กรุงเทพฯ 18 ธ.ค.- นักเศรษฐศาสตร์ แนะจุดเปลี่ยนแปลงใหญ่ของวงการแบงก์ คาด ธปท. ประกาศหลักเกณฑ์ ธนาคารเสมือนจริงต้นปีหน้า ลดความเหลื่อมล้ำการบริการทางการเงิน แนะดูความพร้อม หวั่นปลดพนักงานแบงก์ครั้งใหญ่
นายอนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการและกรรมการตรวจสอบธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การเปลี่ยนเปลี่ยนใหญ่ของธุรกิจอุตสาหกรรมธนาคารและระบบการเงิน การกู้ยืม การฝากเงิน การลงทุน รวมทั้งการทำธุรกรรมทางการเงินจะเกิดขึ้นในอัตราเร่ง หากธนาคารแห่งประเทศไทยมีหลักเกณฑ์การทำธุรกิจธนาคารเสมือนจริง (Virtual Bank) ได้อย่างเหมาะสม อาจประกาศหลักเกณฑ์ในช่วงต้นปีหน้า ประเมินว่าจะช่วย ลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการทางการเงิน ลดปัญหาหนี้ครัวเรือนลงได้ระดับหนึ่ง ขยายโอกาสธนาคารและบริการทางการเงินในรูปแบบใหม่ (NeoBanks)
นอกจากนี้ การธนาคารและการให้บริการทางการเงินในรูปแบบใหม่ในระบบธนาคารดิจิทัลที่ไร้สาขานี้ จะลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ลดกิจกรรมหรือกระบวนการทำงาน ยอมรับ ทุนอาคารสถานที่และอุปกรณ์ประมาณร้อยละ 13-20 อาจเลิกจ้างพนักงานในธุรกิจธนาคารแบบดั้งเดิมอีกระลอกหนึ่ง ต้นทุนในการหาลูกค้าใหม่ของธนาคารเสมือนจริง (Virtual Bank) ทำให้สามารถนำเสนออัตราดอกเบี้ยเงินฝากได้สูงกว่า ดอกเบี้ยเงินกู้ได้ต่ำกว่าธนาคารแบบดั้งเดิม หลายประเทศที่มีความพร้อม อนุญาตให้มีการจัดตั้ง ธนาคารดิจิทัลไร้สาขา มาระยะหนึ่งแล้ว โดยไม่ต้องมีเครือข่ายสาขา หากไทย มีธนาคารเสมือนจริง ธนาคารดิจิทัลไร้สาขา ต้องประเมินความพร้อม โครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีสารสนเทศ ระบบการกำกับดูแล และระบบการชำระเงินและระบบบริการการเงินแบบใหม่ว่ามีความพร้อมแค่ไหน
ธนาคารเสมือนจริงแบบเต็มรูปแบบจะไม่มีจุดให้บริการที่มีสถานที่ตั้งทางกายภาพ และให้บริการทางการเงินผ่านทางดิจิทัลตลอดกระบวนการของการให้บริการ ธนาคารเสมือนจริงแบบไร้สาขานี้ต้องมี Core Banking System บนเทคโนโลยีที่มีความยืดหยุ่นสูง ซึ่งสามารถเชื่อมโยงเครือข่ายข้อมูลและใช้ประโยชน์จาก Big Data ได้ มีต้นทุนการทำธุรกรรมและการทำธุรกิจต่ำกว่าธนาคารแบบดั้งเดิมมากทำให้ต้นทุนการทำธุรกรรมทางการเงินของประชาชนลดลง การเข้าถึงเงินทุนและการบริการทางการเงินที่ดีขึ้น ทั่วถึง เท่าเทียมขึ้น ด้วยคุณภาพและความรวดเร็วจะทำให้ปัญหาสัดส่วนหนี้สินครัวเรือนต่อจีดีพีที่อยู่ในระดับสูงทยอยปรับตัวลงได้ในระยะยาว การมี ปัญญาประดิษฐ์ ในการช่วยประมวลข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลทำให้เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคได้ดี ส่งผลให้สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์เงินฝาก สินเชื่อ และ การลงทุนให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า ผู้ฝากเงินสามารถแบ่งบัญชีเงินฝากออกเป็นบัญชีย่อยๆเพื่อแยกเงินไว้สำหรับวัตถุประสงค์ต่างๆได้
นอกจากนี้ เมื่อการเข้าถึงการบริการทางการเงินดีขึ้น จะทำให้ครัวเรือนที่ไม่เคยใช้บริการเงินฝากในระบบธนาคารร้อยละ 15-16 สามารถฝากเงินด้วยต้นทุนต่ำลง การทำธุรกรรมทางการเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ การทำธุรกรรมผ่านระบบธนาคารดิจิทัล จะทำให้ได้ฐานข้อมูลรอยเท้าดิจิทัล (Digital Footprint) ที่ทำให้ ระบบสถาบันการเงิน และ Virtual Bank สามารถนำมาเป็นข้อมูลพัฒนาบริการทางการเงินเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้บริการในอนาคตหลักเกณฑ์ของธปท. เกี่ยวกับ Virtual Bank ต้องเป็นเกณฑ์ที่เป็นมาตรฐานที่รายเล็ก รายกลาง รายใหญ่ สามารถปฏิบัติได้เหมือนกันหมด
