เผยประเทศในทวีปแอฟริกาฉีดวัคซีนโควิดได้แค่ 2%

บราซซาวิล 1 ต.ค. – องค์การอนามัยโลกเผยเมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่นว่า ประเทศในทวีปแอฟริกากว่าครึ่งหนึ่งจากทั้งหมด 54 ประเทศมีอัตราฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ครบสองโดสเพียงร้อยละ 2 หรือต่ำกว่านั้น องค์การอนามัยโลกระบุว่า มีเพียง 15 ประเทศในทวีปแอฟริกาที่มีอัตราฉีดวัคซีนครบสองโดสไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10 ของประชากรแต่ละประเทศ ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายอัตราฉีดวัคซีนร้อยละ 10 ทั่วโลกภายในวันที่ 30 กันยายนที่สมัชชาอนามัยโลกตั้งไว้เมื่อเดือนพฤษภาคม ขณะที่นายริชาร์ด มิฮิโก ผู้ประสานงานการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดขององค์การอนามัยโลกประจำทวีปแอฟริกา กล่าวว่า ข้อมูลล่าสุดชี้ให้เห็นว่าทวีปแอฟริกามีอัตราฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ยังอยู่ห่างไกลจากเป้าหมายฉีดวัคซีนครบสองโดสร้อยละ 40 ของประชากรทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้ที่องค์การอนามัยโลกตั้งไว้ แม้ทวีปแอฟริกาจะได้รับวัคซีนเพิ่มมากขึ้น แต่แผนส่งมอบวัคซีนที่คลุมเครือยังคงเป็นปัญหาสำคัญที่สุดที่ทำให้การฉีดวัคซีนของทวีปดังกล่าวไม่คืบหน้า ทั้งนี้ ทวีปแอฟริกาได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด 23 ล้านโดสในเดือนกันยายน ซึ่งเพิ่มขึ้น 10 เท่าจากจำนวนวัคซีนที่ได้รับในเดือนมิถุนายน องค์การอนามัยโลกระบุว่า ประเทศส่วนใหญ่ในทวีปแอฟริกาที่มีอัตราฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดสูงกว่าร้อยละ 10 เป็นประเทศที่มีประชากรน้อย เช่น มอริเชียส ซึ่งมีประชากร 1.2 ล้านคน และเซเชลส์ ซึ่งมีประชากร 98,000 คน มีอัตราฉีดวัคซีนสูงกว่าร้อยละ […]

