ชัวร์ก่อนแชร์: ใช้ยาย้อมผม เสี่ยงมะเร็ง จริงหรือ?

22 กรกฎาคม 2568
แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


ข้อมูลน่าสงสัย :

มีความกังวลใจเกี่ยวกับการเสริมความงามและความเสี่ยงมะเร็ง เมื่อมีคดีฟ้องร้องบริษัทผู้ผลิตยาย้อมผมในสหรัฐอเมริกา ในข้อหาปกปิดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งจากการใช้ยาย้อมผม โดยเฉพาะความเสี่ยงต่อช่างทำผมที่ย้อมผมให้ลูกค้าเป็นประจำจนป่วยเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ


บทสรุป :

1.มีคดีฟ้องร้องบริษัทยาย้อมผมข้อหาทำให้ช่างทำผมป่วยเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
2.หน่วยงานมะเร็งของ WHO ไม่พบว่าการย้อมผมเป็นประจำทำให้เสี่ยงมะเร็ง
3.แต่พบว่าช่างทำผมที่สัมผัสยาย้อมผมเป็นประจำมีความเสี่ยงมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
4.งานวิจัยความเสี่ยงมะเร็งชนิดอื่น ๆ จากยาย้อมผมยังไม่ชัดเจน

FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :


คนย้อมผมไม่เสี่ยงมะเร็ง แต่ช่างทำผมมีความเสี่ยงมะเร็ง

ข้อมูลจากองค์กรวิจัยมะเร็งนานาชาติ (International Agency for Research on Cancer : IARC) ขององค์การอนามัยโลก (WHO) อ้างอิงงานวิจัยของประเทศเยอรมนีในปี 2010 ที่ศึกษางานวิจัยจำนวน 42 ชิ้น พบความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของการป่วยเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะในกลุ่มช่างทำผม โดยเฉพาะช่างทำผมที่ทำงานเกินกว่า 10 ปี

IARC จึงระบุว่า ผลจากการทดลองในสัตว์ทดลองและมนุษย์พบว่า การสัมผัสสารที่อยู่ในยาย้อมผมเป็นเวลานาน ทำให้ช่างทำผมและช่างตัดผมมีความเสี่ยงมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

ส่วนความเสี่ยงมะเร็งชนิดอื่น ๆ ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดเพียงพอ

แต่สำหรับการใช้ยาย้อมผมทั่วไป IARC ไม่จัดว่ามีความเสี่ยงมะเร็ง เนื่องจากข้อมูลการทดลองในมนุษย์ยังไม่เพียงพอที่จะยืนยันว่าเป็นอันตราย

ส่วนโครงการพิษวิทยาแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (National Toxicology Program – NTP) ไม่จัดให้การย้อมผมเพิ่มความเสี่ยงมะเร็ง แต่จัดให้สารบางชนิดที่อยู่หรือเคยอยู่ในยาย้อมผม มีความเสี่ยงการก่อมะเร็งในมนุษย์

ความกังวลจากยาย้อมผมถาวร

ยาย้อมผมชนิดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือยาย้อมผมชนิดถาวร ซึ่งผมจะกลับเป็นสีเดิมต่อเมื่อมีผมใหม่งอกขึ้นแทน

แต่กระนั้นยาย้อมผมชนิดถาวรก็สร้างความกังวลเรื่องความเสี่ยงมะเร็งมากที่สุด เนื่องจากมีส่วนประกอบของสารเคมีหลายชนิด ทั้ง Aromatic Amine และ Hydrogen Peroxide โดยเฉพาะยาย้อมผมสีเข้มมากเท่าไหร่ จะยิ่งมีสารเคมีเหล่านี้มากขึ้นเท่านั้น การได้รับอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ทั้งการสัมผัสหรือการสูดดม อาจเพิ่มความเสี่ยงการเกิดมะเร็ง

ในทศวรรษที่ 1970s มีงานวิจัยที่พบว่า สาร Aromatic Amine บางชนิดในยาย้อมผมก่อให้เกิดมะเร็งในสัตว์ทดลอง นำไปสู่การยุติการใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายในยาย้อมผมที่สหรัฐฯ ตั้งแต่ทศวรรษที่ 1980s ทำให้
ยาย้อมผมในปัจจุบันมีความปลอดภัยมากกว่าในอดีตอย่างมาก

