ชัวร์ก่อนแชร์: ไม่ปรุงเกลือ/น้ำปลาเพิ่ม ป้องกันโรคความดัน 100% จริงหรือ?

01 มิถุนายน 2568แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล ข้อมูลน่าสงสัย : ไม่ปรุงเกลือ/น้ำปลาเพิ่ม ป้องกันโรคความดัน 100% บทสรุป : 1.โซเดียมไม่ได้มีแต่ในเกลือหรือของเค็มเท่านั้น2.ในอาหารปรุงสำเร็จต่าง ๆ รวมถึงขนมที่ใช้ผงฟูล้วนอุดมไปด้วยโซเดียมปริมาณสูง3.การคุมอาหารแบบ DASH ช่วยลดความดันโลหิตอย่างมีประสิทธิภาพ FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง : เกลือ หรือ โซเดียมคลอไรด์ ส่งผลต่อความดันโลหิต เมื่อร่างกายต้องเพิ่มปริมาณน้ำในหลอดเลือดมากกว่าปกติเพื่อเจือจางโซเดียมในกระแสเลือด นอกจากนี้ เกลือยังทำให้หลอดเลือดหดตัวในระยะยาวอีกด้วย อันเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการเกิดความดันโลหิตสูงอย่างชัดเจน สมาคมโรคหัวใจแห่งอเมริกา (AHA) แนะนำให้บริโภคโซเดียมต่อวันไม่เกิน 2,300 มิลลิกรัม เทียบเท่ากับปริมาณเกลือ 1 ช้อนชา หรือน้ำปลา 4 ช้อนชา และแนะนำให้ผู้สูงอายุบริโภคโซเดียมต่อวันไม่เกิน 1,500 มิลลิกรัม ขณะที่ผลสำรวจพบว่าชาวอเมริกันบริโภคโซเดียมเฉลี่ยวันละ 3,400 มิลลิกรัม ส่วนคนไทยบริโภคโซเดียมเฉลี่ยวันละ 4,300 มิลลิกรัม โซเดียมไม่ได้มีแต่ในเกลือหรือของเค็ม […]

ชัวร์ก่อนแชร์: โรคความดันจากกรรมพันธุ์ป้องกันไม่ได้ จริงหรือ?

31 พฤษภาคม 2568แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล ข้อมูลน่าสงสัย : โรคความดันจากกรรมพันธุ์ป้องกันไม่ได้ บทสรุป : การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ช่วยชะลอหรือบรรเทาความรุนแรงของการเกิดโรคความดันโลหิตสูงได้ FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง : เอกสาร Family History and High Blood Pressure ของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (CDC) ระบุว่า ผู้ที่มีสมาชิกในครอบครัวอย่างน้อย 1 รายที่มีประวัติป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงก่อนอายุ 60 ปี จะมีความเสี่ยงเป็นโรคความดันโลหิตสูงมากกว่าคนทั่วไปถึง 2 เท่า แต่กระนั้น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ช่วยชะลอหรือบรรเทาความรุนแรงของการเกิดโรคความดันโลหิตสูงได้ ลุค ลัฟฟิน ผู้อำนวยการร่วมศูนย์โรคความดันโลหิต สถาบันการแพทย์ Cleveland Clinic อธิบายว่า การควบคุมน้ำหนักตัว ออกกำลังกายบ่อย ๆ ไม่สูบบุหรี่ กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพหัวใจ นอกจากจะช่วยให้การเกิดโรคความดันโลหิตสูงช้าลงแล้ว […]

ชัวร์ก่อนแชร์: ผู้ชายเสี่ยงโรคความดันมากกว่าผู้หญิง จริงหรือ?