ชาวสิงคโปร์ผิดหวังที่รัฐบาลกลับไปใช้มาตรการคุมโควิดอีก

สิงคโปร์ 1 ต.ค. – การประกาศใช้มาตรการควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 อีกครั้งของสิงคโปร์เพื่อเตรียมความพร้อมในแนวทางอยู่ร่วมกับเชื้อโควิดทำให้ประชาชนบางส่วนรู้สึกผิดหวัง ในขณะที่รัฐบาลสิงคโปร์ยังมีท่าทีไม่ชัดเจนระหว่างการใช้นโยบายเปิดประเทศหรือป้องกันไม่ให้โรงพยาบาลเผชิญกับภาวะตึงตัว สิงคโปร์กลับไปใช้มาตรการควบคุมโรคโควิด-19 อีกครั้งหลังพบการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาเพิ่มขึ้น โดยสั่งจำกัดการนั่งรับประทานอาหารในร้านอาหารและการรวมตัวทางสังคมได้ไม่เกิน 2 คน ซึ่งถือเป็นการทำลายความหวังในการกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ ขณะที่ชาวสิงคโปร์รายหนึ่งโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า สิงคโปร์บรรลุเป้าหมายฉีดวัคซีนตามที่ตั้งไว้ แต่กลับไปใช้ข้อจำกัดที่เปรียบเหมือนกับการเดินถอยหลัง ซึ่งทำให้เกิดความสับสนอย่างมาก ขณะที่รัฐบาลสิงคโปร์เคยระบุว่า ทางการจำเป็นต้องใช้มาตรการเข้มงวดขึ้นเป็นการชั่วคราวเพื่อซื้อเวลาในการเพิ่มขีดความสามารถของระบบสาธารณสุข จัดเตรียมสถานที่กักตัว เร่งฉีดวัคซีนให้ผู้ที่ยังไม่ฉีด และฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ผู้ที่มีความจำเป็น ส่วนนายลอว์เรนซ์ หว่อง กล่าวเมื่อไม่นานมานี้ว่า สิงคโปร์จะไม่มีทางพบยอดผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ในระดับต่ำอีกต่อไป เพราะจะเดินหน้าใช้แนวทางอยู่ร่วมกับเชื้อโควิดควบคู่ไปกับแผนเปิดประเทศ ขณะนี้ สิงคโปร์พบยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่สูงสุดเป็นประวัติการณ์กว่า 2,000 คน แต่มีอัตราฉีดวัคซีนครบสองโดสสูงถึงร้อยละ 84 จากประชากรทั้งหมด 5.4 ล้านคน ขณะที่ผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ร้อยละ 98 ของเดือนกันยายนเป็นผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการหรือมีอาการป่วยเพียงเล็กน้อย นอกจากนี้ สิงคโปร์ยังได้ผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ในเดือนสิงหาคม และวางแผนคลายข้อจำกัดอื่น ๆ เพิ่มเติมหลังบรรลุเป้าหมายฉีดวัคซีนได้ร้อยละ 80 ในช่วงต้นเดือนกันยายน.-สำนักข่าวไทย

มุขมนตรีของออสเตรเลียลาออกหลังถูกสอบข้อหาทุจริต

ซิดนีย์ 1 ต.ค. – นางแกลดีส เบเรจิกเลียน มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลีย ประกาศลาออกจากตำแหน่งในวันนี้ หลังคณะกรรมการอิสระต่อต้านทุจริตกำลังสอบสวนว่า นางเบเรจิกเลียนมีส่วนพัวพันในพฤติกรรมที่ละเมิดความไว้วางใจของประชาชนหรือไม่ นางเบเรจิกเลียนแถลงว่า ประเด็นที่ถูกสอบสวนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต แต่เธอรู้สึกว่าถูกกดดันให้ลาออก เนื่องจากกรอบเวลาที่ยาวนานในการสืบสวน และว่ารัฐนิวเซาท์เวลส์ต้องการความมั่นใจจากผู้นำท่ามกลางสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ทั้งยังกล่าวยืนยันอย่างเด็ดขาดว่า เธอทำงานโดยยึดความซื่อสัตย์เป็นที่ตั้งสูงสุดตลอดมา ขณะที่คณะกรรมการอิสระต่อต้านทุจริตของรัฐนิวเซาท์เวลส์ หรือไอซีเอซี ระบุในแถลงการณ์ผ่านเว็บไซต์ว่า จะจัดการไต่สวนสาธารณะที่เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสืบสวนในข้อหาเกี่ยวกับการละเมิดความไว้วางใจของสาธารณชนจากการรับผลประโยชน์อย่างไม่เหมาะสม (Operational Keppel) ในวันที่ 18 ตุลาคม และการสืบสวนในครั้งนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากข้อกล่าวหาที่ว่านางเบเรจิกเลียนเคยมีสัมพันธ์ลับกับสมาชิกสภานิติบัญญัติของรัฐนิวเซาท์เวลส์ที่กำลังโดนสืบสวนคดีทุจริตเช่นกัน นางเบเรจิกเลียนขึ้นดำรงตำแหน่งมุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งมีนครซิดนีย์เป็นเมืองเอก ในปี 2560 และต้องพบสื่อมวลชนแทบทุกวันเพื่อประกาศตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อโควิด ผู้เสียชีวิต รวมถึงมาตรการต่าง ๆ เกี่ยวกับธุรกิจ โรงเรียน และครัวเรือน ในขณะที่รัฐนิวเซาท์เวลส์ต้องรับมือกับการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาตั้งแต่เดือนมิถุนายน ทั้งนี้ นางเบเรจิกเลียนถือเป็นมุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์คนที่สองที่ต้องลาออกจากตำแหน่งเพราะถูกสอบสวนจากไอซีเอซี โดยที่ก่อนหน้านี้นายแบร์รี โอฟาร์เรล อดีตมุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ ต้องลาออกจากตำแหน่งในปี 2557 หลังมีหลักฐานพิสูจน์ว่า เขาไม่ได้แจ้งคณะกรรมการอิสระต่อต้านทุจริตเกี่ยวกับการรับของขวัญเป็นไวน์มูลค่า 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 100,000 บาท).-สำนักข่าวไทย