การพบสาร 4-ABP ในยาย้อมผมรุ่นใหม่

ในปี 2003 ศูนย์วิจัยพิษวิทยาระดับชาติ (National Center for Toxicological Research : NCTR) หน่วยงานขององค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) นำยาย้อมผมในท้องตลาดมาตรวจสอบ พบว่า 8 จาก 11 ยี่ห้อมีสาร 4-aminobipheny หรือ 4-ABP เป็นส่วนประกอบ โดยพบในยาย้อมผมสีดำ แดง และบลอนด์ ยกเว้นสีน้ำตาล

4-ABP จัดเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ โดยเฉพาะมะเร็งกระเพาะปัสสาวะและมะเร็งตับ และถูกห้ามใช้เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายในสหรัฐฯ ตั้งแต่ทศวรรษที่ 1950s

ผู้วิจัยย้ำว่า จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อยืนยันความเสี่ยงของ 4-ABP ในยาย้อมผม กับการเกิดมะเร็งในมนุษย์

ในปี 2025 สำนักข่าว NBC อ้างความเห็นของแพทย์และนักวิจัยหลายราย ที่ยืนยันว่า ยังพบสาร 4-ABP ในยาย้อมผมที่จำหน่ายในปัจจุบัน

อดานา ยานอส รองศาสตราจารย์ภาควิชาระบาดวิทยา มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ย้ำว่า 4-ABP ไม่ควรมีอยู่ในผลิตภัณฑ์ที่เข้าถึงมือประชาชน พร้อมระบุว่าสาเหตุที่ไม่มีการระบุรายชื่อสาร 4-ABP ในฉลากยาย้อมผม เพราะสาร 4-ABP จะเกิดขึ้นภายหลัง ไม่ว่ากระบวนการผลิตหรือตอนที่น้ำยาย้อมผมถูกนำไปผสมกับสาร Hydrogen Peroxide อีกที

ข้อจำกัดของ FDA ในการควบคุมเครื่องสำอาง

ในสหรัฐอเมริกา องค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) เป็นผู้ออกระเบียบความปลอดภัยผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง รวมถึงยาย้อมผม แต่ไม่มีอำนาจในการอนุมัติส่วนประกอบทุกชนิดที่อยู่ในยาย้อมผม ความรับผิดชอบด้านความปลอดภัยทั้งหมด เป็นหน้าที่ของผู้ผลิต

FDA มีหน้าที่ดำเนินคดีในกรณีที่ผู้ผลิตทำผิดกฎหมาย เช่น จำหน่ายสินค้าไม่ตรงกับฉลาก หากพบว่าในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางมีสารอันตรายเป็นส่วนประกอบ FDA มีสิทธิแจ้งจดหมายเตือนผู้ผลิตให้เรียกคืนสินค้า แต่ไม่มีอำนาจออกคำสั่งเรียกคืนสินค้าด้วยตนเอง นอกจากจะได้รับการอนุมัติจากคำสั่งศาล

งานวิจัยมะเร็งเต้านมกับการย้อมผม

งานวิจัยปี 2020 ของสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NIH) ได้ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างมะเร็งกับยาย้อมผมในผู้หญิง 47,000 ราย พบว่าการใช้ยาย้อมผมแบบถาวรเพิ่มความเสี่ยงการเป็นมะเร็งเต้านม

โดยพบว่า กลุ่มที่เสี่ยงที่สุดคือสตรีแอฟริกันอเมริกัน โดยคาดว่าน่าจะมาจากความนิยมใช้ยาย้อมผมสีเข้มให้เข้ากับสีผมธรรมชาติของตนเอง ซึ่งยาย้อมผมสีเข้มมีสารเคมีสูงกว่ายาย้อมผมสีอ่อน

อย่างไรก็ตาม งานวิจัยดังกล่าวเป็นงานวิจัยแบบการสังเกตการณ์เท่านั้น ยังไม่อาจพิสูจน์ได้ว่ายาย้อมผมคือปัจจัยทำให้เกิดมะเร็งเต้านมจริงหรือไม่

