กรุงเทพฯ 3 มี.ค.-สนพ.เผยราคาปาล์มขยับขึ้นส่งผลไบโอดีเซลปรับขึ้นตาม ด้าน Krungthai COMPASS ประเมินราคาขายปลีกดีเซลเฉลี่ยในปี 2566 จะอยู่ที่ 34.7 บาท / ลิตร ซึ่งสูงขึ้นจาก 33.1 บาท/ลิตร ในปี 2565 แนะใช้รถบรรทุกไฟฟ้า แทนดีเซล
นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เผยถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพว่า ราคาน้ำมันไบโอดีเซล อ้างอิงเฉลี่ย ระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ – 5 มีนาคม 2566 อยู่ที่ 34.46 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 1.43 บาทต่อลิตรจากสัปดาห์ก่อน จากสถานการณ์ราคาผลปาล์มน้ำมัน ณ วันที่ 20 – 24 กุมภาพันธ์2566 เฉลี่ยอยู่ที่ 5.50 -6.00 บาทต่อกก. ราคาน้ำมันปาล์มดิบอยู่ที่ 31.00 -32.00 บาทต่อกิโลกรัม ขณะนี้ราคาน้ำมันปาล์มดิบในตลาดโลกอยู่ที่ประมาณ 32.59 บาทต่อกิโลกรัม ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 1.61 บาทต่อกิโลกรัม โดยปริมาณสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2565 ประมาณ 348,138 ตัน ส่วนสต็อกน้ำมันไบโอดีเซล B100 เท่ากับ 87.20 ล้านลิตร โดย สนพ. จะติดตามสถานการณ์ราคาไบโอดีเซล อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ราคาเชื้อเพลิงชีวภาพสะท้อนกับสถานการณ์ปัจจุบันและเป็นธรรมกับทุกภาคส่วน
สำหรับราคาเอทานอลของไทยอ้างอิงในเดือนราคาเอทานอลอ้างอิงในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 อยู่ที่ 29.16 บาทต่อลิตร โดยราคาเปลี่ยนแปลงลดลงจากเดือนก่อน 0.03 บาทต่อลิตรโดยมันสำปะหลังซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตยังออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากอยู่ในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยว รวมทั้งเริ่มมีปริมาณกากน้ำตาลเข้ามาในระบบจากที่โรงงานน้ำตาลเปิดหีบการผลิตน้ำตาล แต่ราคามันสำปะหลังและกากน้ำตาลยังคงทรงตัวในระดับสูง โดยปัจจุบันมีโรงงานเอทานอลที่ผลิตเพื่อจำหน่ายเป็นน้ำมันเชื้อเพลิง จำนวน 27 โรง กำลังการผลิตติดตั้งรวม 6.57 ล้านลิตรต่อวัน
ด้าน Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย ประเมิน ราคาขายปลีกดีเซลเฉลี่ยในปี 2566 จะอยู่ที่ 34.7 บาท / ลิตร ซึ่งสูงขึ้นจาก 33.1 บาท/ลิตร ในปี 2565 แม้ราคาตลาดโลกลดลงแต่กองทุนน้ำมันฯอาจเก็บเงินเพิ่ม เพื่อลดภาระอุดหนุนในช่วงที่ผ่านมา โดยแม้ว่าราคาน้ำมันสำเร็จรูปหน้าโรงกลั่นจะลดลงแล้วตามทิศทางของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก แต่ภาครัฐมีแนวโน้มจะกลับมาเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯจากน้ำมันดีเซลอีกครั้ง เพื่อลดภาระที่ได้ทำการอุดหนุนในช่วงที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ต้องติดตามนโยบายรัฐว่าจะจัดเก็บภาษีน้ำมันต่อไปอย่างไร โดยอัตราการเก็บภาษีน้ำมันสำเร็จรูปอยู่ประมาณ 0.975-6.5 บาท/ลิตร ซึ่งขึ้นอยู่กับชนิดของน้ำมัน ในปัจจุบัน ภาษีสรรพสามิตดีเซลและเบนซินเฉลี่ย อยู่ที่1.34 บาท/ลิตร และ 4.88 บาท/ลิตร ตามลำดับ ทั้งนี้ ภาษีสรรพสามิตดีเซลในอัตราปัจจุบันได้รับการลดหย่อนจากภาครัฐแล้วที่ 5 บาท/ลิตร ซึ่งมาตรการอุดหนุนดังกล่าวคาดว่าจะสิ้นสุดใน 20 พ.ค. 2566
สำหรับต้นทุนเฉลี่ยดีเซลที่เพิ่มขึ้นจะมีผลต่อ อัตรากำไรสุทธิของภาคธุรกิจโดยรวมของไทยจะลดลงราว 0.06% สำหรับทุก 1% ของค่าน้ำมันดีเซลที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจที่ใช้น้ำมันดีเซลอย่างเข้มข้น เช่น กลุ่มธุรกิจขนส่งสินค้าและผู้โดยสารทางถนน ซึ่งประเมินว่าหากค่าน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น 1% อัตรากำไรของผู้ประกอบการกลุ่มนี้มีแนวโน้มจะลดลงราว 0.27% และ 0.43% ตามลำดับ
ภาคธุรกิจของไทย โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจขนส่งทางถนน จึงควรปรับตัว เพื่อลดผลกระทบจากต้นทุนน้ำมันดีเซล ดังนี้ 1) ติดตั้ง Real-time GPS Tracking หรือ Telematics ในยานพาหนะขนส่งสินค้า และขนส่งโดยสารทางถนน เพื่อควบคุมพฤติกรรมการขับรถที่สิ้นเปลืองน้ำมัน 2) จัดตั้งคลังสินค้าให้อยู่ใกล้กับจังหวัดของลูกค้าหลัก และขนส่งสินค้าร่วมกับผู้ประกอบการรายอื่นๆที่ใช้เส้นทางเดียวกัน และ 3)หันมาใช้รถบรรทุกไฟฟ้า แทนที่รถบรรทุกที่ใช้น้ำมันดีเซล.-สำนักข่าวไทย