ออสเตรเลียจะคลายมาตรการปิดพรมแดนตั้งแต่ พ.ย.

แคนเบอร์รา 1 ต.ค. – นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน ของออสเตรเลีย ประกาศวันนี้ว่า จะยกเลิกคำสั่งห้ามชาวออสเตรเลียเดินทางไปต่างประเทศในเดือนพฤศจิกายน หลังใช้มาตรการดังกล่าวมาเป็นเวลา 18 เดือน นายกรัฐมนตรีมอร์ริสัน กล่าวว่า การกลับมาเปิดพรมแดนระหว่างประเทศให้แก่พลเมืองและผู้พำนักถาวรจะต้องเป็นไปภายใต้การดำเนินมาตรการกักตัวในบ้านของทั้ง 8 รัฐและดินแดนของออสเตรเลีย ซึ่งหมายความว่าบางพื้นที่ของออสเตรเลียจะกลับมาเปิดพรมแดนได้ช้าหรือเร็วไม่เท่ากัน ผู้นำออสเตรเลียยังคาดการณ์ว่า จะใช้ระบบกักตัวในบ้านเป็นครั้งแรกได้ในเดือนพฤศจิกายน แต่ก็ขึ้นอยู่กับการจัดการของแต่ละรัฐและดินแดนของออสเตรเลีย และรัฐบาลกำลังหาทางเปิดโครงการเดินทางแบบไม่ต้องกักตัวกับอีกหลายประเทศ เช่น นิวซีแลนด์ เมื่อปลอดภัยที่จะทำเช่นนั้น  แผนดังกล่าวจะทำให้ชาวออสเตรเลียที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดครบสองโดสสามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ และต้องกักตัวในบ้านเป็นเวลา 7 วันหลังเดินทางกลับมายังออสเตรเลีย ส่วนพลเมืองที่ยังไม่ฉีดวัคซีนจะต้องเข้าสู่มาตรการกักตัวในโรงแรมเป็นเวลา 14 วัน ขณะที่แหล่งข่าวรัฐบาลออสเตรเลียไม่เผยนามระบุว่า รัฐบาลออสเตรเลียกำลังหารือเกี่ยวกับการอนุญาตให้นักเดินทางต่างชาติเดินทางเข้าประเทศได้ แต่ยังเป็นไปไม่ได้ในตอนนี้ เนื่องจากต้องรอแต่ละรัฐประกาศเกี่ยวกับระบบกักตัวในบ้าน ในขณะเดียวกัน ทางการออสเตรเลียรายงานวันนี้ว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่ 2,084 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยติดเชื้อในรัฐนิวเซาท์เวลส์และรัฐวิกตอเรียและเป็นตัวเลขที่ลดลงจากวันก่อนเพียงเล็กน้อย ขณะนี้ ออสเตรเลียมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 107,000 คน และผู้เสียชีวิตราว 1,300 คน.-สำนักข่าวไทย