30 พฤษภาคม 2568แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล ข้อมูลที่ถูกแชร์ : ผู้ชายเสี่ยงโรคความดันมากกว่าผู้หญิง บทสรุป : 1.ในช่วงวัยกลางคนจะพบผู้ป่วยความดันโลหิตสูงในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง2.แต่ยิ่งอายุมากขึ้น ความเสี่ยงความดันโลหิตสูงในผู้หญิงจะเริ่มมากกว่าผู้ชาย FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง : แม้ปกติแล้ว ในช่วงวัยกลางคนจะพบผู้ป่วยความดันโลหิตสูงในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง แต่ยิ่งอายุมากขึ้น ความเสี่ยงความดันโลหิตสูงในผู้หญิงจะเริ่มมากกว่าผู้ชาย ศาสตราจารย์ แอนเจลา มาส์ ผู้อำนวยการกิตติคุณโครงการสุขภาพหัวใจสตรี ศูนย์การแพทย์ Radboud University Medical Center ประเทศเนเธอร์แลนด์ อธิบายว่า ความเข้าใจผิดมาจากในช่วงอายุก่อน 50 ปี จะพบผู้ป่วยความดันโลหิตสูงเพศชายมากกว่าเพศหญิง แต่ผู้หญิงจะเริ่มมีปัญหาความดันโลหิตสูงหลังหมดประจำเดือน ดังนั้นจึงเริ่มพบผู้หญิงป่วยเป็นความดันโลหิตสูงมากกว่าผู้ชายหลังอายุ 65 ปีขึ้นไป บ่อยครั้งที่ความเชื่อว่าความดันโลหิตสูงเกิดกับผู้ชายมากกว่า ทำให้ผู้หญิงหลายคนมองข้ามว่า อาการผิดปกติของร่างกายเกิดจากภาวะหมดประจำเดือน ความกังวล หรือความเครียด เช่น อาการใจสั่น เจ็บหน้าอก ปวดศีรษะ หายใจลำบาก เหนื่อยง่าย […]

ชัวร์ก่อนแชร์: ความดันสูงกว่า 140/90 มม.ปรอท ถึงอันตราย จริงหรือ?

29 พฤษภาคม 2568แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล ข้อมูลที่ถูกแชร์ : ความดันสูงกว่า 140/90 มม.ปรอท ถึงอันตราย บทสรุป : FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง : ข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่าระดับของความดันโลหิตที่เหมาะสมไม่ควรเกิน 140/90 มม.ปรอท แต่กระนั้น สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด ควรมีความดันโลหิตไม่เกิน 130/80 มม.ปรอท ได้แก่ ข้อมูลจาก สมาคมความดันโลหิตสูงแห่งประเทศไทย จำแนกระดับความดันโลหิต (มิลลิเมตรปรอท) ตามความรุนแรงในผู้ใหญ่ อายุ 18 ปีขึ้นไป ได้ดังนี้ ความดันซิสโทลิก SBP (มิลลิเมตรปรอท) / ความดันไดแอสโทลิก DBP (มิลลิเมตรปรอท) 1.ความดันโลหิต ระดับ เหมาะสม (optimal) < 120 […]

ชัวร์ก่อนแชร์: อาการจากโรคความดันโลหิตสูงสังเกตได้ง่าย จริงหรือ?

27 พฤษภาคม 2568แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล ข้อมูลที่ถูกแชร์ : อาการจากโรคความดันโลหิตสูงสังเกตได้ง่าย บทสรุป : FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง : ความดันโลหิตสูง ได้รับฉายาว่า ฆาตกรเงียบ หรือ Silent Killer เนื่องจากเป็นโรคที่สามารถพบได้โดยผู้ป่วยไม่แสดงอาการใด ๆ ปาร์วีน การ์ก แพทย์โรคหัวใจ สถาบันโรคหลอดเลือดหัวใจ โรงพยาบาล Keck Hospital of USC ชี้แจงว่า ส่วนใหญ่แล้ว จะมีแต่ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงระดับรุนแรงเท่านั้นที่แสดงอาการผิดปกติอย่างเด่นชัด แต่การมีความดันโลหิตสูงเป็นเวลานาน จะส่งผลเสียต่อหลอดเลือดอย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่แสดงอาการใด ๆ ก่อนหน้านั้นเลยก็ตาม การที่มีความดันโลหิตสูงอยู่นาน ๆ หากไม่ได้รับการรักษา จะทำให้เกิดการเสื่อมของหลอดเลือดตามอวัยวะต่าง ๆ นำไปสู่โรคหัวใจจากหลอดเลือดหัวใจตีบ กล้ามเนื้อหัวใจตาย หัวใจวาย ตาบอด ไตพิการ เนื้อสมองตายเนื่องจากหลอดเลือดตีบหรือแตก […]

ชัวร์ก่อนแชร์: ครีมกันแดดถูกเรียกคืนเพราะมีสารก่อมะเร็ง จริงหรือ?

