กรุงเทพฯ 17 ธ.ค. – สหกรณ์ออมทรัพย์การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จำกัด จัดสัมมนาวิชาการ หัวข้อ “ชำแหละกฎกระทรวงและร่างประกาศ คพช. ที่เกี่ยวข้องกับการฝากเงินและการลงทุนของสหกรณ์” ทั้งนักวิชาการและบุคคลากรในภาคสหกรณ์คัดค้านกฎหมายใหม่ 2 ฉบับว่าด้วยการสหกรณ์ ที่จำกัดการลงทุนของสหกรณ์ อันจะส่งผลต่อรายได้และเงินปันผลของสมาชิก
สหกรณ์ออมทรัพย์การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จำกัด หรือ สอ.กฟผ. จัดสัมมนาวิชาการประจำปี 2567 หัวข้อ “ชำแหละกฎกระทรวงและร่างประกาศ คพช. ที่เกี่ยวข้องกับการฝากเงินและการลงทุนของสหกรณ์” สืบเนื่องมาจากมีการออกกฎหมายใหม่ว่าด้วยการสหกรณ์ 2 ฉบับได้แก่ กฎกระทรวงการฝากเงินและการลงทุนของสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน พ.ศ.2567 ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ.2567 ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้ว อีกฉบับหนึ่งคือ ร่างประกาศคณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แห่งชาติ (คพช.) เรื่อง ข้อกำหนดการฝากหรือลงทุนอย่างอื่นของสหกรณ์ ซึ่งจะส่งผลต่อการส่งเสริมการออมของภาคประชาชน การลงทุนของสหกรณ์ทั้งตราสารหนี้ และตราสารทุน รวมทั้งกระทบต่อตลาดตราสารหนี้ ตลาดหลักทรัพย์โดยเฉพาะหุ้นรัฐวิสาหกิจที่สหกรณ์ลงทุน ที่สำคัญยังกระทบต่อการลงทุนของสหกรณ์ ส่งผลต่อรายได้ของสหกรณ์ การจ่ายดอกเบี้ยเงินรับฝาก รวมถึงเงินปันผลสมาชิก โดยขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการทำประชาพิจารณ์เพื่อรับฟังความคิดเห็น
นายชาติชาย โรจนรัตนางกูร ประธานกรรมการดำเนินการ สอ.กฟผ. กล่าวถึงวัตถุประสงค์หลักของการจัดงานสัมมนาว่า เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายใหม่ให้แก่สมาชิก อีกประการหนึ่งเพื่อร่วมกันหาแนวทางเสนอให้หน่วยงานกำกับดูแลสหกรณ์แก้ไขผ่อนปรนข้อกำหนดการลงทุนเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน
วิทยากรที่ร่วมสัมมนาในหัวข้อ “เจาะลึกผลกระทบต่อตลาดตราสารหนี้และตราสารหน เมื่อพอร์ตลงทุนสหกรณ์ต้องเปลี่ยนแปลง” ประกอบด้วย นายฐกร บึงสว่าง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า จำกัด นายณัฐดนัย ประทานพรทิพย์ Director – Equity Portfolio Investment Department บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด นายรณฤทธิ์ วิระชะนัง ผู้บริหารงานตลาดทุนธนกิจ สายงานธุรกิจตลาดทุน ฝ่ายธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
ส่วนผู้เข้าร่วมสัมมนาหัวข้อ “การปรับตัวเพื่อลดผลกระทบทางการเงินของสมาชิกจากข้อจำกัดการลงทุนของสหกรณ์” ประกอบด้วย นายไพบูลย์ แก้วเพทาย ที่ปรึกษาชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์รัฐวิสาหกิจไทย จำกัด ผศ.ดร.ประชา คุณธรรมดี กรรมการเจ้าหนี้ บมจ.การบินไทย และนายชาติชาย โรจนรัตนางกูร ประธานกรรมการดำเนินการ สอ. กฟผ.
ผู้ร่วมสัมมนามองไปในทิศทางเดียวกันว่า กฎหมายใหม่ทั้ง 2 ฉบับ ส่งผลกระทบต่อการดำเนินกิจการสหกรณ์ โดยกฎกระทรวงซึ่งกำหนดให้การลงทุนในนิติบุคคลแต่ละแห่ง ลงทุนได้ไม่เกินร้อยละ 10 เมื่อนำมารวมกันแล้วต้องไม่เกินทุนเรือนหุ้นรวมกับทุนสำรองของสหกรณ์ รวมทั้งต้องได้รับความเห็นชอบแผนและวงเงินการลงทุนจากที่ประชุมใหญ่ของสหกรณ์ ส่วนร่างประกาศ คพช. เรื่อง ข้อกำหนดการฝากหรือลงทุนอย่างอื่นของสหกรณ์ ฉบับที่กำลังทำประชาพิจารณ์ จะถูกกำหนดสัดส่วนการลงทุน ส่งผลให้สหกรณ์ต่างๆ ไม่สามารถบริหารจัดการการลงทุน รวมถึงต้องดำเนินการแก้ไขพอร์ตการลงทุนทั้งหมด
ทั้งนี้ สหกรณ์ต้องการให้หน่วยงานกำกับดูแลเล็งเห็นถึงผลกระทบที่มีกับสมาชิกเป็นหลัก โดยเฉพาะกลุ่มรัฐวิสาหกิจ เมื่อสมาชิกเกษียณอายุการทํางานจะนําเงินก้อนสุดท้ายที่ได้รับจากหน่วยงานมาฝากไว้กับสหกรณ์ เพื่อสร้างผลตอบแทนรายเดือน ส่งผลให้สหกรณ์กลุ่มรัฐวิสาหกิจมีเงินคงเหลือ โดยสหกรณ์นำเงินในส่วนนี้ไปลงทุน เพื่อให้เกิดรายได้และนำไปจัดสรรให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับสมาชิกต่อไป หากสหกรณ์ลงทุนตามข้อกำหนดใน ร่างประกาศ คพช. สหกรณ์จำเป็นต้องลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก รวมถึงเงินปันผลของสมาชิก ในส่วนนี้ก็จะกระทบโดยตรงกับสมาชิกทันที เนื่องจากรายรับของสมาชิกลดลง ยากต่อการบริหารจัดการเงินในการดำรงชีพ และส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตในที่สุด
ดังนั้นกลุ่มสหกรณ์ สมาชิก และผู้ที่เกี่ยวข้องจึงร่วมกันทำประชาพิจารณ์คัดค้านร่างประกาศ คพช. ที่ส่งผลโดยตรงกับเงินฝากและเงินปันผลของสมาชิก เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของสมาชิก และเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบในการดำเนินงานและเป็นปัญหาเกี่ยวกับสภาพคล่องของสหกรณ์ รวมถึงเรียกร้องให้หน่วยงานที่กำกับดูแลทบทวนข้อกำหนดในกฎหมายทั้ง 2 ฉบับซึ่งจะส่งผลกระทบการบริหารความเสี่ยงในการลงทุนของสหกรณ์และสวัสดิการของสมาชิกต้องลดลงจนอาจทำให้สมาชิกนำเงินออกจากสหกรณ์ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของสหกรณ์และทำให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาเป็นลูกโซ่ได้. -512 – สำนักข่าวไทย