กรมประมงเดินหน้าทุกมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง

กรุงเทพฯ 26 มิ.ย. – อธิบดีกรมประมง เผยปริมาณการนำเข้ากุ้ง 5 เดือนแรกปี 67 คิดเป็นร้อยละ 0.46 ของผลผลิตกุ้งในประเทศช่วงเวลาเดียวกัน จึงไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ราคากุ้งลดต่ำลง โดยราคากุ้งในประเทศผันผวนตามตลาดโลก ยืนยันยกระดับมาตรการคุมเข้มตามแนวชายแดน ป้องกันการลักลอบนำเข้าสินค้าผิดกฎหมาย ขณะเดียวกันเดินหน้าส่งเสริมการลดต้นทุนการผลิตให้ผู้เลี้ยงไทยมีศักยภาพการแข่งขันเทียบเท่าอินเดียและเอกวาดอร์


นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง ประธานกรรมการบริหารจัดการห่วงโซ่การผลิตกุ้งทะเลและผลิตภัณฑ์ หรือ Shrimp Board) กล่าวว่า ราคากุ้งในประเทศมีความผันผวนตามภาวะตลาดโลก โดยราคาที่ลดต่ำลง ไม่ได้เป็นผลกระทบจากการนำเข้า

ทั้งนี้ผลผลิตกุ้งทะเลของไทย ปี 2567 (ม.ค. – พ.ค .67) มีปริมาณรวมประมาณ 92,000 ตัน คาดว่า ทั้งปี 2567 จะมีผลผลิตกุ้งรวม 250,000 ตัน ส่วนการนำเข้าสินค้ากุ้งทะเลจากการเพาะเลี้ยง ปี 2567 (ม.ค. – พ.ค. 67) มีปริมาณ 426 ตัน คิดเป็นเพียงร้อยละ 0.46 ของผลผลิตกุ้งภายในประเทศในช่วงเวลาเดียวกัน โดยจากการสอบถามผู้ประกอบการนำเข้าพบว่า ปริมาณกุ้งที่นำเข้าในปี 2567 เป็นกุ้งที่ค้างส่งมอบตามคำสั่งซื้อในปี 2566 แต่ในปี 2567 ยังไม่มีคำสั่งซื้อแต่อย่างใด


หากเปรียบเทียบปริมาณและมูลค่าการนำเข้าสินค้าและผลิตภัณฑ์กุ้งทะเลในเดือนมกราคม – เดือนเมษายน 2567 ประเทศไทยมีการนำเข้าสินค้าและผลิตภัณฑ์กุ้งทะเล (ไม่รวมล็อบสเตอร์) 5,440.42 ตัน มูลค่า 788.49 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 ปริมาณการนำเข้าลดลงร้อยละ 51.65 และมูลค่าการนำเข้าลดลงร้อยละ 66.46 หากจำแนกชนิดกุ้งพบว่า เป็นกุ้งขาวแวนนาไมเพียง 389.58 ตัน (ร้อยละ 7.16) กุ้งกุลาดำ 2.24 ตัน (ร้อยละ 0.04) และกุ้งอื่นๆ 5,048.61 ตัน (ร้อยละ 92.80)

สำหรับประเทศต้นทางที่นำเข้ากุ้งมายังประเทศมากที่สุดคือ กุ้งทะเลจากอาร์เจนตินาร้อยละ 46.08 ของมูลค่าการนำเข้ากุ้งทะเลทั้งหมด โดยเป็นกุ้งที่ไม่สามารถเพาะเลี้ยงได้ในประเทศไทย ส่วนการนำเข้ากุ้งทะเลจากอินเดีย และเอกวาดอร์ซึ่งเป็นประเทศที่ต้นทุนการผลิตต่ำกว่าประเทศไทยพบ ว่า กุ้งจากอินเดียเป็นกุ้งอื่นๆ รวม 268.79 ตันและกุ้งจากเอกวาดอร์เป็นกุ้งขาวแวนนาไมรวม 352.34 ตัน (ที่มา: คณะทำงานบริหารจัดการข้อมูลด้านกุ้งทะเล ประมวลผลจากกรมศุลกากร, 7 มิถุนายน 2567)