งานวิจัยมะเร็งผิวหนังกับการย้อมผม

งานวิจัยปี 2020 โดยคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด ศึกษาความเสี่ยงมะเร็งกับการใช้ยาย้อมผม กับกลุ่มตัวอย่างผู้หญิงจำนวน 117,200 ราย รวบรวมข้อมูลตั้งแต่ปี 1976 จนถึงปี 2012

ผลวิจัยพบว่าการใช้ยาย้อมผมเป็นประจำ ไม่ทำให้ผู้ใช้มีความเสี่ยงเสียชีวิตจากมะเร็งมากกว่าผู้ไม่ใช้ยาย้อมผม

แต่พบว่ามีความเสี่ยงเป็นมะเร็งผิวหนังเบซัลเซลล์มากกว่าผู้ไม่ใช้เล็กน้อย

มะเร็งผิวหนังเบซัลเซลล์ (Basal cell carcinoma) คือ มะเร็งผิวหนังที่พบมากที่สุดในคนไทย มักพบในผู้ป่วยที่มีอายุมากกว่า 60 ปี แต่ในปัจจุบันมีรายงานพบมะเร็งผิวหนังชนิดนี้ในประชากรที่อายุน้อยมากขึ้น

เช่นเดียวกับความเสี่ยงมะเร็งเต้านมและมะเร็งรังไข่ที่พบมากกว่าในกลุ่มที่ใช้ยาย้อมผมชนิดถาวรเป็นเวลานาน

นอกจากนี้ ผู้หญิงที่มีสีผมต่างกันมีความเสี่ยงมะเร็งจากการใช้ยาย้อมผมต่างกัน เช่น ผู้หญิงผมสีเข้มเสี่ยงมะเร็งต่อมน้ำเหลืองมากกว่า ผู้หญิงผมสีอ่อนเสี่ยงมะเร็งผิวหนังเบซัลเซลล์มากกว่า

แต่กระนั้น งานวิจัยดังกล่าวยังมีข้อจำกัดเรื่องกลุ่มตัวอย่างที่ไม่หลากหลาย และยาย้อมผมที่มีการเปลี่ยนแปลงสูตรในช่วง 36 ปีที่ผ่านมา ทำให้ไม่แน่ชัดว่าความเสี่ยงมะเร็งมาจากการใช้ยาย้อมผมสูตรเก่าหรือไม่

ผู้วิจัยย้ำว่าผลวิจัยแสดงถึงความสัมพันธ์ของสองเหตุการณ์ แต่ยังไม่อาจพิสูจน์ได้ว่า ยาย้อมผมคือสาเหตุของมะเร็งหรือไม่ และต้องมีการวิจัยที่ชัดเจนมากกว่านี้

การเปรียบเทียบความเสี่ยงมะเร็งแต่ละชนิด

สมาคมโรคมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกา (American Cancer Society : ACS) แยกความเสี่ยงของการใช้ยาย้อมผมกับการเกิดมะเร็งแต่ละชนิด ดังนี้

มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ – งานวิจัยส่วนใหญ่พบว่าช่างทำผมและช่างตัดผมที่สัมผัสกับยาย้อมผมเป็นประจำ มีความเสี่ยงเกิดมะเร็งกระเพาะปัสสาวะมากกว่าคนปกติเล็กน้อย แต่ไม่พบความเสี่ยงในคนทั่วไปที่ใช้ยาย้อมผมอย่างต่อเนื่อง

มะเร็งโรคเลือด – ผลการทดลองความเสี่ยงการใช้ยาย้อมผมกับมะเร็งเม็ดเลือดขาวและมะเร็งต่อมน้ำเหลืองยังไม่มีความชัดเจน บางรายงานพบว่าความเสี่ยงมะเร็งต่อมน้ำเหลืองเพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้หญิงที่ใช้ยาย้อมผมสีเข้มหรือใช้ยาย้อมผมก่อนทศวรรษที่ 1980s แต่ไม่เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งเม็ดเลือดขาว บางงานวิจัยพบความเสี่ยงมะเร็งเม็ดเลือดขาว แต่ก็มีงานวิจัยที่ไม่พบความเสี่ยงใด ๆ

มะเร็งเต้านม – งานวิจัยมะเร็งเต้านมกับยาย้อมผมยังไม่แน่ชัด แม้งานวิจัยยุคหลังเริ่มพบความสัมพันธ์ระหว่างมะเร็งเต้านมบางชนิดกับการใช้ยาย้อมผมมากขึ้น