ผู้นำแคนาดาถูกตำหนิหลังไปพักผ่อนในวันรำลึกชนพื้นเมือง

ออตตาวา 1 ต.ค. – นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ของแคนาดา ตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น หลังเดินทางไปพักผ่อนที่ชายฝั่งตะวันตกในวันชาติเพื่อความจริงและการปรองดองแห่งชาติ (National Day for Truth and Reconciliation) ที่มีขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อรำลึกถึงเด็กที่เสียชีวิตและผู้รอดชีวิตจากระบบโรงเรียนชนพื้นเมืองในแคนาดา โฆษกหญิงประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแคนาดาระบุในแถลงการณ์ว่า นายกรัฐมนตรีทรูโดได้เดินทางไปพักผ่อนกับครอบครัวที่เมืองโตฟิโน ซึ่งตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันตกในรัฐบริติชโคลัมเบีย เป็นเวลาสั้น ๆ โดยที่ก่อนหน้านี้เขาได้เข้าร่วมพิธีรำลึกวันชาติเพื่อความจริงและการปรองดองแห่งชาติในรัฐสภาเมื่อช่วงค่ำวันพฤหัสบดี ขณะที่ผู้นำแคนาดาระบุผ่านทวิตเตอร์ในเวลาต่อมาว่า เขาได้พูดคุยกับผู้รอดชีวิตจากโรงเรียนชนพื้นเมืองทั่วประเทศผ่านทางโทรศัพท์ ได้ฟังเรื่องราวและคำแนะนำเกี่ยวกับแนวทางแก้ไขประเด็นดังกล่าว ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีทรูโด ซึ่งเพิ่งชนะการเลือกตั้งเป็นครั้งที่สามเมื่อ 10 วันก่อน ให้ความสำคัญกับนโยบายสร้างความปรองดองของชนพื้นเมืองมาเป็นลำดับแรก และรัฐบาลแคนาดาได้เสนอให้กำหนดวันหยุดของรัฐบาลเพื่อรำลึกถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบจากระบบโรงเรียนชนพื้นเมือง ในขณะเดียวกัน แหล่งข่าวรัฐบาลแคนาดาไม่เผยนามระบุว่า กลุ่มชนพื้นเมืองคัมลูปส์ของแคนาในรัฐบริติชโคลัมเบีย ซึ่งเป็นที่พบศพเด็กไร้ชื่อจำนวนมากในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ได้เชิญนายกรัฐมนตรีทรูโดเข้าร่วมพิธีรำลึกเนื่องในวันชาติเพื่อความจริงและการปรองดองแห่งชาติ แต่ผู้นำแคนาดากลับใช้เวลาหลายชั่วโมงเพื่อพูดคุยกับผู้รอดชีวิตจากระบบโรงเรียนชนพื้นเมืองและครอบครัว ด้านประธานสมาคมสตรีชนพื้นเมืองแห่งแคนาดา กล่าวว่า รัฐบาลแคนาดาเคยบอกว่าจะให้ความสำคัญกับชนพื้นเมืองเป็นอันดับแรก แต่กลับไม่ทำตามคำพูดที่เคยให้ไว้ และนายกรัฐมนตรีทรูโดควรเป็นผู้นำในกระบวนการปรองดอง.-สำนักข่าวไทย

เกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานรุ่นใหม่

เกาหลีเหนือได้ทดสอบยิงขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานรุ่นใหม่เมื่อวันพฤหัสบดี ซึ่งเป็นหนึ่งในการทดสอบอาวุธล่าสุดของเกาหลีเหนือในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ท่ามกลางการเจรจาปลดอาวุธนิวเคลียร์กับสหรัฐที่ยังไร้ทางออก