23 พฤษภาคม 2568แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล ข้อมูลที่ถูกแชร์ : มีข้อมูลเท็จเกี่ยวกับความปลอดภัยของครีมกันแดดเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยอ้างว่าในครีมกันแดดมีสารก่อมะเร็งอย่าง เบนซีน เป็นส่วนประกอบ นำไปสู่การเรียกคืนครีมกันแดดที่มีเบนซีนเป็นส่วนประกอบอย่างแพร่หลาย บทสรุป : FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง : เบนซีน (Benzene) คือสารประกอบอินทรีย์ ใช้เป็นตัวทำละลายในการผลิตสารเคมีสำหรับภาคอุตสาหกรรม และเป็นส่วนประกอบในน้ำมันเชื้อเพลิง องค์กรวิจัยมะเร็งนานาชาติ (IARC) ขององค์การอนามัยโลก (WHO) จัดให้เบนซีนเป็นสารก่อมะเร็งระดับที่ 1 การได้รับสารเบนซีนเป็นเวลานานทำให้เกิดผลกระทบต่อไขกระดูก อาจทำให้เกิดโรคโลหิตจางและมะเร็งเม็ดเลือดขาวได้ พบการปนเปื้อนเบนซีนในครีมกันแดด เมื่อปี 2021 ทางการสหรัฐฯ ได้ส่งผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดและผลิตภัณฑ์ดูแลหลังออกแดดจำนวน 294 ชุดจาก 69 แบรนด์ ไปตรวจสอบในห้องปฏิบัติการ โดยพบว่า 78 ชุดหรือประมาณ 1 ใน 4 มีการปนเปื้อนเบนซีน ซึ่งส่วนใหญ่พบในครีมกันแดด ครีมกันแดดครึ่งหนึ่งพบปริมาณเบนซีนต่ำกว่า […]

ชัวร์ก่อนแชร์: ครีมกันแดดเข้าสู่กระแสเลือด-ส่งผลต่อฮอร์โมน จริงหรือ?

23 พฤษภาคม 2568แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล ข้อมูลที่ถูกแชร์ : มีข้อมูลเท็จเกี่ยวกับความปลอดภัยของครีมกันแดดเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ เมื่อองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) ตรวจพบตัวยาของครีมกันแดดในกระแสเลือดของผู้ใช้ นำไปสู่การอ้างว่าสารเคมีในครีมกันแดดที่เข้าสู่กระแสเลือดมีฤทธิ์รบกวนการทำงานของต่อมไร้ท่อ ส่งผลต่อความสมดุลของระดับฮอร์โมนในร่างกาย บทสรุป : FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง : ข้อกล่าวหาอ้างถึงผลวิจัยขนาดเล็กขององค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) เมื่อปี 2019 ที่พบตัวยาสำคัญ (Active Ingredients) ในกระแสเลือดของผู้ใช้ครีมกันแดดในปริมาณมากกว่าที่เคยคาดไว้ แต่ FDA ยืนยันว่า การพบว่าตัวยาสำคัญของครีมกันแดดดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ไม่ได้หมายความว่าการใช้ครีมกันแดดไม่มีความปลอดภัย ดร.อดัม ฟรีดแมน หัวหน้าภาควิชาโรคผิวหนัง มหาวิทยาลัยจอร์จวอชิงตัน ชี้แจงว่า การอ้างว่าครีมกันแดดไม่มีความปลอดภัยเพราะดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดเป็นการกล่าวอ้างที่เกินจริง การพบสารบางอย่างในกระแสเลือดยังบอกไม่ได้ว่าสิ่งนั้นปลอดภัยหรืออันตราย จนกว่าจะมีการศึกษาผลลัพธ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น เดสมอนด์ โทบิน ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยโรคผิวหนัง มหาวิทยาลัยคอลเลจดับลิน อธิบายว่า ก่อนจะตัดสินความปลอดภัยหรือผลเสียจากการใช้ครีมกันแดด วงการวิทยาศาสตร์จำเป็นต้องตรวจสอบความปลอดภัยของส่วนผสมในครีมกันแดดอย่างรอบคอบ โดยคำนึงไปถึงผลจากการใช้ต่อเนื่องไปตลอดชีวิต ความกังวลต่อสาร Oxybenzone […]

