ชัวร์ก่อนแชร์: ฉีดโบท็อกซ์ เสี่ยงมะเร็ง จริงหรือ?

24 กรกฎาคม 2568
แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


ข้อมูลน่าสงสัย :

มีความกังวลใจเกี่ยวกับการเสริมความงามและความเสี่ยงมะเร็ง เมื่อมีความเชื่อว่าการฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดการหย่อนคล้อยบนใบหน้าเพิ่มความเสี่ยงมะเร็ง เนื่องจากเป็นสารที่สกัดจากพิษของแบคทีเรีย และการฉีดเพื่อให้กล้ามเนื้อบนใบหน้าเป็นอัมพาต ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่องจนนำไปสู่มะเร็ง


บทสรุป :

1.ไม่มีหลักฐานว่าการฉีดโบท็อกซ์ก่อให้เกิดมะเร็ง
2.โบท็อกซ์ทางการแพทย์มีความปลอดภัยสูง
3.ผลเสียจากโบท็อกซ์มาจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน

FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :


โบท็อกซ์ เป็นชื่อการค้าของสาร โบทูลินัม ท็อกซิน (Botulinum Toxin) สารสกัดจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินัม แบ่งได้ 7 ชนิดได้แก่ โบทูลินัม ท็อกซิน เอ ถึง จี

โบท็อกซ์เพื่อการรักษา

โบทูลินัม ท็อกซิน หรือ โบท็อกซ์ ถูกนำมาใช้ทางการแพทย์เพื่อรักษาหลากหลายอาการ ทั้งการรักษาภาวะทางระบบประสาท เช่น ภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็ง (Dystonia) และภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็ง (Spasticity)

ใช้รักษาการปวดไมเกรน อาการคอบิดเกร็ง ภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน ภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติ

จนถึงการใช้นอกข้อบ่งใช้ (Off-Label Use) เพื่อรักษาอาการใบหน้าไม่เท่ากันและภาวะความผิดปกติของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน

โบท็อกซ์เพื่อเสริมความงาม

โบทูลินัม ท็อกซิน หรือ โบท็อกซ์ ได้รับความนิยมนำมาใช้เพื่อสร้างความกระชับให้กับผิวหน้า โบท็อกซ์จะทำหน้าที่ขัดขวางการหลั่งของสารอะเซทิลโคลีน ซึ่งเป็นสารสื่อประสาท (Neurotransmitter) ที่สั่งการให้กล้ามเนื้อหดตัว เมื่อฉีดที่บริเวณใบหน้า กล้ามเนื้อบริเวณนั้นจะถูกทำให้เป็นอัมพาตชั่วคราว ช่วยให้กล้ามเนื้อลดการเคลื่อนไหวและผ่อนคลายมากขึ้น

การใช้โบท็อกซ์ยับยั้งการหย่อนคล้อยของกล้ามเนื้อบนใบหน้าจะคงอยู่ได้นาน 3-4 เดือน ก่อนที่จะสลายตัวไปตามกระบวนทางธรรมชาติโดยไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย

โบท็อกซ์ในทางการแพทย์เจือจางจนไม่เป็นอันตราย

เป็นความจริงที่ว่า โบทูลินัม ท็อกซิน ถือเป็นหนึ่งในสารพิษที่ส่งผลต่อระบบประสาทร้ายแรงที่สุดเท่าที่วงการวิทยาศาสตร์เคยรู้จัก ในปริมาณเท่ากันมีความเป็นพิษมากกว่าพิษของงูเห่านับล้านเท่า

แต่กระนั้น โบทูลินัม ท็อกซิน ที่ใช้ในทางการแพทย์ถูกนำมาเจือจางและทำให้บริสุทธิ์ก่อนนำมาใช้ จึงไม่เป็นอันตรายต่อผู้ป่วยและผู้ใช้บริการแต่อย่างใด

