวันจันทร์ที่ 7 ก.ค. ซึ่งจากเดิมกำหนดเส้นตายจัดเก็บภาษีวันที่ 9 ก.ค. 68 จะเลื่อนมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ส.ค. 68 มองว่าเป็นผลดี เนื่องจากทำให้หลายประเทศมีเวลาในการเจรจา รวมถึงประเทศไทย หลังจากบางประเทศบรรลุข้อตกลงไปก่อนแล้ว เช่น อังกฤษ จีน เวียดนาม ยอมรับว่า Tariff มีผลต่อเศรษฐกิจไทยแน่นอน เมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่ง ถ้าถูกเรียกเก็บในอัตราสูง เราก็เหนื่อย ถ้าถูกเรียกเก็บในอัตราที่ต่ำก็ถือเป็นข่าวดีซึ่งการมีเวลาถือว่าดี หลังจากนี้ต้องรอดูว่าสหรัฐฯ จะคิดอย่างไรกับข้อสรุปชุดใหม่ของไทยที่ส่งไป
ส่วนกรณีประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ประกาศแผนการที่จะ เรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม 10% จากประเทศใดก็ตามที่สนับสนุน “นโยบายต่อต้านอเมริกาของกลุ่ม BRICS” ซึ่งไทยได้เข้าร่วมเป็นประเทศหุ้นส่วนของกลุ่ม BRICS เมื่อ ธ.ค. 67 ที่ผ่านมา มองว่ายังไม่อยากให้นักลงทุนตื่นตระหนก ขอให้รอดูความชัดเจนจากทางการ
ด้านนายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าตลาดหุ้นโลกได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งในตะวันออกกลางในระยะสั้น จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นอยู่ในช่วง 70-80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล อีกทั้งผู้ลงทุนเริ่มให้ความสำคัญกับความคืบหน้าของการเจรจาการค้าของสหรัฐฯ หลังประกาศข้อตกลงอย่างไม่เป็นทางการกับเวียดนามซึ่งถือเป็นประเทศแรกใน ASEAN ที่บรรลุข้อตกลงในการลดกำแพงภาษี นอกจากปัจจัยภายนอกในเดือนมิถุนายนแล้ว ผู้ลงทุนไทยยังกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา อีกทั้งยังมีปัจจัยด้านการเมืองภายในประเทศที่กำลังเข้าสู่ช่วงที่ความไม่แน่นอนสูงหลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้อง สว. ยื่นถอดถอนนายกรัฐมนตรี และมีมติสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว
ข้อมูลในอดีตชี้ให้เห็นว่า แม้จะเกิดเหตุการณ์ความขัดแย้งเชิงภูมิรัฐศาสตร์หรือการประกาศสงคราม ตลาดหุ้นในประเทศพัฒนาแล้วมักเผชิญกับความผันผวนเพียงระยะสั้น ก่อนจะฟื้นตัวและกลับมาให้ผลตอบแทนในทิศทางบวกได้ภายในเวลาไม่นาน ตลาดหุ้นไทยได้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในลักษณะเดียวกันตลอดเดือนที่ผ่านมา ซึ่งนักวิเคราะห์หลายสำนักแนะนำว่าการรักษาวินัยการลงทุนและเดินหน้าตามกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง หรือ “Stay Invest” จึงเป็นแนวทางสำคัญที่ช่วยให้ผู้ลงทุนไม่พลาดโอกาสสำคัญหากดัชนีตลาดสามารถพลิกกลับขึ้นได้อย่างรวดเร็วและสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจในระยะถัดไป
เนื่องจากเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ขยายตัวดีกว่าที่ประเมินไว้จากภาคการผลิตและการเร่งส่งออกสินค้า ส่งผลให้การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ขณะที่หลังจากวันสุดท้ายที่มีการเปิดขายกองทุนรวม Thai ESGX มี Fund Flow ของผู้ลงทุนเข้ามาอยู่ในกรอบกว่า 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่ช่วยพยุงหุ้นไทยในช่วงความไม่แน่นอนค่อนข้างสูง อีกทั้ง ตลาดหลักทรัพย์ฯ วางแผนสนับสนุนบริษัทจดทะเบียนในหลายมิติผ่านโครงการ “JUMP+” เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นในตลาดทุนไทย
สำหรับภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ 30 มิถุนายน 2568 SET Index ปิดที่ 1,089.56 จุด ปรับลดลง 5.2% จากเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นการปรับลดลงมากกว่าตลาดหลักทรัพย์ส่วนใหญ่ในภูมิภาค ส่งผลให้ตั้งแต่ต้นปีจนถึงสิ้นเดือนมิถุนายน 2568ปรับลดลง 22.2%
มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยรายวันรวมของ SET และ maiอยู่ที่ 39,663 ล้านบาท หรือลดลง 10.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยรายวันรวมอยู่ที่ 41,856 ล้านบาท ลดลง 7.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีบริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ซื้อขายใน mai 1 หลักทรัพย์ ได้แก่ บมจ. นูทริชั่น โปรเฟส (NUT)
Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นมิถุนายน 2568 อยู่ที่ระดับ 11.9 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 12.4 เท่า และ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 14.4 เท่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 14.3 เท่า ด้านอัตราเงินปันผลตอบแทน อยู่ที่ระดับ 4.51% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 3.30%
ขณะที่ภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) ณ 30 มิถุนายน 2568 มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 442,877 สัญญา เพิ่มขึ้น 24.1% จากเดือนก่อน ที่สำคัญจากการเพิ่มขึ้นของ Single Stock Futures และ SET50 Index Futures โดยตลอดปี 2568 มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 438,459 สัญญาลดลง 9.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการลดลงของ Single Stock Futures และ Gold OnlineFutures.-516-สำนักข่าวไทย