ปริมาณการนำเข้ากุ้งขาวแวนนาไมจากต่างประเทศในปี 2567 (เดือนมกราคม – เดือนเมษายน) รวม 389.58 ตัน เปรียบเทียบกับปริมาณการผลิตกุ้งขาวแวนนาไมภายในประเทศไทยในช่วงเวลาเดียวกันซึ่งมีปริมาณรวม 63,172.44 ตัน คิดเป็นสัดส่วนเพียงร้อยละ 0.62 ของผลผลิตกุ้งขาวแวนนาไมภายในประเทศเท่านั้น ซึ่งไม่สามารถกระทบต่อราคาจำหน่ายกุ้งภายในประเทศได้ (ที่มา: คณะทำงานบริหารจัดการข้อมูลด้านกุ้งทะเล, 7 มิถุนายน 2567)


นายบัญชาย้ำว่า กรมประมงมีมาตรการควบคุมการนำเข้ากุ้งทะเลจากต่างประเทศ ก่อนการอนุญาตให้นำกุ้งทะเลเข้ามาในราชอาณาจักร ภายใต้พระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 โดยสินค้าจะต้องเข้าสู่ระบบการกักกันเพื่อให้เจ้าหน้าที่กรมประมงดำเนินการสุ่มตรวจเชื้อก่อโรคกุ้งทะเลที่สำคัญตามบัญชีรายชื่อขององค์การสุขภาพสัตว์โลก (World organization for Animal Health: WOAH) โดยเฉพาะโรคอุบัติใหม่ได้แก่ โรคไอเอ็มเอ็น (IMN) โรคเอ็นเอชพี (NHP) และโรคดีไอวี วัน (DIV 1) รวมทั้งมีการสุ่มตรวจสารตกค้างเช่น Chloramphenicol Nitrofurans และ Malachite green ภายใต้พระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 ตามหลักการสากลที่ WOAH และ CODEX กำหนดไว้ และหากมีการตรวจพบเชื้อก่อโรคและ/หรือตรวจพบสารตกค้างเกินเกณฑ์มาตรฐาน สินค้าเหล่านั้นจะถูกทำลายหรือตีกลับประเทศต้นทางทันที

การประกาศงดการออกหนังสืออนุญาตนำเข้ากุ้งทะเลจากต่างประเทศ ต้องเป็นมาตรการที่ดำเนินการในกรณีฉุกเฉินซึ่งเป็นกุ้งที่ได้จากการทำการประมงและมีเหตุอันควรที่ใช้ชั่วคราวเท่านั้น เพราะประเทศไทยและประเทศผู้ผลิตกุ้งทะเลเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (World Trade Organization: WTO) ต้องปฏิบัติตามความตกลงภายใต้ WTO โดยมาตรการที่ใช้ในการจำกัดการนำเข้าสินค้าเกษตรและอาหาร หรือมาตรการที่กำหนดขึ้นเพื่อใช้ควบคุมสินค้าเกษตรและอาหารต้องกำหนดระดับความปลอดภัยและการตรวจสอบมาตรฐานสินค้านำเข้าที่ไม่ก่อให้เกิดอุปสรรคทางการค้า หรือข้อกีดกันทางการค้าของประเทศสมาชิก ดังนั้น ทำให้ประเทศไทยและประเทศสมาชิกไม่สามารถกำหนดมาตรการการห้ามนำเข้าได้อย่างถาวร

ปัจจุบันได้มีการยกระดับมาตรการควบคุมการนำเข้าสินค้าสัตว์น้ำตามนโยบายของร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยขอความร่วมมือไปยังจังหวัดชายแดนเพื่อควบคุมการนำเข้าสินค้าสัตว์น้ำ โดยมีมาตรการดังนี้

