ทำเนียบ 10 ส.ค.- นายกฯ ประชุม สมช. ประเมินสถานการณ์โลก ย้ำไทยปฏิบัติเป็นกลาง ยึดหลักเคารพอธิปไตย ไม่แทรกแซงกิจการภายใน เผยเตรียมความร่วมมือ ไทย-มาเลเซีย สร้างงาน สร้างอาชีพ ตามแนวชายแดน
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ 3/2565 ว่า ที่ประชุมได้หารือประเด็นสถานการณ์ความมั่นคงที่สำคัญทั้งในระดับโลกและระดับประเทศที่ส่งผลกระทบต่อไทย ตลอดจนร่วมวิเคราะห์แนวโน้มผลกระทบและแนวทางป้องกันแก้ไขในระยะต่อไป ซึ่งไทยต้องกำหนดท่าทีที่เหมาะสม ในฐานะประชาคมโลก เพื่อให้มีขีดความมั่นคงร่วมกันในทุกมิติ ตามสนธิสัญญาต่างๆ ซึ่งต้องยืนอยู่ในหลักการความเป็นกลางและสมดุล เคารพอธิปไตย ไม่แทรกแซงกิจการภายในซึ่งกันและกัน พร้อมแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธีและเป็นมิตร
ที่ประชุม ยังได้รับทราบตามแผนความมั่นคงสำคัญ อาทิ การบริหารจัดการผู้หลบหนีเข้าเมือง ปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น มีมนุษยธรรม ได้รับการยอมรับจากประชาคมโลก ส่วนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความก้าวหน้าในทุกมิติ ทั้งเรื่องของการพูดคุยเพื่อสันติภาพ การป้องกันก่อเหตุรุนแรง และการพัฒนาพื้นที่ การอยู่ร่วมกันภายใต้พหุวัฒนธรรม ด้วยหลักการเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ซึ่งก่อนหน้านี้ได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซีย ระหว่างที่เยือนไทย ซึ่งตกลงจะมีโครงการความร่วมมือระหว่างไทยและมาเลเซีย โดยเฉพาะด้านการศึกษา การเข้าถึงบริการภาครัฐ ตลอดจนความร่วมมือตามแนวชายแดน ในการสร้างความร่วมมือ สร้างงาน สร้างอาชีพ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบร่าง นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ (2566-2570) เป็นกรอบทิศทางการดำเนินงานด้านความมั่นคงภายใต้ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง และด้านการต่างประเทศ ครอบคลุมนโยบาย ด้านการทหาร และนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความมั่นคง ผลประโยชน์แห่งชาติ ท่ามกลางบริบทความมั่นคงของโลกให้สอดคล้องกับในปัจจุบัน ซึ่งขณะนี้มีความขัดแย้งมากมาย เพื่อที่จะเตรียมเดินหน้าประเทศให้สอดคล้องกัน และให้ความสำคัญกับการป้องกัน ระงับ ยับยั้ง ภัยคุกคามและปัญหาที่มีผลกระทบและความเสี่ยงสูง โดยมุ่งเน้นการบูรณาการการปฏิบัติงานของหน่วยงานความมั่นคงให้เกิดผลสัมฤทธิ์ภายใน 5 ปี การให้ความสำคัญกับปัญหาความมั่นคงเร่งด่วน การมุ่งเน้นการทำงานระหว่างหน่วยงานภาครัฐกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนตั้งแต่ในระดับตำบล
พร้อมเห็นชอบ ร่างแผนปฏิบัติการด้านการส่งเสริมการอยู่ร่วมกันภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรมในประเทศไทย พ.ศ.2566-2570 มีกลุ่มเป้าหมายคือ คนในชาติที่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางและกลุ่มผู้เสียเปรียบในสังคม ซึ่งทุกปีจะมีการให้สัญชาติตามจำนวนสมควร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้กลุ่มเป้าหมายได้รับการประกันสิทธิขั้นพื้นฐานและได้รับการพัฒนาศักยภาพที่สอดคล้องกับวิถีชีวิต วัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างเสมอภาคและไม่เลือกปฏิบัติ รวมทั้งคำนึงถึงแนวทางสันติวิธี หลักมนุษยธรรม หลักสิทธินุษยชน และความมั่นคงของมนุษย์ นำไปสู่ความมั่นคงของรัฐ ภายใต้วิสัยทัศน์ที่ว่า “สังคมไทย” ให้มีเอกภาพท่ามกลางความแตกต่างหลากหลาย มีสันติวัฒนธรรม สามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมยังได้เห็นชอบข้อเสนอแนะเชิงนโยบายต่อการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนและยั่งยืนกรณีการใช้ประโยชน์ที่ดินทับซ้อน โดยเฉพาะพื้นที่อยู่อาศัย พื้นที่ทำกิน พื้นที่ทางวัฒนธรรม โดยมีกลไกลผ่านคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ในการจัดสรรที่ดินทำกิน ให้เกิดความสมดุลและให้คนและป่าอยู่ร่วมกันได้ .-สำนักข่าวไทย