ตำรวจ ปส.จับไอซ์ 631 กก. มูลค่ากว่า 600 ล้านบาท

สงขลา 25 ก.ค.- ตำรวจปราบปรามยาเสพติดจับยาไอซ์น้ำหนัก 631 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 600 ล้านบาท ขณะลำเลียงลงใต้ส่งไปประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อส่งออกไปออสเตรเลียต่อไป เตรียมขยายผลจับกุมหัวหน้าขบวนการ


ตำรวจกองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 4 จับกุมนายลุกมัน (สงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี ชาวจังหวัดนราธิวาส กับพวกรวม 7 คน พร้อมของกลาง ยาไอซ์ 14 กระสอบ (631 ก้อน) น้ำหนักรวมประมาณ 631 กก., โทรศัพท์มือถือ 8 เครื่อง, รถยนต์เก๋ง HONDA CIVIC สีขาว ทะเบียน กทม., รถยนต์กระบะ TOYOTA VIGO 4 ประตู สีขาว ทะเบียน กทม., รถยนต์กระบะ MITSUBISHI TRITON Cab สีขาว ทะเบียน กทม. โดยก่อนหน้านี้มีการจับกุมขบวนการขนยาบ้าจำนวนกว่า 400,000 เม็ด ในพื้นที่จังหวัดสงขลา เมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

พล.ต.ต.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผู้บังคับการปราบปรามยาเสพติด 4 จึงสั่งการให้ชุดปราบปรามยาเสพติด ซึ่งรับผิดชอบในพื้นที่ภาคใต้ ขยายผลการจับกุมและสืบสวนติดตามจับกุมขบวนการขนลำเลียงยาเสพติดไปจำหน่ายในภาคใต้ทั้งหมด จนทราบว่าผู้ต้องหาขบวนการนี้กำลังหาโอกาสลำเลียงยาเสพติดลงมาภาคใต้ จึงคอยเฝ้าติดตาม จนกระทั่งเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 65 เวลาประมาณ 00.45 น. ได้พบรถฮอนด้า หมายเลขทะเบียน กทม. และรถกระบะโตโยต้า หมายเลขทะเบียน กทม. ขับเข้าด่านตรวจตำรวจทางหลวง ตำบลคูหาใต้ อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา จึงเรียกตรวจค้น ขณะที่รถกระบะมิตซูบิชิ เลขทะเบียน กทม.ที่ตามหลังมา จอดหลบเข้าข้างทางก่อนถึงด่านตำรวจทางหลวง ชุดจับกุมที่คอยสะกดรอยติดตามอยู่ จึงแสดงตัวขอตรวจค้น พบนายลุกมัน เป็นผู้ขับขี่, โดยมีเพื่อนร่วมขบวนการคนอื่นนั่งอยู่ภายในรถ พร้อมของกลางไอซ์ จำนวน 14 กระสอบ รวม 631 ก้อน น้ำหนักประมาณ 631 กก.


ผู้ต้องหาทั้ง 7 คน รับสารภาพได้ร่วมกันขนยาเสพติดเพื่อนำไปส่งให้ลูกค้าในภาคใต้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงยึดยาเสพติดและรถทั้ง 3 คันเป็นของกลาง แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบว่า “ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า, เป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และเป็นการทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป” ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีรวมทั้งยึดอายัดทรัพย์ของขบวนการนี้ในเบื้องต้น คือ รถยนต์ 3 คัน บ้านพร้อมที่ดิน 1 หลัง รวมมูลค่าประมาณ 5.1 ล้านบาท

สำหรับข้อมูลที่ตำรวจได้มาบ่งชี้ว่า ยาเสพติดลอตนี้น่าจะผ่านไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อส่งออกไปยังออสเตรเลีย หลังที่ผ่านมาตำรวจปราบปรามยาเสพติดคอยสอดส่องการส่งยาเสพติดที่ท่าเรือและสนามบินอย่างเข้มงวด ขบวนการนี้จึงเปลี่ยนมาใช้ทางถนน ซึ่งหากไอซ์ลอตใหญ่นี้เล็ดลอดไปขายในต่างประเทศจะมีมูลค่ากว่า 600 ล้านบาท ซึ่งตำรวจปราบปรามยาเสพติดกำลังขยายผลจับกุมหัวหน้าขบวนการและเครือข่ายทั้งหมดต่อไป.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เชียงใหม่อากาศแปรปรวน เจอลมหนาว-ฝนตก 3 วันติด

ชาวเชียงใหม่เจอลมหนาวและฝนตกต่อเนื่อง 3 วันติด อุตุฯ ย้ำอากาศแปรปรวน เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย ยังมีฝนตกและลมหนาว แนะรักษาสุขภาพ

“อัจฉริยะ” ยื่นสอบปม “ทนายตั้ม” ปูดข่าวผู้บริหารปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ

“อัจฉริยะ” ยื่นหนังสือตรวจสอบข้าราชการช่วยผู้บริหารรัฐวิสาหกิจปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ คาดอาจมีทนายดังเข้าไปเอี่ยว เสนอตำรวจให้สอบพยานรายสำคัญที่เป็นประโยชน์กับ “มาดามอ้อย”

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊ก บช.ก. สอบปากคำ

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊กสอบสวนกลาง สอบปากคำ นานกว่า 5 ชั่วโมง ขณะที่พนักงานสอบสวนเตรียมเข้าค้น “ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม” เช้าพรุ่งนี้ หาหลักฐานเพิ่ม ก่อนฝากขังช่วงบ่าย ค้านประกันตัว

“บิ๊กอ้อ” เผย “ทนายตั้ม-ภรรยา” มีพฤติการณ์หนี-ยุ่งเหยิงพยานฯ

“บิ๊กอ้อ” ชี้ตำรวจต้องออกหมายจับ “ทนายตั้ม” เหตุพบพฤติการณ์เตรียมหลบหนีออกนอกประเทศ และยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน นอกจากนี้ยังมีคดีต่อเนื่อง 3 คดี เตรียมแจ้งข้อหาเพิ่ม

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นตอนเช้า-ภาคใต้ฝนหนัก

กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นในตอนเช้า เตือนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง พร้อมอัปเดตเส้นทางพายุ “หยินซิ่ง”

MOU44

MOU 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง ตอนที่ 1

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เรื่องเอ็มโอยู 44 และเส้นแบ่งอาณาเขตทางทะเล หรือเส้นเคลม กลายเป็นปมร้อน ท่ามกลางความกังวลถึงผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และสิทธิเหนือเกาะกูด ติดตามความเห็นและมุมมองจากผู้เกี่ยวข้องในรายงาน “ปมร้อน เอ็มโอยู 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง”

ทนายตั้ม

“ทนายตั้ม” สร้างตัวตนผ่านสื่อ หวังหาผลประโยชน์หรือไม่

หลังจากพนักงานสอบสวนควบคุมตัว “ทนายตั้ม” และภรรยา เข้าเรือนจำไปแล้ว มีคำถามตามมาว่า ทนายคนดังสร้างตัวตนจนโดดเด่นในสังคม เพื่อหาผลประโยชน์จากความน่าเชื่อถือที่สร้างไว้หรือไม่