ส่วนความเสี่ยงมะเร็งชนิดอื่น ๆ ยังไม่มีความชัดเจน

สมาคมโรคมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกาแนะนำการใช้ยาย้อมผมอย่างปลอดภัย ดังนี้

1.ส่วนผสมบางอย่างในสีย้อมผมอาจทำให้เกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงในบางคน
2.สีย้อมผมอาจทำให้ผมร่วงได้ในบางคน
3.แพทย์บางคนแนะนำให้ผู้หญิงหลีกเลี่ยงการย้อมผมในระหว่างตั้งครรภ์ หรืออย่างน้อยจนกว่าจะผ่านช่วงไตรมาสแรก เพราะยังไม่มีข้อมูลการใช้ยาย้อมผมในระหว่างตั้งครรภ์มากพอที่จะทราบได้อย่างแน่ชัดว่ามีความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์หรือไม่ แพทย์จึงแนะนำเพื่อความปลอดภัย

องค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) แนะนำการใช้ยาย้อมผมอย่างปลอดภัย ดังนี้

1.ปฏิบัติตามคำแนะนำบนบรรจุภัณฑ์ ทั้ง ข้อควรระวัง และ คำเตือน ทั้งหมด
2.อย่าลืมทดสอบอาการแพ้บนผิวหนังก่อนใช้ยาย้อมผมทุกครั้ง เพราะบางคนจะแพ้ส่วนผสมบางอย่างมากขึ้นเมื่อสัมผัสมากขึ้น
3.สวมถุงมือเมื่อย้อมผม อย่าทิ้งสีย้อมผมไว้บนศีรษะนานเกินกว่าที่คำแนะนำ
4.ล้างหนังศีรษะด้วยน้ำให้สะอาดหลังใช้งาน
5.อย่าใช้สีย้อมผมเพื่อย้อมคิ้วหรือขนตา เพราะอาจทำให้ดวงตาของคุณได้รับบาดเจ็บ และอาจถึงขั้นตาบอดได้
6.เก็บสีย้อมผมให้พ้นจากมือเด็ก
7.ห้ามเกาหรือแปรงหนังศีรษะเป็นเวลา 3 วันก่อนใช้สีย้อมผม
8.ห้ามย้อมผมหากหนังศีรษะของคุณระคายเคือง ถูกแดดเผา หรือเสียหาย
9.หลังจากกัดสีผม ยืดผม หรือดัดผม ควรรออย่างน้อย 14 วันหลังก่อนใช้ยาย้อมผม

สมาคมโรคมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกาแนะนำว่า สำหรับผู้ที่มีความกังวลเรื่องความเสี่ยงมะเร็งจากการใช้ยาย้อมผม อาจลดความกังวลด้วยการหันมาใช้ยาย้อมผมสูตรสมุนไพรแทนก็ได้

ข้อมูลอ้างอิง :

https://www.cancer.org/cancer/risk-prevention/chemicals/hair-dyes.html
https://www.health.harvard.edu/blog/do-hair-dyes-increase-cancer-risk-2021012021767
https://www.nbcnews.com/health/health-news/-hair-stylist-sues-beauty-brands-bladder-cancer-rcna191706

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

ชนกัน 10 คันรวดทางลอดอุโมงค์แยกดาราสมุทร จ.ภูเก็ต

ภูเก็ต 23 ก.ย.-รถพ่วง 18 ล้อบรรทุกเสาเข็มเบรกแตก พุ่งชนระเนระนาดในอุโมงค์ดาราสมุทร จ.ภูเก็ต รถเสียหาย 10 คัน บาดเจ็บ 4 คน คนไทย 3 คนและชาวมาเลเซีย 1 คน เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 23 กันยายน 2568 ศูนย์วิทยุพิทักษ์วิชิตได้รับแจ้งเหตุรถชนกันหลายคันภายในอุโมงค์ทางลอดแยกดาราสมุทร ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตำบลวิชิต อำเภอเมืองภูเก็ต มีรถได้รับความเสียหายจำนวนมากและมีผู้บาดเจ็บ พ.ต.อ.สมศักดิ์ ทองเกลี้ยง ผกก.สภ.วิชิต พร้อมด้วย พ.ต.ท.วุฒิวัฒน์ เลี้ยงบุญจินดา รอง ผกก.ป. และเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร รีบรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบการจราจรติดขัดอย่างหนัก รถไม่สามารถผ่านอุโมงค์ได้ทั้ง 2 เลน เบื้องต้นตรวจสอบพบรถชนกันเสียหายรวม 10 คัน มีผู้บาดเจ็บ 4 ราย อาการแน่นหน้าอก เจ้าหน้าที่นำส่งโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตแล้ว ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลากว่า […]