ในระยะแรก หลักเกณฑ์ยังควรมีการจำกัดปริมาณเงินฝากในบัญชีของธนาคารเสมือนจริง หรือ Virtual Bank จำกัดขอบเขตการทำธุรกิจบางประเภทเพื่อรักษาเสถียรภาพของระบบการเงิน เนื่องจากรูปแบบการให้บริการแบบ Virtual Bank เป็นของใหม่ คงต้องดูว่า ไทยมีความพร้อมหรือยังและต้องประเมินผลไปอีกระยะหนึ่งหลังจากอนุญาตให้เปิดบริการของธนาคาเสมือนจริงไร้สาขาได้ ส่วนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของระบบการเงินดิจิทัลนั้น ไทยมีความก้าวหน้าระดับหนึ่ง เรามีระบบ QR Code standard ระบบการยืนยันตัวตนทางดิจิทัล ระบบ Mobile Banking ระบบ พร้อมเพย์ เป็นต้น
ยอมรับโครงสร้างพื้นฐานอีกหลายส่วนยังต้องพัฒนาต่อเนื่องซึ่งหมายถึง ระบบกำกับดูแล และ ระบบความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ด้วย ผู้ฝากเงินของธนาคารเสมือนจริงไร้สาขาควรได้รับความคุ้มครองจากสถาบันคุ้มครองเงินฝากเช่นเดียวกับผู้ฝากเงินในระบบธนาคารแบบเดิมเสนอให้พิจารณาให้ใช้นโยบาย Open Banking เช่นเดียวกับประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกาหรือสมาชิกอียูบางประเทศ การทำนโยบาย Open Banking จะทำให้เกิดการแข่งขันการให้บริการ พัฒนาผลิตภัณฑ์หลากหลาย นโยบาย Open Banking บวกเข้ากับ หลักเกณฑ์เปิดให้มีการจัดตั้งธนาคารเสมือนจริงไร้สาขา อย่างเหมาะสมชัดเจน จะเปิดให้ กลุ่ม Non-Bank และบริษัทที่มีความพร้อมทางด้านเทคโนโลยี เช่น บริษัท FinTech บริษัท E-Commerce บริษัทโทรคมนาคม สามารถจัดตั้งธุรกิจการให้บริการทางการเงินหลากหลายรูปแบบ นอกจากนี้ ธนาคารพาณิชย์แบบดั้งเดิมอาจตั้งบริษัทลูก หรือ ร่วมทุนกับพวก Non-Bank ในการให้บริการในรูปแบบใหม่ที่เราอาจเรียกได้ว่า เป็น Neo-Banks ได้
นายอนุสรณ์ กล่าวอีกว่า ความเคลื่อนไหวชะลอบังคับใช้ BASEL III หลังจากการปิดกั้นไม่ให้รัสเซียใช้ระบบการชำระเงินระหว่างประเทศ Swift (Society for Worldwide Interbank Financial Telecommunication) และการอายัดทรัพย์สิน และ อายัดทุนสำรองระหว่างประเทศของรัสเซียจำนวนมากหลังระบอบปูตินรัสเซียรุกรานยูเครน ทำให้เกิดข้อสงสัยและตั้งคำถามต่อระบบการเงินโลกในปัจจุบัน ระบบธนาคารเสมือนจริงจะทำให้ปัญหาการรวมศูนย์ของระบบการเงินโลกมีความซับซ้อนมากขึ้น และ ต้องอาศัยการศึกษาวิจัยว่าจะมีพัฒนาการอย่างไรต่อไป และ ควรกำกับดูแลระบบการเงินและระบบการชำระเงินระหว่างประเทศอย่างไรต่อไป
Basel III นั้น เป็นหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสถาบันการเงินของ Basel Committee on Banking Supervision (BCBS) ซึ่งครอบคลุมเรื่องการดำรงเงินกองทุนและการบริหารความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง เพื่อส่งเสริมให้สถาบันการเงินสามารถต้านทานภาวะวิกฤตในระบบการเงินและระบบเศรษฐกิจได้ดีขึ้น ลดการส่งต่อความเสี่ยงจากระบบการเงินไปยังภาคเศรษฐกิจจริงด้วยขณะเดียวกัน หลักเกณฑ์ Basel III ถูกพัฒนาขึ้น หลังเกิดวิกฤติการเงินโลกปี ค.ศ. 2007-2008 (พ.ศ. 2550-2551) เน้นไปที่การควบคุมธุรกรรมที่มีความซับซ้อนสูง กำกับเงินกองทุนและการบริหารความเสี่ยงด้านสภาพคล่องให้เข้มงวดขึ้น การเลื่อนการใช้ BASEL III และการเก็งกำไรในสินทรัพย์ดิจิทัลก็ดี รวมทั้ง ผลกระทบจากสงครามต่อภาคการเงินและสถาบันการเงินก็ดี การใช้นวัตกรรมการเงินอย่างมีความรับผิดชอบและคำนึงถึงเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจมากขึ้นก็ดี ปัจจัยเหล่านี้ทั้งหมดจะนำไปสู่การจัดระเบียบระบบการเงินโลกใหม่ และ ไทยในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของระบบโลกาภิวัตน์ทางการเงินต้องเตรียมรับมือความท้าทายต่างๆเอาไว้โดยไม่ประมาท.-สำนักข่าวไทย