ทอร์นาโดพัดถล่มพื้นที่ตะวันออกเฉียงใต้ของออสเตรเลีย

ซิดนีย์ 30 ก.ย. – พายุทอร์นาโดพัดถล่มพื้นที่ชนบททางตะวันออกเฉียงใต้ของออสเตรเลีย เมื่อช่วงบ่ายของวันนี้ ทำให้หลังคาบ้านหลายหลังปลิวว่อน ต้นไม้หักโค่น สายไฟฟ้าพังเสียหาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจำนวนหนึ่ง หน่วยงานฉุกเฉินของรัฐนิวเซาท์เวลส์ รายงานว่า ตำรวจและเจ้าหน้าที่แพทย์ฉุกเฉินได้เดินทางไปยังเมืองเมโดว์ แฟลต ซึ่งมีประชากรราว 300 คน และตั้งอยู่ใกล้เมืองบาเธิร์สต์ ทางตอนกลางของรัฐนิวเซาท์เวลส์ หลังได้รับแจ้งเหตุพายุทอร์นาโดพัดถล่มทำลายบ้านเรือน ในช่วงบ่ายของวันนี้ ตามเวลาท้องถิ่น ทั้งยังระบุว่า พบชายคนหนึ่งมีแผลบาดเจ็บที่แขน และส่งตัวไปรักษาในโรงพยาบาลแล้ว ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปยังเมืองเคลียร์ ครีก ซึ่งมีประชากรราว 100 คน และอยู่ห่างจากเมืองบาเธิร์สต์ราว 30 กิโลเมตร พบชายและหญิงที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ของสำนักงานอุตุนิยมวิทยาของออสเตรเลีย กล่าวว่า พายุทอร์นาโดดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของระบบสภาพอากาศที่พัดผ่านรัฐนิวเซาท์เวลส์ และทำให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ส่วนเอสเซนเชียล เอเนอร์จี บริษัทโครงสร้างพื้นฐานระบบไฟฟ้าของทางการออสเตรเลีย ระบุว่า พายุทอร์นาโดทำให้สายไฟฟ้าพังเสียหาย และทำให้บ้านเรือนราว 160 หลัง ต้องใช้ชีวิตท่ามกลางไฟดับ ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังพยายามหาทางเร่งซ่อมระบบไฟฟ้าโดยเร็วเท่าที่จะทำได้ แต่สภาพอากาศยังไม่เอื้ออำนวย.-สำนักข่าวไทย

ภูเขาไฟ “คีเลาเวอา” ในรัฐฮาวายของสหรัฐปะทุรุนแรง

ฮาวาย 30 ก.ย. – ภูเขาไฟ ‘คีเลาเวอา’ ในรัฐฮาวายของสหรัฐเกิดปะทุรุนแรงเต็มที่ในวันพุธตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐ ในขณะที่สื่อท้องถิ่นรายงานว่า การระเบิดของภูเขาไฟในครั้งนี้ไม่ก่อให้เกิดอันตรายกับประชาชนแต่อย่างใด เนื่องจากลาวาไหลไปในพื้นที่ที่ไม่มีบ้านเรือนประชาชน สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาแห่งสหรัฐ หรือยูเอสจีเอส รายงานผ่านทวิตเตอร์ว่า ทะเลสาบลาวาที่ครั้งหนึ่งเคยนิ่งสงบของภูเขาไฟคีเลาเวอากำลังปะทุและมีรอยแยกออกจากกันอีกครั้ง ทั้งยังระบุว่า หอสังเกตการณ์ภูเขาไฟฮาวายของสหรัฐ หรือเอชวีโอ ได้ยกระดับเตือนภัยภูเขาไฟคีเลาเวอาจากระดับ ‘เฝ้าระวัง’ เป็น ‘เตือนภัย’ และปรับสถานะของการปะทุจาก ‘สีส้ม’ เป็น ‘สีแดง’ เนื่องจากมีการประเมินเกี่ยวกับการปะทุครั้งใหม่และอันตรายที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ ระดับเตือนภัยและสถานะของการปะทุล่าสุดมีความหมายว่า ภูเขาไฟปะทุที่อันตรายกำลังจะเกิดขึ้น เกิดขึ้นแล้ว หรือคาดว่าจะเกิดขึ้น ขณะที่สื่อท้องถิ่นของรัฐฮาวายรายงานอ้างเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่ระบุว่า การปะทุของภูเขาไฟเกิดขึ้นในพื้นที่ที่ไม่มีบ้านเรือนและได้รับการเฝ้าระวังอย่างเต็มที่ภายในอุทยานแห่งชาติภูเขาไฟฮาวาย.-สำนักข่าวไทย