ชัวร์ก่อนแชร์: ครีมกันแดดทำให้ขาดวิตามินดี จริงหรือ?

23 พฤษภาคม 2568แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล ข้อมูลที่ถูกแชร์ : มีข้อมูลเท็จเกี่ยวกับความปลอดภัยของครีมกันแดดเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยอ้างว่าการใช้ครีมกันแดดคือสาเหตุของภาวะขาดวิตามินดี (Vitamin D Deficiency) เนื่องจากครีมกันแดดจะป้องกันกระบวนการสังเคราะห์วิตามินดีบนผิวหนัง ส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยรวม และเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งผิวหนัง บทสรุป : FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง : บทบาทการสังเคราะห์วิตามินดีจากผิวหนัง วิตามินดี เป็นทั้งวิตามินและฮอร์โมนที่สำคัญต่อร่างกาย มีหน้าที่ดูดซึมแคลเซียม เสริมความแข็งแรงให้กับกระดูกและฟัน ปรับสมดุลของระดับแคลเซียมและฟอสฟอรัสในกระแสเลือด ทำให้การทำงานของกล้ามเนื้อ ระบบประสาท และระบบภูมิคุ้มกันเป็นไปอย่างปกติ แหล่งวิตามินดีสำคัญของมนุษย์คือการสังเคราะห์รังสียูวีบีจากแสงแดดบริเวณผิวหนัง การไม่ได้รับแสงแดดเป็นเวลานานอาจส่งผลให้ระดับวิตามินดีในร่างกายขาดแคลน ทำให้กระดูกและกล้ามเนื้อเสื่อมสภาพ รวมถึงสาเหตุการเกิดโรคเรื้อรังต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม การศึกษาทั้งจากการสังเกตการณ์และทางระบาดวิทยา ไม่พบว่าการใช้ครีมกันแดดมีความสัมพันธ์กับภาวะขาดวิตามินดีแต่อย่างใด แม้ตามทฤษฎีแล้ว การทาครีมกันแดดจะทำให้ร่างกายได้รับวิตามินดีลดลง แต่ในความเป็นจริงแล้ว การทาครีมกันแดดไม่สามารถป้องกันผิวจากรังสียูวีบีได้ทั้งหมด และรังสียูวีบีเพียงเล็กน้อย ก็เพียงพอสำหรับใช้สังเคราะห์วิตามินดีในปริมาณที่จำเป็นต่อร่างกายได้ ระยะเวลาตากแดดเพื่อสร้างวิตามินดี องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ในช่วงฤดูร้อน การรับแดดที่บริเวณใบหน้า […]

ชัวร์ก่อนแชร์: มะเร็งผิวหนังค้นพบหลังการผลิตครีมกันแดด จริงหรือ?