โบท็อกซ์กับโรค Botulism

โบทูลิซึม (Botulism) เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อโบทูลินัม ท็อกซินจากแบคทีเรีย คลอสตริเดียม โบทูลินัม อาการที่เด่นชัดคือ อาการอ่อนแรง การมองเห็นผิดปกติ รู้สึกอ่อนล้า และพูดลำบาก จากนั้นอาจตามมาด้วยอาการอ่อนแรงของแขน กล้ามเนื้อหน้าอก และขา และอาจมีความรุนแรงถึงเสียชีวิตได้

แม้จะมีที่มาเหมือนกัน แต่โบทูลินัม ท็อกซินทางการแพทย์ที่ถูกเจือจางและทำให้บริสุทธิ์แล้ว เมื่อใช้อย่างถูกวิธีจะไม่ก่อให้เกิดโรคโบทูลิซึมกับผู้ป่วยแต่อย่างใด

โรค Botulism เพราะใช้โบท็อกซ์ปลอม/ผิดวิธี

เมื่อปี 2004 ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (CDC) รายงานพบผู้ป่วยเพศหญิงอายุระหว่าง 25-59 ปี จำนวน 22 ราย มารักษาตัวจากการใช้โบท็อกซ์ปลอมหรือใช้ผิดวิธี

มี 11 รายต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล โดย 6 รายต้องรักษาตัวด้วยยาต้านพิษ จากความกังวลต่อโรคโบทูลิซึมเนื่องจากโบท็อกซ์ไหลออกจากจุดที่ฉีดและไปโจมตีระบบประสาทส่วนกลาง

จากการตรวจสอบพบว่า ผู้หญิงทั้ง 22 รายเข้ารับการฉีดโบท็อกซ์โดยผู้ที่ไม่มีใบอนุญาตหรือไม่มีความชำนาญการ

ส่วนปี 2023 พบผู้ป่วยโรคโบทูลิซึมในสหราชอาณาจักรจำนวน 67 ราย สืบประวัติพบว่าไปเข้ารับการลดน้ำหนักด้วยการฉีดโบท็อกซ์ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในประเทศตุรกี

โบท็อกซ์ไม่มีความเสี่ยงมะเร็ง

มีความเชื่อที่ว่าการทำให้กล้ามเนื้อเป็นอัมพาตเป็นการขัดขวางการระบายของระบบน้ำเหลืองอย่างเหมาะสม นำไปสู่โรคมะเร็งได้ ซึ่งไม่เป็นความจริง

ส่วนการเกิดตุ้มแดงบริเวณจุดที่ฉีดโบท็อกซ์ ไม่ใช่สัญญาณของการเติบโตของก้อนเนื้อที่ควบคุมไม่ได้ แต่เป็นอาการช้ำเข็มที่เกิดเมื่อระบบภูมิคุ้มกันแสดงปฏิกิริยาต่อการระคายเคืองในจุดที่ฉีดเท่านั้น

เทียบความปลอดภัยการใช้โบท็อกซ์รักษาผู้ป่วย

ความปลอดภัยของการใช้โบท็อกซ์เสริมความงาม เห็นได้จากความปลอดภัยของการใช้รักษาโรค ผลสำรวจผู้ที่ใช้โบท็อกซ์รักษาอาการป่วยเป็นเวลานานมากกว่า 15 ปีไม่พบว่ามีอัตราการป่วยเป็นมะเร็งมากกว่าคนทั่วไปแต่อย่างใด

นอกจากนี้ การใช้โบท็อกซ์เพื่อการรักษาโรคยังใช้ปริมาณโบท็อกซ์สูงกว่าการใช้เพื่อเสริมความงามอย่างมาก

การใช้โบท็อกซ์เพื่อเสริมความงาม 1 ครั้งใช้ปริมาณโบท็อกซ์ 20-50 ยูนิต แต่การใช้เพื่อรักษาโรค เช่น ภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็ง ต้องใช้ปริมาณโบท็อกซ์มากกว่า 300 ยูนิต

ส่วนการเว้นช่วงในการฉีดโบท็อกซ์ 3-4 เดือนต่อครั้ง เป็นช่วงเวลาที่มากพอจะทำให้ร่างกายเผาผลาญและกำจัดโบท็อกซ์ออกไปโดยเหลือตกค้างในร่างกาย ซึ่งการทดสอบพบว่าการได้รับสารโบท็อกซ์นานนับทศวรรษก็ไม่เพิ่มความเสี่ยงการเป็นมะเร็งแต่อย่างใด

โบท็อกซ์ปลอดภัยกับผู้ป่วยมะเร็ง

โบท็อกซ์ยังถูกใช้กับผู้ป่วยมะเร็ง ทั้งการบรรเทาอาการกล้ามเนื้อกระตุกจากรังสีหรืออาการปวดไมเกรนหลังการบำบัด

เนื่องจากโบท็อกซ์จะส่งผลต่อบริเวณที่ฉีดเท่านั้น จึงไม่ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันและไม่ส่งผลต่อการรักษาผู้ป่วยมะเร็งแต่อย่างใด

ปัจจุบันยังมีการวิจัยนำโบท็อกซ์มาใช้ในการรักษาผู้ป่วยมะเร็ง ซึ่งเป็นการหักล้างความเชื่อเรื่องโบท็อกซ์เป็นสารก่อมะเร็งอีกทางหนึ่งด้วย

ผลเสียจากการใช้โบท็อกซ์

ความเสี่ยงของการใช้โบท็อกซ์มีทั้งอาการหนังตาตก (Eyelid Drooping) ซึ่งเกิดจากการฉีดโบท็อกซ์ไม่ถูกวิธี ซึ่งอาจส่งผลนานถึง 6 เดือน

การใช้โบท็อกซ์เสริมความงามเป็นเวลานาน อาจส่งผลต่อให้ผู้ใช้ไม่สามารถขยับกล้ามเนื้อใบหน้าได้ตามธรรมชาติอีกต่อไป

งานวิจัยปี 2022 พบว่าผู้ที่ใช้โบท็อกซ์อย่างต่อเนื่องเกิดความผิดปกติบนกล้ามเนื้อบนใบหน้า แม้จะหยุดใช้โบท็อกซ์ไปแล้วถึง 4 ปี

ผู้เชี่ยวชาญอธิบายการหยุดใช้งานกล้ามเนื้อเป็นเวลานาน ทำให้กล้ามเนื้อไม่สามารถกลับมาทำงานได้สมบูรณ์เหมือนเดิม ซึ่งส่งผลต่อการแสดงสีหน้าของผู้ใช้โบท็อกซ์เป็นเวลานาน

เทียบความเสี่ยงกับการฉีดฟิลเลอร์

การฉีดฟิลเลอร์ เป็นการช่วยเติมเต็มชั้นผิวและช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้เซลล์ ทำให้ใบหน้าอ่อนวัย และลดปัญหาริ้วรอย

แต่การฉีดฟิลเลอร์ก็มีความเสี่ยงการเกิดฟิลเลอร์จับตัวเป็นก้อน หรือ แกรนูโลมา ซึ่งเป็นปฏิกิริยาของระบบภูมิคุ้มกันต่อสิ่งแปลกปลอมที่ร่างกายไม่สามารถกำจัดได้ เซลล์เหล่านี้จะรวมตัวกันเป็นก้อนเพื่อล้อมรอบและยับยั้งการแพร่กระจายของสิ่งแปลกปลอม

รวมถึง อาการฟิลเลอร์อุดตันหลอดเลือดซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะเนื้อตาย (Necrosis) หรือตาบอด

อาการข้างเคียงจากการใช้โบท็อกซ์และฟิลเลอร์เกิดขึ้นได้ยาก หากเข้ารับการเสริมความงามกับผู้เชี่ยวชาญและใช้ผลิตภัณฑ์ที่มาตรฐาน

ข้อมูลอ้างอิง :

https://medicalrealities.com/does-botox-cause-cancer-a-complete-medical-review-of-risks-and-evidence/
https://www.bbc.com/future/article/20240503-are-there-long-terms-health-risks-to-using-botox

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

EOD ลุยค้นหาจรวด หลังชาวบ้านแจ้งเจอต่อเนื่อง

13 ส.ค. – EOD ลุยค้นหา-เก็บกู้จรวดในพื้นที่บุรีรัมย์-ศรีสะเกษ หลังชาวบ้านแจ้งเจอต่อเนื่อง ขณะที่คณะ ICRC ลงพื้นที่เก็บข้อมูลผลกระทบเหตุปะทะ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด EOD ลงพื้นที่ตรวจสอบไร่ยางพาราของชาวบ้านและอีกหลายจุด ในเขต ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบหลุมต้องสงสัยอยู่ในที่ดินของตัวเอง จากการตรวจสอบพบสะเก็ดระเบิด และอีกหลายจุดพบเป็นหลุมคล้ายหลุมจรวด BM21 ที่ตกลงมา เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และต้องใช้ความระมัดระวัง ขณะที่ชาวบ้านที่เพิ่งเข้ามาอยู่บ้าน ยังไม่มั่นใจกับสถานการณ์ โดยเฉพาะหลังมีทหารเหยียบทุ่นระเบิดเป็นรายที่ 5 EOD เร่งตรวจสอบ–กู้ระเบิดกระสุนปืนใหญ่ชายแดน ส่วนที่ศรีสะเกษเจ้าหน้าที่ EOD สนธิกำลัง ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีพบกระสุนปืนใหญ่ตกในเขต ต.เสาธงชัย และ ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดน เบื้องต้นพบ 7 จุด บริเวณสวนยางพาราและใกล้เขตชุมชน โดยส่วนใหญ่เป็นลูกกระสุนปืนใหญ่ขนาด 100 มิลลิเมตร เจ้าหน้าที่ได้ทำการขุดตรวจพิสูจน์ พบว่าหลายลูกระเบิดไปแล้ว เหลือเพียงเศษซาก และยังพบอีก 1 จุดในพื้น […]

อึ้งพระอยู่กับสีกา เปิดบนรถเจอกองทิชชูใช้แล้ว

สกลนคร 13 ส.ค. – วงการผ้าเหลืองฉาวอีก ตำรวจตรวจรถเก๋งคันหนึ่งจอดอยู่ข้างทาง พบพระกับสีกาอยู่ด้วยกัน 2 ต่อ 2 คุยไปคุยมา สุดท้ายไปจบที่ลาสิกขา หลังตำรวจ สภ.ขมิ้น จ.สกลนคร ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน พบรถเก๋งต้องสงสัยสีดำ จอดผิดปกติบริเวณ ริมคลอง บ.พาน ต.ขมิ้น อ.เมือง จ.สกลนคร เมื่อเข้าไปตรวจสอบ ตำรวจต้องอึ้ง เมื่อเจอพระอยู่กับสีกา 2 ต่อ 2 ในรถ ต่อมาทราบว่า คือ พระชัยณรงค์ อายุ 53 ปี สังกัด วัดแห่งหนึ่ง อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ จึงเชิญตัวไปยังวัดใกล้เคียงที่เกิดเหตุ เพื่อทำพิธีลาสิกขา และนำตัวมาตรวจปัสสาวะ ผลไม่พบสารเสพติด แต่รถที่พระเเละสีกาดังกล่าวอยู่ด้วยกัน พบเป็นรถที่ถูกสวมทะเบียน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจยึดไว้เพื่อตรวจสอบ คืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยัง สภ.ขมิ้น พบรถเก๋งคันดังกล่าวจอดอยู่บริเวณสถานที่เก็บของกลาง กระจกด้านข้างและด้านหลังติดฟิล์มดำสนิท แต่ด้านหน้าฟิล์มใสมองเห็นถึงภายใน ที่เบาะนั่งข้างคนขับ ยังพบกองจีวรของทิดชัยณรงค์ […]