  1. เพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบสินค้าประมงเพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรผิดกฎหมายได้แก่

1.1 ตรวจสอบเอกสาร หมายเลขซีล และสินค้าประมงนำเข้าเบื้องต้นร้อยละ 100 จำนวน 4 ด่าน ได้แก่ ศูนย์บริหารจัดการด่านตรวจประมงเขต 3 (กรุงเทพมหานคร) ด่านตรวจประมงลาดกระบัง ด่านตรวจประมงชลบุรี และศูนย์บริหารจัดการด่านตรวจประมงเขต 8 (สงขลา) และทำการติดซีลตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อป้องกันการสับเปลี่ยนหรือเปลี่ยนถ่ายสินค้าระหว่างการขนส่ง และตรวจสอบสินค้าประมงนำเข้าทางตู้คอนเทนเนอร์ร้อยละ 100 ณ สถานที่จัดเก็บหรือสถานประกอบการหรือห้องเย็นปลายทางว่าเป็นไปตามที่ได้รับอนุญาตหรือไม่

1.2 ตรวจสอบการนำเข้า การขนถ่ายสัตว์น้ำขึ้นท่าของเรือประมงต่างประเทศให้เป็นไปตามที่ได้รับอนุญาต ณ ด่านตรวจประมงระนอง โดยตรวจสอบเรือประมงที่แจ้งเข้าเทียบท่าและเมื่ออนุญาตให้ขนถ่ายสัตว์น้ำขึ้นท่าเทียบเรือแล้ว เจ้าหน้าที่จะดำเนินการตรวจสอบการนำเข้า การขนถ่ายสัตว์น้ำขึ้นท่า ณ ท่าเทียบเรือที่จดทะเบียนเป็นท่าเทียบเรือประมงตามพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 ทั้งชนิดและปริมาณสัตว์น้ำว่าเป็นไปตามที่ได้รับอนุญาตหรือไม่ เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมการนำเข้าสัตว์น้ำจากเมียนมาที่นำเข้าทางเรือตามมาตรการรัฐเจ้าของท่า (PSM)

            2. ออกประกาศกรมประมง เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาตและการอนุญาตนำเข้าสัตว์น้ำหรือผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2567 ลงวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 โดยกำหนดเอกสารประกอบการนำเข้าที่ชัดเจนมากขึ้น ต้องมีบัญชีรายละเอียดภาชนะบรรจุ (Packing list) ให้เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบสินค้าได้ถูกต้องมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์น้ำที่มาจากการทำการประมงโดยมิชอบด้วยกฎหมายเข้าสู่กระบวนการตลาดและกระบวนการผลิตของประเทศไทย และกำหนดให้ระบุสถานที่จัดเก็บสินค้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบและควบคุมสินค้านำเข้า

            3. จัดทำหนังสือถึงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์และจังหวัดกาญจนบุรี ขอความอนุเคราะห์ให้จังหวัดพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์เงื่อนไขการนำเข้า เพื่อควบคุมสินค้าสัตว์น้ำนำเข้าที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจ และการค้าของประชาชนภายในประเทศ

            4. จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการนำเข้าส่งออกสินค้าประมงผิดกฎหมาย เพื่อกำหนดแนวทางมาตรการในการแก้ไขปัญหาและป้องกันการนำเข้าส่งออกสินค้าประมงผิดกฎหมาย รวมถึงกำหนดแนวทางการดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการนำเข้าส่งออกสินค้าประมงผิดกฎหมาย มีการดำเนินคดีไปแล้ว จำนวน 330 คดี และกรมประมงแต่งตั้งคณะทำงานชุดเฉพาะกิจ ตรวจสอบ ควบคุม ป้องกัน การลักลอบนำเข้าสินค้าประมงผิดกฎหมายเข้าประเทศตามแนวชายแดน เพื่อประสานความร่วมมือการดำเนินการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการควบคุม กำกับ ตรวจสอบ ติดตาม จับกุมผู้กระทำผิดการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรด้านการประมงผิดกฎหมายให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