22 พฤษภาคม 2568แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล ข้อมูลที่ถูกแชร์ : มีข้อมูลเท็จเกี่ยวกับความปลอดภัยของครีมกันแดดเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยอ้างว่ามนุษย์ใช้ชีวิตกลางแสงแดดมาตั้งแต่โบราณ กระทั่งมีการผลิตครีมกันแดด ผู้คนก็เริ่มป่วยเป็นมะเร็งผิวหนัง โดยเฉพาะมะเร็งผิวหนังชนิดใหม่อย่างเมลาโนมา (Melanoma) ที่เพิ่งจะพบผู้ป่วยเมื่อ 60 ปีที่แล้ว ช่วงเดียวกับที่ครีมกันแดดเริ่มเป็นที่นิยม บทสรุป : FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง : อย่างไรก็ดี โรคมะเร็งผิวหนังเมลาโนมาถูกตรวจพบก่อนการผลิตครีมกันแดดนานนับพันปี ครั้งแรกที่มีการจดบันทึกเกี่ยวกับโรคมะเร็งผิวหนังเมลาโนมาจากบันทึกของฮิปโปเครตีส บิดาการแพทย์ชาวกรีกโบราณซึ่งมีชีวิตอยู่ในช่วง 460-375 ปีก่อนคริสตกาล เรเน เลนเนค แพทย์ชาวฝรั่งเศสผู้คิดค้นหูฟังทางการแพทย์ เป็นผู้บัญญัติชื่อโรคมะเร็งผิวหนังเมลาโนมาและบรรยายเกี่ยวกับมะเร็งเมลาโนมาเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1804 ส่วนครีมกันแดดเริ่มพัฒนาเมื่อปี 1890 โดยครีมกันแดดสมัยใหม่จะถูกคิดค้นโดย ฟรานซ์ ไกรเทอร์ นักเคมีชาวสวิสช่วงปลายทศวรรษ 1940s ความเสี่ยงมะเร็งผิวหนังจากรังสียูวี เมื่อปี 2009 องค์กรวิจัยมะเร็งนานาชาติ (IARC) ขององค์การอนามัยโลก (WHO) จัดให้รังสียูวีทั้งจากแสงอาทิตย์และรังสียูวีสังเคราะห์เป็นสารก่อมะเร็งระดับที่ 1 […]

Sunscreen Paradox ยิ่งใช้ครีมกันแดด ยิ่งเสี่ยงมะเร็งผิวหนัง จริงหรือ?

21 พฤษภาคม 2568แปลและเรียบเรียงบทความโดย: อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล หนึ่งในความเข้าใจผิดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ป้องกันสุขภาพผิวอย่างครีมกันแดด คือความเชื่อว่าการใช้ครีมกันแดดเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งผิวหนัง เมื่อมีข้อมูลทางสถิติพบจำนวนผู้ป่วยมะเร็งผิวหนังมากขึ้นหลังครีมกันแดดเริ่มใช้กันอย่างแพร่หลาย จนเป็นที่มาของข้อย้อนแย้งของครีมกันแดดหรือ Sunscreen Paradox Sunscreen Paradox มีที่มาจากผลสำรวจที่พบว่า นับตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดเริ่มใช้อย่างแพร่หลายช่วงทศวรรษที่ 1980s เป็นต้นมา กลับพบจำนวนผู้ป่วยมะเร็งผิวหนังในกลุ่มผู้ใช้ครีมกันแดดมากกว่าประชากรทั่วไป จนเกิดข้อสรุปที่ผิดพลาดว่า ครีมกันแดดคือสาเหตุของการเกิดมะเร็งผิวหนัง การสำรวจความเห็นโดยสถาบันวิจัยมะเร็ง Orlando Health Cancer Institute เมื่อเดือนมีนาคม 2024 พบว่า ชาวอเมริกันอายุมากกว่า 18 ปีจำนวน 1,000 ราย มีอยู่ถึง 14% ของกลุ่มคนที่อายุต่ำกว่า 35 ปีที่เชื่อว่า การใช้ครีมกันแดดเป็นประจำส่งผลเสียต่อผิวหนังมากกว่าการตากแดด รังสียูวีจากดวงอาทิตย์ รังสีอัลตราไวโอเลต หรือ รังสีเหนือม่วง คือรังสีที่เกิดจากการแผ่รังสีของดวงอาทิตย์ แบ่งตามสเปกตรัมแม่เหล็กไฟฟ้าได้ 3 ชนิด ได้แก่ UVC (คลื่นสั้น) UVB (คลื่นกลาง) […]

ชัวร์ก่อนแชร์: ตระกูลมาร์กอสครอบครองทองคำ 1 ล้านตัน จริงหรือ?

