ชัวร์ก่อนแชร์: ใช้ยาย้อมผม เสี่ยงมะเร็ง จริงหรือ?

22 กรกฎาคม 2568
แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


ข้อมูลน่าสงสัย :

มีความกังวลใจเกี่ยวกับการเสริมความงามและความเสี่ยงมะเร็ง เมื่อมีคดีฟ้องร้องบริษัทผู้ผลิตยาย้อมผมในสหรัฐอเมริกา ในข้อหาปกปิดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งจากการใช้ยาย้อมผม โดยเฉพาะความเสี่ยงต่อช่างทำผมที่ย้อมผมให้ลูกค้าเป็นประจำจนป่วยเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ


บทสรุป :

1.มีคดีฟ้องร้องบริษัทยาย้อมผมข้อหาทำให้ช่างทำผมป่วยเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
2.หน่วยงานมะเร็งของ WHO ไม่พบว่าการย้อมผมเป็นประจำทำให้เสี่ยงมะเร็ง
3.แต่พบว่าช่างทำผมที่สัมผัสยาย้อมผมเป็นประจำมีความเสี่ยงมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
4.งานวิจัยความเสี่ยงมะเร็งชนิดอื่น ๆ จากยาย้อมผมยังไม่ชัดเจน

FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :


คนย้อมผมไม่เสี่ยงมะเร็ง แต่ช่างทำผมมีความเสี่ยงมะเร็ง

ข้อมูลจากองค์กรวิจัยมะเร็งนานาชาติ (International Agency for Research on Cancer : IARC) ขององค์การอนามัยโลก (WHO) อ้างอิงงานวิจัยของประเทศเยอรมนีในปี 2010 ที่ศึกษางานวิจัยจำนวน 42 ชิ้น พบความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของการป่วยเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะในกลุ่มช่างทำผม โดยเฉพาะช่างทำผมที่ทำงานเกินกว่า 10 ปี

IARC จึงระบุว่า ผลจากการทดลองในสัตว์ทดลองและมนุษย์พบว่า การสัมผัสสารที่อยู่ในยาย้อมผมเป็นเวลานาน ทำให้ช่างทำผมและช่างตัดผมมีความเสี่ยงมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

ส่วนความเสี่ยงมะเร็งชนิดอื่น ๆ ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดเพียงพอ

แต่สำหรับการใช้ยาย้อมผมทั่วไป IARC ไม่จัดว่ามีความเสี่ยงมะเร็ง เนื่องจากข้อมูลการทดลองในมนุษย์ยังไม่เพียงพอที่จะยืนยันว่าเป็นอันตราย

ส่วนโครงการพิษวิทยาแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (National Toxicology Program – NTP) ไม่จัดให้การย้อมผมเพิ่มความเสี่ยงมะเร็ง แต่จัดให้สารบางชนิดที่อยู่หรือเคยอยู่ในยาย้อมผม มีความเสี่ยงการก่อมะเร็งในมนุษย์

ความกังวลจากยาย้อมผมถาวร

ยาย้อมผมชนิดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือยาย้อมผมชนิดถาวร ซึ่งผมจะกลับเป็นสีเดิมต่อเมื่อมีผมใหม่งอกขึ้นแทน

แต่กระนั้นยาย้อมผมชนิดถาวรก็สร้างความกังวลเรื่องความเสี่ยงมะเร็งมากที่สุด เนื่องจากมีส่วนประกอบของสารเคมีหลายชนิด ทั้ง Aromatic Amine และ Hydrogen Peroxide โดยเฉพาะยาย้อมผมสีเข้มมากเท่าไหร่ จะยิ่งมีสารเคมีเหล่านี้มากขึ้นเท่านั้น การได้รับอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ทั้งการสัมผัสหรือการสูดดม อาจเพิ่มความเสี่ยงการเกิดมะเร็ง

ในทศวรรษที่ 1970s มีงานวิจัยที่พบว่า สาร Aromatic Amine บางชนิดในยาย้อมผมก่อให้เกิดมะเร็งในสัตว์ทดลอง นำไปสู่การยุติการใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายในยาย้อมผมที่สหรัฐฯ ตั้งแต่ทศวรรษที่ 1980s ทำให้
ยาย้อมผมในปัจจุบันมีความปลอดภัยมากกว่าในอดีตอย่างมาก

การพบสาร 4-ABP ในยาย้อมผมรุ่นใหม่

ในปี 2003 ศูนย์วิจัยพิษวิทยาระดับชาติ (National Center for Toxicological Research : NCTR) หน่วยงานขององค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) นำยาย้อมผมในท้องตลาดมาตรวจสอบ พบว่า 8 จาก 11 ยี่ห้อมีสาร 4-aminobipheny หรือ 4-ABP เป็นส่วนประกอบ โดยพบในยาย้อมผมสีดำ แดง และบลอนด์ ยกเว้นสีน้ำตาล

4-ABP จัดเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ โดยเฉพาะมะเร็งกระเพาะปัสสาวะและมะเร็งตับ และถูกห้ามใช้เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายในสหรัฐฯ ตั้งแต่ทศวรรษที่ 1950s

ผู้วิจัยย้ำว่า จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อยืนยันความเสี่ยงของ 4-ABP ในยาย้อมผม กับการเกิดมะเร็งในมนุษย์

ในปี 2025 สำนักข่าว NBC อ้างความเห็นของแพทย์และนักวิจัยหลายราย ที่ยืนยันว่า ยังพบสาร 4-ABP ในยาย้อมผมที่จำหน่ายในปัจจุบัน

อดานา ยานอส รองศาสตราจารย์ภาควิชาระบาดวิทยา มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ย้ำว่า 4-ABP ไม่ควรมีอยู่ในผลิตภัณฑ์ที่เข้าถึงมือประชาชน พร้อมระบุว่าสาเหตุที่ไม่มีการระบุรายชื่อสาร 4-ABP ในฉลากยาย้อมผม เพราะสาร 4-ABP จะเกิดขึ้นภายหลัง ไม่ว่ากระบวนการผลิตหรือตอนที่น้ำยาย้อมผมถูกนำไปผสมกับสาร Hydrogen Peroxide อีกที

ข้อจำกัดของ FDA ในการควบคุมเครื่องสำอาง

ในสหรัฐอเมริกา องค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) เป็นผู้ออกระเบียบความปลอดภัยผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง รวมถึงยาย้อมผม แต่ไม่มีอำนาจในการอนุมัติส่วนประกอบทุกชนิดที่อยู่ในยาย้อมผม ความรับผิดชอบด้านความปลอดภัยทั้งหมด เป็นหน้าที่ของผู้ผลิต

FDA มีหน้าที่ดำเนินคดีในกรณีที่ผู้ผลิตทำผิดกฎหมาย เช่น จำหน่ายสินค้าไม่ตรงกับฉลาก หากพบว่าในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางมีสารอันตรายเป็นส่วนประกอบ FDA มีสิทธิแจ้งจดหมายเตือนผู้ผลิตให้เรียกคืนสินค้า แต่ไม่มีอำนาจออกคำสั่งเรียกคืนสินค้าด้วยตนเอง นอกจากจะได้รับการอนุมัติจากคำสั่งศาล

งานวิจัยมะเร็งเต้านมกับการย้อมผม

งานวิจัยปี 2020 ของสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NIH) ได้ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างมะเร็งกับยาย้อมผมในผู้หญิง 47,000 ราย พบว่าการใช้ยาย้อมผมแบบถาวรเพิ่มความเสี่ยงการเป็นมะเร็งเต้านม

โดยพบว่า กลุ่มที่เสี่ยงที่สุดคือสตรีแอฟริกันอเมริกัน โดยคาดว่าน่าจะมาจากความนิยมใช้ยาย้อมผมสีเข้มให้เข้ากับสีผมธรรมชาติของตนเอง ซึ่งยาย้อมผมสีเข้มมีสารเคมีสูงกว่ายาย้อมผมสีอ่อน

อย่างไรก็ตาม งานวิจัยดังกล่าวเป็นงานวิจัยแบบการสังเกตการณ์เท่านั้น ยังไม่อาจพิสูจน์ได้ว่ายาย้อมผมคือปัจจัยทำให้เกิดมะเร็งเต้านมจริงหรือไม่

งานวิจัยมะเร็งผิวหนังกับการย้อมผม

งานวิจัยปี 2020 โดยคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด ศึกษาความเสี่ยงมะเร็งกับการใช้ยาย้อมผม กับกลุ่มตัวอย่างผู้หญิงจำนวน 117,200 ราย รวบรวมข้อมูลตั้งแต่ปี 1976 จนถึงปี 2012

ผลวิจัยพบว่าการใช้ยาย้อมผมเป็นประจำ ไม่ทำให้ผู้ใช้มีความเสี่ยงเสียชีวิตจากมะเร็งมากกว่าผู้ไม่ใช้ยาย้อมผม

แต่พบว่ามีความเสี่ยงเป็นมะเร็งผิวหนังเบซัลเซลล์มากกว่าผู้ไม่ใช้เล็กน้อย

มะเร็งผิวหนังเบซัลเซลล์ (Basal cell carcinoma) คือ มะเร็งผิวหนังที่พบมากที่สุดในคนไทย มักพบในผู้ป่วยที่มีอายุมากกว่า 60 ปี แต่ในปัจจุบันมีรายงานพบมะเร็งผิวหนังชนิดนี้ในประชากรที่อายุน้อยมากขึ้น

เช่นเดียวกับความเสี่ยงมะเร็งเต้านมและมะเร็งรังไข่ที่พบมากกว่าในกลุ่มที่ใช้ยาย้อมผมชนิดถาวรเป็นเวลานาน

นอกจากนี้ ผู้หญิงที่มีสีผมต่างกันมีความเสี่ยงมะเร็งจากการใช้ยาย้อมผมต่างกัน เช่น ผู้หญิงผมสีเข้มเสี่ยงมะเร็งต่อมน้ำเหลืองมากกว่า ผู้หญิงผมสีอ่อนเสี่ยงมะเร็งผิวหนังเบซัลเซลล์มากกว่า

แต่กระนั้น งานวิจัยดังกล่าวยังมีข้อจำกัดเรื่องกลุ่มตัวอย่างที่ไม่หลากหลาย และยาย้อมผมที่มีการเปลี่ยนแปลงสูตรในช่วง 36 ปีที่ผ่านมา ทำให้ไม่แน่ชัดว่าความเสี่ยงมะเร็งมาจากการใช้ยาย้อมผมสูตรเก่าหรือไม่

ผู้วิจัยย้ำว่าผลวิจัยแสดงถึงความสัมพันธ์ของสองเหตุการณ์ แต่ยังไม่อาจพิสูจน์ได้ว่า ยาย้อมผมคือสาเหตุของมะเร็งหรือไม่ และต้องมีการวิจัยที่ชัดเจนมากกว่านี้

การเปรียบเทียบความเสี่ยงมะเร็งแต่ละชนิด

สมาคมโรคมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกา (American Cancer Society : ACS) แยกความเสี่ยงของการใช้ยาย้อมผมกับการเกิดมะเร็งแต่ละชนิด ดังนี้

มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ – งานวิจัยส่วนใหญ่พบว่าช่างทำผมและช่างตัดผมที่สัมผัสกับยาย้อมผมเป็นประจำ มีความเสี่ยงเกิดมะเร็งกระเพาะปัสสาวะมากกว่าคนปกติเล็กน้อย แต่ไม่พบความเสี่ยงในคนทั่วไปที่ใช้ยาย้อมผมอย่างต่อเนื่อง

มะเร็งโรคเลือด – ผลการทดลองความเสี่ยงการใช้ยาย้อมผมกับมะเร็งเม็ดเลือดขาวและมะเร็งต่อมน้ำเหลืองยังไม่มีความชัดเจน บางรายงานพบว่าความเสี่ยงมะเร็งต่อมน้ำเหลืองเพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้หญิงที่ใช้ยาย้อมผมสีเข้มหรือใช้ยาย้อมผมก่อนทศวรรษที่ 1980s แต่ไม่เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งเม็ดเลือดขาว บางงานวิจัยพบความเสี่ยงมะเร็งเม็ดเลือดขาว แต่ก็มีงานวิจัยที่ไม่พบความเสี่ยงใด ๆ

มะเร็งเต้านม – งานวิจัยมะเร็งเต้านมกับยาย้อมผมยังไม่แน่ชัด แม้งานวิจัยยุคหลังเริ่มพบความสัมพันธ์ระหว่างมะเร็งเต้านมบางชนิดกับการใช้ยาย้อมผมมากขึ้น

ส่วนความเสี่ยงมะเร็งชนิดอื่น ๆ ยังไม่มีความชัดเจน

สมาคมโรคมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกาแนะนำการใช้ยาย้อมผมอย่างปลอดภัย ดังนี้

1.ส่วนผสมบางอย่างในสีย้อมผมอาจทำให้เกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงในบางคน
2.สีย้อมผมอาจทำให้ผมร่วงได้ในบางคน
3.แพทย์บางคนแนะนำให้ผู้หญิงหลีกเลี่ยงการย้อมผมในระหว่างตั้งครรภ์ หรืออย่างน้อยจนกว่าจะผ่านช่วงไตรมาสแรก เพราะยังไม่มีข้อมูลการใช้ยาย้อมผมในระหว่างตั้งครรภ์มากพอที่จะทราบได้อย่างแน่ชัดว่ามีความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์หรือไม่ แพทย์จึงแนะนำเพื่อความปลอดภัย

องค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) แนะนำการใช้ยาย้อมผมอย่างปลอดภัย ดังนี้

1.ปฏิบัติตามคำแนะนำบนบรรจุภัณฑ์ ทั้ง ข้อควรระวัง และ คำเตือน ทั้งหมด
2.อย่าลืมทดสอบอาการแพ้บนผิวหนังก่อนใช้ยาย้อมผมทุกครั้ง เพราะบางคนจะแพ้ส่วนผสมบางอย่างมากขึ้นเมื่อสัมผัสมากขึ้น
3.สวมถุงมือเมื่อย้อมผม อย่าทิ้งสีย้อมผมไว้บนศีรษะนานเกินกว่าที่คำแนะนำ
4.ล้างหนังศีรษะด้วยน้ำให้สะอาดหลังใช้งาน
5.อย่าใช้สีย้อมผมเพื่อย้อมคิ้วหรือขนตา เพราะอาจทำให้ดวงตาของคุณได้รับบาดเจ็บ และอาจถึงขั้นตาบอดได้
6.เก็บสีย้อมผมให้พ้นจากมือเด็ก
7.ห้ามเกาหรือแปรงหนังศีรษะเป็นเวลา 3 วันก่อนใช้สีย้อมผม
8.ห้ามย้อมผมหากหนังศีรษะของคุณระคายเคือง ถูกแดดเผา หรือเสียหาย
9.หลังจากกัดสีผม ยืดผม หรือดัดผม ควรรออย่างน้อย 14 วันหลังก่อนใช้ยาย้อมผม

สมาคมโรคมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกาแนะนำว่า สำหรับผู้ที่มีความกังวลเรื่องความเสี่ยงมะเร็งจากการใช้ยาย้อมผม อาจลดความกังวลด้วยการหันมาใช้ยาย้อมผมสูตรสมุนไพรแทนก็ได้

ข้อมูลอ้างอิง :

https://www.cancer.org/cancer/risk-prevention/chemicals/hair-dyes.html
https://www.health.harvard.edu/blog/do-hair-dyes-increase-cancer-risk-2021012021767
https://www.nbcnews.com/health/health-news/-hair-stylist-sues-beauty-brands-bladder-cancer-rcna191706

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ทบ.ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน

กรุงเทพฯ 9 ส.ค. – โฆษก ทบ. ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิดขณะลาดตระเวนเส้นทาง พื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จ.ศรีสะเกษ บาดเจ็บ 3 นาย สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า วันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 กรณีกำลังพลของหน่วยกองร้อยทหารราบที่ 111 เหยียบกับระเบิด ขณะทำการลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่ 1. จ่าสิบเอก ธานี พาหา ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ป้องกัน บาดเจ็บรุนแรง ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด2. พลทหาร ภาคภูมิ ไชยสุระ ตำแหน่งพลปืนเล็ก บาดเจ็บบริเวณแขนและด้านหลัง3. พลทหาร ธนันชัย ไกรวงค์ […]

จับผับรังสิต

สั่งเด้งผู้การปทุมธานี ขาดจากตำแหน่งเดิม เซ่นจับผับดังรังสิต

8 ส.ค. – โดนด้วย! สั่งเด้งผู้การปทุมธานี โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม พร้อมพวกอีก 5 นาย เซ่นจับผับดังรังสิต พบฉี่ม่วงเพียบเฉียด 200 คน พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ลงนามในคำสั่งตำรวจภูธรภาค 1 ที่ 209/2568 เรื่อง ข้าราชการตำรวจช่วยราชการ ใจความว่า ด้วย ตำรวจภูธรภาค 1 มีคำสั่งที่ 208/2568 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2568 แต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในกรณีเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 01.00 น. ชุดปฏิบัติการ พิเศษกรมการปกครอง ได้มีการจัดระเบียบสังคม โดยเปิดปฏิบัติการ (Zero Drug) โดยนำกำลังเข้าทำการ ตรวจสอบและจับกุมสถานบริการ ชื่อ ร้าน “Skin […]

ข่าวแนะนำ

“บิ๊กเล็ก​” ยันรับฟังข้อเรียกร้องต่ออายุราชการ “มทภ.2” ยึดรอบคอบ

11 ส.ค.- “พล.อ.ณัฐพล​” ยันรับฟังข้อเรียกร้องต่ออายุราชการ “แม่ทัพภาค 2” แต่ต้องพิจารณารอบคอบ เพื่อไม่ให้กระทบขวัญกำลังใจผู้ปฏิบัติงานระดับรอง ที่จะมีโอกาสเติบโตก้าวหน้า พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวเรียกร้องให้มีการต่ออายุราชการทหาร ของ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2  โดยยืนยันว่า รับฟังกระแสเรียกร้องดังกล่าว ที่มีมาจากคนไทยที่รักประเทศ และห่วงใยในสถานการณ์ หลังการสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชาเพิ่งผ่านไป ซึ่งในฐานะผู้บังคับบัญชา ยืนยันว่ารับฟังข้อเรียกร้องดังกล่าว อย่างไรก็ตามเรี่องนี้ ยืนยันว่าจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ สิ่งสำคัญ ต้องพิจารณาภาพรวมขวัญและกำลังใจของผู้ปฏิบัติงานระดับรอง ที่จะมีโอกาสก้าวหน้าเติบโตต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาสถานการร์การสู้รบ ทั้งแม่ทัพภาค 2 เอง และผู้บังคับบัญชาระดับรอง ต่างก็ทำภารกิจอย่างเต็มกำลัง และมีความสามารถทั้งหมด นักวิชาการไม่เห็นด้วยปมต่ออายุราชการ “แม่ทัพภาค 2” ผศ. ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต  ได้โพสท์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุถึงประเด็นดังกล่าวว่า เรื่องการขอเสนอการต่ออายุราชการ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ออกไปนั้น ตนไม่เห็นด้วย ขอให้วางใจวางสติให้ดี ว่าเราต้องไม่ตกหลุมกับดักของคนภายในและภายนอก […]

ทบ.ยันคุมตัว 18 ทหารเขมร ยึดหลักกฎหมายสากล

11 ส.ค.- โฆษกกองทัพบก แถลงโต้กัมพูชาอาจไม่เข้าใจหลักปฏิบัติสากล ยืนยันควบคุมตัวทหารกัมพูชา 18 นาย เป็นไปตามหลักกฎหมายสากล พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงกรณีกัมพูชายื่นข้อเรียกร้องต่อทางการไทย เพื่อให้ส่งตัวทหารที่ถูกควบคุมตัวไว้กลับประเทศ ขอเรียนว่าฝ่ายกัมพูชาอาจไม่เข้าใจหลักปฏิบัติในระบบของสากล ยืนยันการปฏิบัติของฝ่ายไทยเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ตามหลักกฎหมายและหลักมนุษยธรรมสากล ซึ่งเชื่อว่าประเทศพันธมิตรและองค์กรระหว่างประเทศต่าง ๆ มีความเข้าใจ และไม่ได้มีความกังวลใดๆ อย่างที่กัมพูชากล่าวอ้าง โดยเฉพาะการที่ฝ่ายไทยได้เปิดโอกาสให้องค์กรสากลที่เกี่ยวข้องสามารถประสานขอเข้าเยื่ยมชมได้ตลอดตั้งแต่วันแรกๆ ที่ฝ่ายไทยได้มีการควบคุมตัว   อย่างเช่นเมื่อ 5 ส.ค. ที่ผ่านมา ได้มีคณะผู้แทนจาก ICRC ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ด้านการคุ้มครอง ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เจ้าหน้าที่โครงการของ ICRC และล่าม รวม 4 คน เพิ่งมาเยื่ยมชมไป จึงขอยืนยันว่าการควบคุมทหารกัมพูชาทั้ง 18 คนนั้น เป็นไปตามหลักกฎหมายสากล ที่อยู่ภายใต้ความคุ้มครองตามกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาเจนีวา ไม่ใช่การควบคุมตัวอย่างผิดกฎหมายตามที่ กระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้กล่าวอ้าง ทั้งนี้การถูกควบคุมตัวดังกล่าว จำเป็นต้องคงไว้ จนกว่าสถานะการณ์การหยุดยิงหรือสถานการณ์การสู้รบ จะมีความสมบูรณ์เป็นรูปธรรมที่ชัดเจนแล้วเป็นหลัก ทั้งนี้เพื่อผู้ที่ถูกควบคุมตัวทั้งหมด จะไม่หวนกลับมาทำการสู้รบกับฝ่ายไทยอีก ซึ่งเป็นไปตามแนวทางหลักสากล และเชื่อว่าด้วยสถานการณ์ในปัจจุบัน ฝ่ายกัมพูชายังมีเรื่องสำคัญอื่น ที่ควรให้ความสำคัญอย่างมากด้วยเช่นกัน […]