            5. จัดเก็บข้อมูลสถิติการนำเข้าสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์ผ่านระบบการขออนุญาตในระบบเชื่อมโยงคำขอกลาง และระบบสนับสนุนใบอนุญาตและใบรับรองผ่านอินเตอร์เน็ต กรมประมง (FSW) ซึ่งสามารถเรียกข้อมูลการนำเข้าในแต่ละชนิดสัตว์น้ำและมีเผยแพร่เป็นข้อมูลสถิติทางเว็บไซต์ แต่สำหรับอัตราภาษีอากรขาเข้าของสินค้าต้องกำกัดอยู่ในความรับผิดชอบของกรมศุลกากร

ทั้งนี้ยืนยันว่า ยังไม่พบการลักลอบนำเข้ากุ้ง ซึ่งส่งผลกระทบทำให้ราคากุ้งภายในประเทศลดต่ำลงตามข้อห่วงกังวลของพี่น้องเกษตรกร โดยวัฏจักรราคากุ้งในประเทศไทยพบว่ามีช่วงที่ราคาตก 2 ช่วง ในรอบปี คือ ช่วงเดือนเมษายน – เดือนพฤษภาคม และเดือนกันยายน – เดือนตุลาคม ซึ่งเป็นไปตามภาวะราคากุ้งในตลาดโลก และกลไกตลาดตามหลักการอุปสงค์ – อุปทาน เมื่อตลาดโลกมีความต้องการสูงราคาจะเพิ่มขึ้น แต่เมื่อผลผลิตมีมากเกินความต้องการราคากุ้งก็จะต่ำลง และยังคงพบว่าราคาในปีนี้เริ่มลดลงในเดือนเมษายนเหมือนที่ผ่านมา

นอกจากนี้ราคากุ้งภายในประเทศยังมีความแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ โดยพบว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาจำหน่ายกุ้งแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกัน คือ รูปแบบและช่องทางการจำหน่ายผลผลิตกุ้งของเกษตรกร โดยภาคตะวันออกและภาคกลางมีช่องทางการจำหน่ายผลผลิตกุ้งทะเล 2 ช่องทางหลักได้แก่ ตลาดภายในประเทศ (ตลาดหลัก) และตลาดต่างประเทศ (จำหน่ายเข้าห้องเย็นและโรงงานแปรรูป) โดยตลาดภายในประเทศมีการกระจายสินค้าไปยังภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงได้แก่ ลาว และกัมพูชา นอกจากนี้ ผลผลิตกุ้งที่มีคุณภาพยังนิยมจำหน่ายเป็นกุ้งมีชีวิตเพื่อส่งไปคัดขนาดก่อนกระจายไปยังตลาดภายในประเทศ และบางส่วนส่งเข้าโรงงานแปรรูป ทำให้กุ้งมีราคาค่อนข้างสูง แต่ภาคใต้ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป ซึ่งมีช่องทางการจำหน่ายผลผลิตหลักคือ การส่งออกกุ้งแช่เย็นไปยังประเทศมาเลเซีย โดยอาจผ่านผู้รวบรวม (แพ) หลายทอด ทำให้ราคารับซื้อกุ้งจากเกษตรกรค่อนข้างต่ำ ประกอบกับประเทศมาเลเซียมีการนำเข้ากุ้งทะเลจากเอกวาดอร์และอินเดียที่มีราคาต่ำจึงใช้เป็นราคาอ้างอิงในการรับซื้อกุ้งจากประเทศไทย

นายบัญชากล่าวว่า สิ่งที่กรมประมงจะดำเนินการเพิ่มเติมคือ การสนับสนุนการลดต้นทุนการผลิตเนื่องจากเกษตรกรยังประสบปัญหาต้นทุนการเลี้ยงสูงกว่าประเทศที่มีการผลิตกุ้งมากได้แก่ อินเดียและเอกวาดอร์ ทำให้เกษตรกรมีรายได้ลดลง รวมถึงผู้ส่งออกสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน โดยกรมประมงเร่งรัดนำเสนอเพื่อดำเนินการโครงการและกิจกรรมต่างๆ เช่น

  • “โครงการพลังงานทางเลือก ลดต้นทุนและสนับสนุนการผลิตกุ้งทะเลที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” เป้าหมายเกษตรกรที่มีพื้นที่เลี้ยงไม่เกิน 40 ไร่ จำนวน 8,961 เพื่อสนับสนุนการติดตั้งมอเตอร์ DC brushless และ Solar cell สำหรับอุปกรณ์เติมอากาศ คนละครึ่ง โดยรัฐจะสนับสนุน 2 ชุดและเกษตรกรออกค่าใช้จ่าย 2 ชุด
  • “โครงการสนับสนุนอาหารกุ้งทะเลที่มีระดับโปรตีนที่เหมาะสมเพื่อลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไม ปี 2567/68” เพื่อสนับสนุนอาหารเม็ดสำเร็จรูปที่มีระดับโปรตีนเหมาะสมต่อศักยภาพการจัดการของเกษตรกร โปรตีนร้อยละ 32 และร้อยละ 35 ในฟาร์มเลี้ยงกุ้งที่มีระบบการเลี้ยงโดยใช้จุลินทรีย์เป็นหลักในการควบคุมคุณภาพน้ำและควบคุมเชื้อก่อโรค เป้าหมายเกษตรกรที่มีพื้นที่เลี้ยงไม่เกิน 40 ไร่ จำนวน 8,961 ราย
  • “โครงการขยายฐานการผลิตจุลินทรีย์เพื่อการเพาะเลี้ยงกุ้งทะเล” วงเงิน 24 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการฯ ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เห็นชอบแล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงบประมาณ
  • “โครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง ปี 2567” โดย Shrimp Board เสนอให้กรมการค้าภายในจัดทำโครงการฯ เพื่อเชื่อมโยงการจำหน่ายผลผลิตกุ้งทะเลในประเทศ เป้าหมายรวม 7,000 ตัน เป็นระยะเวลา 3 เดือน โดยขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร
  • “โครงการกระจายผลผลิตกุ้งทะเลคุณภาพสู่ผู้บริโภคภายในประเทศ” โดยประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการจัดทำโครงการเชื่อมโยงการจำหน่ายผลผลิตกุ้งทะเลระหว่างเกษตรกรและธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าภายในประเทศ
  • “โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตกุ้งทะเลด้วยระบบป้องกันโรค ตลอดห่วงโซ่การผลิต (Shrimp Sandbox)” เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรคกุ้งทะเล ยกระดับความปลอดภัยทางชีวภาพตลอดสายการผลิตตั้งแต่ต้นทางในโรงเพาะฟักต่อเนื่องไปยังโรงอนุบาลและฟาร์มเลี้ยง ลดต้นทุนแฝง ลดการใช้ยาและปัจจัยการผลิต ผลผลิตกุ้งปลอดสารตกค้าง สร้างรายได้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งมีต้นทุนหมุนเวียนในการเลี้ยงกุ้งทะเลอย่างต่อเนื่อง. 512 – สำนักข่าวไทย
ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

ครม.เคาะเยียวยาผู้เสียชีวิตเหตุชายแดน รายละ 8-10 ล้าน

กรุงเทพฯ 5 ส.ค. – ครม. อนุมัติเงินเยียวยาผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รายละ 8-10 ล้านบาท พร้อมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข่าวปลอม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการกระชุม ครม. วาระสำคัญของรัฐบาล “ก้าวผ่านสองวิกฤติ เดินหน้าไปด้วยกัน” โดยระบุว่า รัฐบาลขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักของครอบครัวทุกๆ ครอบครัว แม้ว่าความสูญเสียที่เกิดขึ้นจะประเมินเป็นมูลค่ามิได้ แต่รัฐบาลจะขอผนึกกำลังจากทุกภาคส่วน เพื่อชดเชยความสูญเสียต่อชีวิต ทรัพย์สิน และรายได้ของพี่น้องประชาชนทุกคนที่ได้รับผลกระทบ โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติเงินเยียวยาให้แก่ครอบครัวทหารที่เสียชีวิต รวมรายละ 10 ล้านบาท และครอบครัวประชาชนที่เสียชีวิต รวมรายละ 8 ล้านบาท พร้อมทั้งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและวิเคราะห์ข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อป้องกันข่าวปลอม ที่มุ่งหมายจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศและความปลอดภัยของประชาชน รวมถึงสถานการณ์ที่ไทยเราต้องประสบกับมาตรการภาษีการค้าจากสหรัฐอเมริกา ขอยืนยันว่าได้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างรอบคอบและต่อเนื่อง โดยยึดหลักผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ ส่วนการที่สหรัฐอเมริกาประกาศอัตราภาษีการค้าของไทยที่ร้อยละ 19 ทำให้ไทยยังคงมีศักยภาพแข่งขันได้ในเวทีโลก และยังคงความได้เปรียบประเทศคู่แข่งขันในภูมิภาค รัฐบาลจึงได้กำหนดมาตรการทางการเงิน ทั้งมาตรการ Soft loan มาตรการพักชำระหนี้ การส่งเสริมให้คนไทยใช้สินค้าที่ผลิตภายในประเทศ และการตั้งงบประมาณเพื่อสนับสนุนและรองรับการปรับตัวของผู้ประกอบการไทย ทั้งรายใหญ่และรายย่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างความเข้มแข็งให้แก่พี่น้องเกษตรกรไทย เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนจะสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้ไปด้วยกันได้อย่างมั่นคง […]

“เป๊ก ผลิตโชค” ส่อโดนแจ้ง 2 ข้อหา รอผลตรวจเลือด 7 วัน

กทม. 5 ส.ค.-“เป๊ก ผลิตโชค” ส่อโดนแจ้ง 2 ข้อหา รอผลตรวจเลือด 7 วัน พิสูจน์หาสารเสพติดในร่างกาย พลตำรวจตรี ธนันท์ธร รัตนสิทธิภาคย์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 เปิดเผยว่า ช่วงค่ำวานนี้ คนขับรถกระบะได้เข้ามาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนแล้ว โดยให้การว่า ตนกำลังจะขับรถกลับบ้าน เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ อยู่ดีๆ “เป๊ก ผลิตโชค” ก็กระโดดขึ้นมาบนฝากระโปรงรถ ตอนนั้นรู้สึกตกใจ จึงเลี้ยวรถเข้าปั๊มน้ำมัน ลงมาพูดคุยกับ “เป๊ก” จากนั้น “เป๊ก” ก็เข้ามาสวมกอด ยกมือไหว้ แล้วเบนไปหานายชุติเทพ มีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน ตนก็ขึ้นรถแล้วขับออกไป และไม่ทราบว่ามีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น จนกระทั่งมาเปิดดูข่าว ส่วนคนขับรถแท็กซี่ที่ปรากฏภาพ “เป๊ก ผลิตโชค” ขึ้นไปเกาะบนหลังคารถ ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการติดต่อเข้ามาให้ปากคำ ด้าน “เป๊ก ผลิตโชค” ยังไม่ได้เริ่มสอบปากคำ เพราะยังอยู่ในการดูแลของทีมแพทย์ ซึ่งพนักงานสอบสวน ยินดีที่จะเข้าไปสอบปากคำที่โรงพยาบาล ถ้าหากแพทย์อนุญาต หรือ “เป๊ก ผลิตโชค” […]

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]