20 พฤษภาคม 2568แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล ข้อมูลที่ถูกแชร์ : มีทฤษฎีสมคบคิดเกี่ยวกับความร่ำรวยของตระกูลมาร์กอส ตระกูลการเมืองของประเทศฟิลิปปินส์เผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ในต่างประเทศ โดยอ้างว่า ที่มาความร่ำรวยของ เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส อดีตประธานาธิบดีคนที่ 10 ของฟิลิปปินส์ แท้จริงแล้วมาจากการครอบครองทองคำปริมาณถึง 1 ล้านตัน และยังคงถูกเก็บรักษาไว้เป็นสมบัติของตระกูลจนถึงปัจจุบัน บทสรุป : FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง : ตำนานทองคำตระกูลทัลลาโน ทฤษฎีสมคบคิดการครอบครองทองคำของ เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส มาจากเรื่องเล่าที่อ้างว่าก่อนที่ฟิลิปปินส์จะตกอยู่ภายใต้การปกครองของประเทศสเปน กลุ่มคนที่มีอำนาจสูงสุดในแถบหมู่เกาะฟิลิปปินส์ได้แก่สมาชิกของตระกูลทัลลาโน เนื่องจากครอบครองทองคำเอาไว้จำนวนมาก ต่อมาสมาชิกของตระกูลทัลลาโนได้มอบทองคำจำนวนถึง 1 ล้านตันแก่ เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส เพื่อตอบแทนการช่วยเหลือคนของตระกูลทัลลาโนในสมัยที่ เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ยังทำงานเป็นทนายความ ผู้สนับสนุนตระกูลมาร์กอสมักนำตำนานมาอ้างว่าสิ่งนี้คือเบื้องหลังความร่ำรวยผิดปกติของ เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ทองคำทั้งโลกมีแค่ 2 แสนตัน อย่างไรก็ดี ข้อมูลจาก […]

Fort Knox คลังทองคำสุดลึกลับของสหรัฐฯ

19 พฤษภาคม 2568แปลและเรียบเรียงบทความโดย: อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล หนึ่งในสถานที่ซึ่งได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนาและเป็นความลับมากที่สุดในสหรัฐฯ คือคลังทองคำสำรอง Fort Knox สถานที่เก็บทองคำสำรองครึ่งหนึ่งของทองคำสำรองสหรัฐฯ การเป็นสถานที่หวงห้ามและเปิดให้บุคคลภายนอกเข้าไปตรวจสอบเพียง 3 ครั้งในรอบ 88 ปีที่ผ่านมา นำไปสู่ทฤษฎีสมคบคิดว่า ทองคำใน Fort Knox อาจจะนำออกไปใช้ก่อนหน้านี้จนหมดแล้ว หรือถูกย้ายไปเก็บรักษาไว้ที่อื่น จนถึงข่าวลือว่าทองที่อยู่ในคลังอาจจะไม่ใช่ทองคำบริสุทธิ์ก็เป็นได้ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา คลังทองคำสำรอง Fort Knox กลับมาเป็นข่าวอีกครั้ง เมื่อประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และ อีลอน มัสก์ ซึ่งดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาอาวุโสของประธานาธิบดีในขณะนั้น แสดงความสนใจเปิดคลังทองคำสำรอง Fort Knox เพื่อพิสูจน์ว่าปริมาณทองคำสำรองครึ่งหนึ่งของสหรัฐฯ ยังมีอยู่จริงหรือไม่ แผนป้องกันทองคำสหรัฐฯ จากข้าศึก เมื่อปี 1935 กระทรวงการคลังสหรัฐฯ มีแผนย้ายทองคำสำรองของชาติที่จัดเก็บในโรงกษาปณ์ตามเมืองใหญ่ทางฝั่งตะวันตกและตะวันออกของประเทศ มาเก็บรักษายังสถานที่ซึ่งอยู่ใจกลางของประเทศ เพื่อป้องกันการถูกโจมตีจากข้าศึกที่ขึ้นบก สถานที่ที่เลือกใช้เก็บรักษาทองคำสำรองแห่งใหม่คือคลังทองคำที่อยู่ใกล้กับค่ายทหาร Fort Knox ทางตอนใต้ของเมืองหลุยส์วิลล์ รัฐเคนทักกี […]

1 2 3 4 41