ผลตรวจยืนยัน “น้องข้าวต้ม” ลูกช้างป่าพลัดหลง โครงสร้างผิดปกติตั้งแต่เกิด

สุพรรณบุรี 23 ก.ย. – ทีมสัตวแพทย์สรุปผลตรวจ “น้องข้าวต้ม” ลูกช้างป่าเพศเมียแรกเกิดที่พลัดหลงจากแม่ในพื้นที่ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี พบความผิดปกติทางโครงสร้างร่างกายตั้งแต่เกิด เร่งวางแผนการดูแลรักษาและฟื้นฟูสุขภาพ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากทีมสัตวแพทย์สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) และกลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่าซึ่งร่วมกับคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ตรวจสุขภาพ “น้องข้าวต้ม” อย่างละเอียด โดยผลมีดังนี้ สัตวแพทย์สรุปว่า “น้องข้าวต้ม” มีภาวะโครงสร้างร่างกายผิดปกติตั้งแต่กำเนิดในลูกสัตว์ นอกจากนี้จากภาวะร่างกายที่อ่อนแอ จำเป็นต้องเอาตัวรอด รวมถึงความพยายามช่วยประคับประคองโดยฝูงทำให้เกิดการบาดเจ็บมากขึ้น เบื้องต้นทีมสัตวแพทย์ได้ฉีดยาลดปวดและลดอักเสบให้แล้ว พร้อมวางแผนรักษาตามอาการระยะยาว โดยเน้นการให้อาหารและเสริมโภชนาการควบคู่กับการทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้ลูกช้างป่าสามารถยืนและเคลื่อนไหวได้ในอนาคต หากอาการไม่ฟื้นตัวดีเท่าที่คาด จะตรวจ X-ray และ Ultrasound ซ้ำอีกครั้ง ลำดับเหตุการณ์การช่วยเหลือลูกช้างป่าตัวนี้ • 21 ก.ย. เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติลำคลองงูได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบลูกช้างเพศเมียนอนอยู่เพียงลำพังในสภาพอ่อนแรงและบาดเจ็บที่ขาหลัง จึงรีบประสานทีมสัตวแพทย์จากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เข้าช่วยเหลือและเคลื่อนย้ายมาดูแลที่ทำการอุทยานฯ โดยเบื้องต้นได้ป้อนน้ำข้าวต้มเพื่อให้พลังงาน […]