สถานการณ์ชายแดนสุ่มเสี่ยงปะทะรอบ 2

สุรินทร์ 13 ส.ค. – กระแสข่าวจากหลายฝ่ายยืนยันตรงกันว่าระยะ 2 วันนี้ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จะเพิ่มความตึงเครียด สุ่มเสี่ยงที่จะมีการปะทะรอบ 2 ฝ่ายปกครอง จ.สุรินทร์ จึงแจ้งเตือนไปยังกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ให้ลูกบ้านเตรียมพร้อมรองรับเหตุฉุกเฉิน ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศ ในหมู่บ้านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือน พบว่า หลายครอบครัวเพิ่งกลับเข้าพื้นที่ 1-2 วัน หลังอพยพหนีภัยการสู้รบในห้วงวันที่ 24 – 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ได้รับข่าวไม่สู้ดีนัก เมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง แจ้งให้เตรียมความพร้อม เก็บสัมภาระไว้เพื่อรองรับสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงการปะทะ รอบ 2 ซึ่งอาจรุนแรงมากกว่ารอบแรก ทำให้ชาวบ้านหลายคนต่างตื่นตระหนก ต้องการอพยพไปอยู่นอกพื้นที่ แต่เมื่อผู้นำหมู่บ้านทำความเข้าใจ ก็คลายความกังวลลงบ้าง โดยสื่อสารข้อความจากนายอำเภอพนมดงรักว่า รอให้มีเสียงปะทะกันเกิดขึ้นก่อน จึงให้อพยพ ซึ่งชาวบ้านก็เชื่อฟัง เพราะส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าจะอพยพไปที่ไหน เพราะยังไม่มีการเปิดศูนย์พักพิงชั่วคราว ขณะที่หญิงคนหนึ่งติดอยู่ในพื้นที่สู้รบ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือนตลอดห้าวัน เพราะเป็นห่วงวัวที่เลี้ยงไว้ จึงอาศัยอยู่ในกระต๊อบพร้อมญาติรวมสี่คน และประเมินสถานการณ์ว่า น่าจะปลอดภัย เพราะวิถีกระสุนไปตกไกลกว่า จึงได้ยินเสียงปะทะอย่างชัดเจน […]

คุมตัว “ลุงพล” ส่งเรือนจำ ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัว

มุกดาหาร 13 ส.ค.- คุมตัว “ลุงพล” ส่งเรือนจำมุกดาหาร ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัวจากศาลฎีกา หลังศาลอุทธรณ์ตัดสินจำคุก 26 ปี คดีน้องชมพู่ จากกรณีศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาเพิ่มโทษให้จำคุก “ลุงพล” 26 ปี ฐานเจตนาฆ่าเด็ก พรากผู้เยาว์ และอำพรางศพ ขณะที่ “ป้าแต๋น” พิพากษายืนยกฟ้อง ในคดีฆาตกรรม น้องชมพู่ ทั้งนี้ภายหลัง ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ “ลุงพล” ได้ยื่นขอประกันตัว โดยศาลจังหวัดมุกดาหาร เสนอไปยังศาลฎีกา ล่าสุด ช่วงเย็นที่ผ่านมา ศาลฎีกายังไม่มีคำตอบลงมาว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่ ทำให้ “ลุงพล” ถูกคุมตัวไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดมุกดาหาร ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัวจากศาลฎีกา ย้อนไปคดีนี้ เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2563 น้องชมพู่ วัย 3 ขวบ หายไปจากบ้านพักภาย ในหมู่บ้านกกกอก ทำให้ชาวบ้านมากกว่า 200 ชีวิต รวมถึง ตัวลุงพล ช่วยกันออกตามหา […]