ทหารกล้าเล่านาทีระทึก รอดตายจากระเบิดชายแดน

11 ส.ค.- ทหารกล้า เล่าเหตุการณ์ ลูกระเบิดจากฝั่งกัมพูชา ร่วงใส่จุดที่กำลังพลอยู่พอดี จนได้รับบาดเจ็บ ทีมข่าวลงพื้นที่อำเภอลานสัก จ.อุทัยธานี บ้านของ สิบโทปรีชา เสือบัว อายุ 24 ปี หัวหน้าชุดหมู่ปืนเล็กหมวดปืนเล็ก กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 4 ค่ายจิรประวัติ จังหวัดนครสวรรค์ เล่านาทีรอดชีวิตจากเหตุระเบิดที่ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ขณะประจำการอยู่ในบังเกอร์ ได้ยินเสียงปืนครกจากฝั่งกัมพูชา จึงรีบถอยตัวออกครึ่งหนึ่งเพื่อให้ลูกน้องหลบเข้าไปด้านในบังเกอร์  แต่จังหวะนั้นกระสุนระเบิดตกใส่ทันทีจนร่างกระเด็นและหมดสติ เหตุระเบิดทำให้สิบโทปรีชา ได้รับบาดเจ็บที่ดวงตาซ้าย ขณะปฏิบัติหน้าที่พร้อมเพื่อนทหารอีก 3 นาย สิบโทปรีชา ยังบอกอีกว่า “หากต้องบาดเจ็บอวัยวะส่วนไหน ก็ยอม แต่จะไม่ยอมเสียชาติ” พร้อมเผยว่าได้ติดต่อผู้บังคับบัญชาเพื่อขอกลับไปปฏิบัติหน้าที่ต่อ แม้ได้รับคำสั่งให้พักรักษาตัวก่อน แต่หากมีความจำเป็น เขาพร้อมกลับไปสู้เพื่อประเทศชาติทันที ทั้งนี้ ตัว สิบโทปรีชา และครอบครัวเชื่อว่า เป็นบารมี หลวงพ่อเดิม หลวงพ่อยูร และหนังเสือ วัดพนมเศษเหนือ จังหวัดนครสวรรค์ รวมถึงหลวงพ่อเคลือบ วัดหนองกระดี่ […]

กต.เดินหน้าร้องเรียนกัมพูชา ปมทุ่นระเบิดสังหาร

11 ส.ค.- กระทรวงการต่างประเทศ รายงานผลการร้องเรียนกัมพูชาต่อองค์กรระหว่างประเทศ กรณีวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ทำให้ทหารไทยบาดเจ็บ กระทรวงการต่างประเทศ ออกรายงาน “การดำเนินการของไทยต่อกรณีทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (Anti-Personnel Mine Ban Convention) หรือ อนุสัญญาออตตาวา (Ottawa Convention) สาระสำคัญ คือ ตามที่เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 23 กรกฎาคม และ 9 สิงหาคม 2568 ทหารไทยรวม 11 นาย บาดเจ็บสาหัสจากการเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่วางใหม่โดยกองกำลังทหารกัมพูชา ในบริเวณช่องบก จ.อุบลราชธานี ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี และช่องโดนเอาว์-กฤษณา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ตามลำดับ นั้น กระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการภายใต้กรอบอนุสัญญา ออตตาวา เพื่อตอบโต้กัมพูชาโดย เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา มีหนังสือถึงประธานการประชุมรัฐภาคีของอนุสัญญาออตตาวา ครั้งที่ 22 จำนวน 3 ฉบับ เปิดเผยพฤติกรรมการวางทุ่นระเบิด PMN-2 […]