กต.ยันบังคับใช้กฎหมายไทยในดินแดนไทย จี้ “เขมร” หยุดปลุกระดม

ก.ต่างประเทศ 23 ก.ย.- กต.ยันบังคับใช้กฎหมายไทยในดินแดนไทย ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน และปฏิบัติตามหลักสากล ใช้ตํารวจควบคุมฝูงชน ไม่ใช่กําลังทหาร จี้ “เขมร” หยุดปลุกระดม-บิดเบือนประชาคมโลก ส่งผลสัมพันธ์ร้าวลึก นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงถึงการบังคับใช้กฎหมายไทยต่อพลเมืองกัมพูชา ที่รุกล้ำเข้ามาประท้วงในบ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว โดยยืนยันว่า ไทยบังคับใช้กฎหมายภายในของไทยกับบุคคลที่อยู่ในประเทศไทย ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์อย่างที่ฝ่ายกัมพูชาพยายามบิดเบือน ซึ่งการปฏิบัติดังกล่าวของฝ่ายไทยเป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักอธิปไตยของรัฐและเป็นไปตามหลักสากลที่ทุกประเทศยอมรับ สําหรับกรณีที่กัมพูชากล่าวหาว่าไทย จงใจบิดเบือนแผนผัง ที่แสดงลักษณะภูมิศาสตร์และตําแหน่ง หลักเขตแดนที่ 42 และ43 ว่าเป็นเขตแดนจริงนั้นขอเรียนยืนยันว่าฝ่ายไทยไม่เคยระบุ แผนผังดังกล่าวกําหนด เส้นเขตแดนเพราะการเจรจาเส้นเขตแดนอยู่ภายใต้อาณัติ ของกลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือเจบีซี ทั้งนี้แผนผังที่ไทยนําแสดงดังกล่าว เป็นเพียงการนําพิกัดหลักเขตแดน ไปทําภาพจําลองเส้นเขตแดน บนแผนที่แบบไม่เป็นทางการเท่านั้นเพื่อความเข้าใจของประชาชนทั่วไป โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังกล่าวถึง สําหรับข้อกล่าวหาที่กัมพูชาระบุว่าไทยละเมิดเอ็มโอยู 2543 ว่าด้วยการสํารวจและการจัดทําหลักเขตแดนทางบกนั้น กลับเป็นฝ่ายกัมพูชาเองที่เป็นฝ่ายละเมิดโดยปล่อยให้มีการสร้างอาคาร บ้านเรือนชุมชนทั้งในเขต พื้นที่ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์และในเขต ขณะที่เป็นอธิปไตยของไทยซึ่งฝ่ายไทยได้ทําการประท้วงในกรอบเอ็มโอยูแล้วกว่า 500 ครั้ง ในห้วง 20ปีที่ผ่านมาแต่ฝ่ายกัมพูชากลับเพิกเฉยและไม่ยอมแก้ไข ส่วนกรณีที่กัมพูชาเรียกร้องให้ไทยยุติกิจกรรม ที่บ่อนทําลายความพยายามลดความตึงเครียด ข้อตกลงหยุดยิงนั้น นายนิกรเดช กล่าวย้ำว่าประเทศไทยมุ่งมั่นปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง […]

นายกฯ ไม่ไปยูเอ็นแล้ว กลัวกลับมาไม่ทันแถลงนโยบาย

ภูมิใจไทย 23 ก.ย. – นายกฯ ไม่ไปยูเอ็นแล้ว เหตุเงื่อนเวลาไม่เอื้อ หวั่นกลับมาไม่ทันแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ไม่เสียโอกาสแจงเรื่องอธิปไตย เชื่อชาวโลกรู้ไทยมีนโยบายชัดเจน ยันร่างนโยบายปกน้ำเงินเสร็จแล้ว นำเข้า ครม.นัดพิเศษ พรุ่งนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนในการเดินทางไปร่วมประชุมผู้นำโลก UNGA ครั้งที่ 78 ว่า ได้มีการหารือกับฝ่ายคนใหม่แล้ว ซึ่งจากการดูเวลา กลัวจะไม่ทันการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา แต่ทั้งนี้ก็จะมีการหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่สำคัญมีเรื่องของอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ด้วย ซึ่งจะต้องตรวจสอบให้ดี มีความคิดเห็นหลากหลาย ทั้งไปได้และไปไม่ได้ แต่ทั้งนี้มีแนวทางที่ชัดเจน ไม่ได้มีการลงนามในข้อตกลง แต่แนวทางของประเทศไทย เมื่อรัฐบาลนี้เข้าปฏิบัติหน้าที่เป็นที่เรียบร้อย ก็มีความชัดเจนที่จะบริหารสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาอย่างไร ส่วนจะเป็นการเสียโอกาสในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่าความเชื่อมั่นอยู่ที่การจัดการและการได้รับการสนับสนุนจากประชาชนที่มีต่อรัฐบาลและกองทัพ ซึ่งความเชื่อมั่นอยู่ตรงจุดนี้ ไม่ใช่อยู่ที่เวทีไหน เพราะเป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย ขณะที่ทุกฝ่ายในบ้านเรามีความพร้อม ประชาชนให้การสนับสนุนนโยบายต่างๆ นโยบายของกองทัพและรัฐบาล นี่ต่างหากคือความเชื่อมั่น ส่วนกรณีที่กฤษฎีกาชี้ว่า หากมีเหตุที่จำเป็น ก็ถือว่าดำเนินการได้ นายอนุทิน กล่าวว่า คำว่าจำเป็นคืออะไร อย่างสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ก็ไม่จำเป็นจะต้องชี้แจงกับใคร เพราะประชาคมโลกก็รับทราบสถานการณ์อยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว […]