14 ส.ค.65 .- พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าในฐานะประธานกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ได้กำชับหน่วยงาน กนป. ประกอบด้วย สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ฝ่ายเลขานุการ กนป. กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพลังงานและกระทรวงพาณิชย์ ดูแลราคาปาล์มน้ำมันให้มีเสถียรภาพ ไม่ให้ผันผวน จากการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบมาเลเซียและอินโดนีเซียระยะนี้ โดยให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ดำเนินมาตรการ กนป. ทั้งการส่งออกสตอกส่วนเกิน และเร่งรัดมาตรการสร้างมูลค่าเพิ่ม 8 ผลิตภัณฑ์ เพื่อทดแทนไบโอดีเซลที่ใช้ลดลงเหลือ B5 ในช่วงวิกฤตพลังงาน
ด้าน พล.ต.อ.ดร.ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ประธานอนุกรรมการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันฯ กล่าวว่ารองนายกฯ ได้มอบหมายให้วิเคราะห์จัดทำข้อเสนอมาตรการเร่งด่วน ขับเคลื่อนปาล์มน้ำมันสู่พืชเศรษฐกิจมูลค่าเพิ่มแห่งอนาคตของไทย และสร้างสมดุลโครงสร้างราคาตลอดห่วงโซ่อุปสงค์อุปทานที่เป็นธรรมทั้งระบบ และรายงานผลดำเนินการ กนป. ปี 2563 ได้ผลักดันเพิ่มสัดส่วนไบโอดีเซล B10 เป็นดีเซลมาตรฐาน และส่งออกสตอกส่วนเกินในปี 2564 ได้สูงถึง 6 แสนตันเศษ โดยคาดว่าในปี 2565 ยอดส่งออกแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นราว 7 แสนตันเศษ
ถือเป็นวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลที่มีการให้ผลักดันมาตรการเพิ่มมูลค่าน้ำมันปาล์มดิบแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG) และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (BCG) 8 ชนิด ได้แก่ น้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานชีวภาพ น้ำมันจาระบีชีวภาพ น้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้า สารซักล้างชีวภาพ พาราฟิน สารจำกัดศัตรูพืชชีวภาพ น้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพ (กรีนดีเซล) และน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานชีวภาพ เป็นนโยบายรัฐบาลพืชเศรษฐกิจต้นแบบที่ตอบโจทย์กระแสโลกแห่งอนาคต โดยอยู่ระหว่างการส่งเสริมให้มีการลงทุนผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuels – SAF) ที่สามารถนำน้ำมันไบโอดีเซล เอทานอลจากมันสำปะหลังและกากอ้อย รวมทั้งน้ำมันพืชรีไซเคิล มาใช้เป็นวัตถุดิบในการทดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิล ที่สามารถลดอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้มากถึง 80 %
พล.ต.อ.ดร.ธรรมศักดิ์ เพิ่มเติมว่าขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมการจัดสัมมนาสร้างการรับรู้และชักชวนนักลงทุนไทยดันผลิตภัณฑ์ปาล์มนำ้มัน 8 ชนิด ส่งออกสู่ตลาดโลกและที่สำคัญผลักดันไทยสู่การเป็นศูนย์กลาง SAF ของภูมิภาคในปี 2566
จากผลงานการกำกับดูแลนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติภายใต้การกำกับของ พล.อ.ประวิตร อย่างต่อเนื่อง 8 ปีที่ผ่านมา ที่ชาวสวนปาล์มทั่วประเทศชื่นชมผลงานรัฐบาล รักษาระดับราคาปาล์มทะลายให้สูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น มูลค่าทางเศรษฐกิจของปาล์มน้ำมันเติบโตต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2562 ราคาเฉลี่ยทั้งปีที่ 3.11 บาท/กก. ปี 2563 เพิ่มเป็น 4.80 บาท/กก. ปี 2564 เพิ่มเป็น 6.66 บาท/กก. และ ปี 2565 คาดว่าจะเพิ่มถึง 7.50 บาท/กก. ยังมีมูลค่าการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบที่คาดว่ามีปริมาณมากถึง 1.5 ล้านตัน ทำให้ในช่วง 4 ปี ระหว่างปี 2562 – 2565 นี้ สามารถนำเงินตราเข้าประเทศได้อีกประมาณ 6 – 7 หมื่นล้านบาท ถือเป็นผลงานชิ้นโชว์แดงของรัฐบาลที่สามารถช่วยเกษตรกรชาวสวนปาล์มได้ในช่วงเศรษฐกิจผันผวนระยะนี้