มาเลเซียบังคับลูกจ้างรัฐบาลฉีดวัคซีนโควิด

มาเลเซียออกข้อกำหนดให้ลูกจ้างทั้งหมดของรัฐบาลมาเลเซียต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 โดยยกเว้นผู้ที่ไม่ต้องการฉีดวัคซีนด้วยเหตุผลในด้านสุขภาพเท่านั้น

นครโฮจิมินห์จะเริ่มคลายล็อกดาวน์กระตุ้นเศรษฐกิจ

ฮานอย 30 ก.ย. – นครโฮจิมินห์ของเวียดนามจะเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 หลังจากวันนี้เป็นต้นไป โดยอนุญาตให้ธุรกิจเปิดบริการและให้ประชาชนทำกิจกรรมทางสังคมได้มากขึ้น หลังใช้มาตรการล็อกดาวน์มาเป็นเวลา 4 เดือนเพื่อควบคุมอัตราผู้เสียชีวิต รองประธานสภาประชาชนของนครโฮจิมินห์แถลงวันนี้ว่า ทางการจะยกเลิกการตั้งจุดตรวจบนท้องถนนและการใช้ใบอนุญาตเดินทางหลังจากวันนี้เป็นต้นไป และจะใช้นโยบายเปิดเมืองอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นอันดับแรก ทั้งยังระบุว่า เขตอุตสาหกรรม สถานที่ก่อสร้าง ห้างสรรพสินค้า ร้านตัดผม โรงแรมที่พัก และร้านอาหารที่ขายอาหารแบบนำกลับบ้าน สามารถกลับมาเปิดบริการได้อีกครั้งในนครโฮจิมินห์ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมเป็นต้นไป ทางการคาดว่าจะประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานอย่างมากในโรงงานผลิตสินค้าและภาคการก่อสร้างเมื่อเปิดนครโฮจิมินห์อีกครั้ง และเป็นโอกาสดีของผู้ว่างงานที่จะเริ่มหางานใหม่ในช่วงดังกล่าว ทั้งนี้ นโยบายดังกล่าวของนครโฮจิมินห์มีขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและฟื้นฟูการใช้ชีวิตตามปกติร่วมกับเชื้อโควิด ขณะนี้ นครโฮจิมินห์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าของเวียดนามและมีประชากรราว 9 ล้านคน กำลังได้รับผลกระทบจากการระบาดรุนแรงของโรคโควิด-19 โดยมีผู้ป่วยติดเชื้อร้อยละ 50 และยอดผู้เสียชีวิตร้อยละ 80 จากยอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมเกือบ 780,000 คน และผู้เสียชีวิตกว่า 19,000 คน.-สำนักข่าวไทย

เมลเบิร์นพบผู้ป่วยโควิดสูงสุดแม้ล็อกดาวน์เกือบ 2 เดือน

เมลเบิร์น 30 ก.ย. – นครเมลเบิร์นของออสเตรเลียพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 รายใหม่ 1,438 คน ทำสถิติสูงสุด ขณะที่เจ้าหน้าที่โทษการรวมตัวในบ้านของประชาชนอย่างผิดกฎหมายเพื่อชมการแข่งขันกีฬาสำคัญว่าเป็นต้นเหตุให้ตัวเลขผู้ป่วยพุ่งสูงขึ้นทั้งที่อยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์มาเป็นเวลาเกือบ 2 เดือนแล้ว เจ้าหน้าที่ของรัฐวิกตอเรีย ซึ่งมีนครเมลเบิร์นเป็นเมืองเอก รายงานวันนี้ว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่ 1,438 คน ในจำนวนนี้ คาดว่ามีผู้ป่วยกว่าร้อยละ 30 ที่ติดเชื้อมาจากการจัดงานเลี้ยงที่บ้านในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อชมการแข่งขันฟุตบอลออสเตรเลียน รูลส์ แกรนด์ ไฟนอล ทางโทรทัศน์ พร้อมยอมรับว่ายอดผู้ป่วยติดเชื้อของวันนี้ ซึ่งพุ่งขึ้นร้อยละ 50 จากตัวเลขผู้ป่วยของวันพุธที่มี 950 คน เป็นความล้มเหลวครั้งใหญ่ในการควบคุมโรคระบาดในขณะที่รัฐวิกตอเรียเร่งฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดให้ประชาชนวัยผู้ใหญ่ราว 5.5 ล้านคน ด้านนายแดเนียล แอนดรูวส์ มุขมนตรีรัฐวิกตอเรีย กล่าวว่า ยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่จำนวนมากเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เขาไม่อยากกล่าวโทษผู้ใด แต่เพียงต้องการอธิบายให้ทราบว่าตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วได้อย่างไร ขณะนี้ รัฐวิกตอเรียฉีดวัคซีนโดสแรกให้ประชาชนอายุ 16 ปีขึ้นไปได้กว่าร้อยละ 50 แต่ยังต่ำกว่าอัตราฉีดวัคซีนโดสแรกทั่วประเทศที่มีร้อยละ 53 ในขณะเดียวกัน รัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งมีนครซิดนีย์เป็นเมืองเอก รายงานวันนี้ว่า […]

ยูทูบสั่งระงับเนื้อหาต่อต้านวัคซีนทั้งหมด

วอชิงตัน 30 ก.ย. – ยูทูบจะระงับการเผยแพร่เนื้อหาที่ต่อต้านการฉีดวัคซีนทั้งหมด จากเดิมที่สั่งห้ามเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 รวมถึงเนื้อหาที่ให้ข้อมูลผิดเกี่ยวกับวัคซีนที่ได้รับการอนุมัติใช้ ยูทูบประกาศนโยบายใหม่เกี่ยวกับการเผยแพร่ข้อมูลวัคซีนเมื่อวันพุธตามเวลาท้องถิ่นว่า ตัวอย่างเนื้อหาที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เผยแพร่บนยูทูบยังรวมถึงข้ออ้างเกี่ยวกับวัคซีนอื่น ๆ เช่น วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ทำให้มีบุตรยาก และวัคซีนเอ็มเอ็มอาร์ที่ป้องกัน 3 โรค คือ โรคหัด คางทูม และหัดเยอรมัน ทำให้เกิดภาวะบกพร่องทางพัฒนาการ นอกจากนี้ ยูทูบยังระงับช่องรายการที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับนักเคลื่อนไหวชื่อดังที่ต่อต้านวัคซีนหลายคน เช่น นายโรเบิร์ต เอฟ เคนเนดี จูเนียร์ และนายโจเซฟ เมอร์โคลา ในขณะเดียวกัน นายเคนเนดีระบุในแถลงการณ์ว่า ไม่มีตัวอย่างใดในประวัติศาสตร์ที่ทำให้เห็นว่าการเซ็นเซอร์และการปิดบังช่วยให้ประชาธิปไตยหรือระบบสาธารณสุขก้าวหน้า ส่วนเว็บไซต์ของนายเมอร์โคลาได้เผยแพร่แถลงการณ์ที่ระบุว่า ทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกันทั่วโลก จะไม่ใช้ชีวิตด้วยความหวาดกลัว จะยืนหยัดร่วมกัน และฟื้นฟูเสรีภาพ นโยบายดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่ยูทูบและบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐ เช่น เฟซบุ๊ก อิงค์ และทวิตเตอร์ อิงค์ ตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่า ข้อกำหนดที่ใช้อยู่ยังไม่เข้มงวดพอเพื่อยับยั้งการเผยแพร่ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับสุขภาพบนแพลตฟอร์มของตนเอง อย่างไรก็ดี เมื่อยูทูบตัดสินใจใช้นโยบายเข้มงวดขึ้นเกี่ยวกับการเผยแพร่ข้อมูลผิด ๆ ก็ยังถูกตำหนิจากทั่วโลก ก่อนหน้านี้ ยูทูบได้สั่งปิดช่องสถานีโทรทัศน์อาร์ที ซึ่งเผยแพร่เป็นภาษาเยอรมนีและได้รับการสนับสนุนจากทางการรัสเซีย เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา […]

1 183 184 185 186 187 315