รัฐสภา 21 ก.ค.-นายกฯ แจงปมคลองด่าน-จีที200 ยันให้ความสำคัญ คดีอยู่ระหว่างการฟ้องร้อง ระบุภาพรวมไทยยังดีกว่าหลายประเทศ ย้ำไม่ดีที่สุด แต่ก็ไม่เลวที่สุด
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงข้อกล่าวหาที่มีผู้อภิปราย เรื่องค่าโง่คดีคลองด่าน ยืนยันว่า ให้ความสำคัญ โดยสั่งการให้กรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กรมควบคุมมลพิษ ต่อสู้คดีให้ถึงที่สุด มีการยื่นคำร้องไปแล้วเพื่อขอให้ศาลวินิจฉัยเกี่ยวกับคำพิพากษศาลฎีกากับศาลปกครอง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา ตนไม่อาจก้าวล่วง ส่วนการอายัดทรัพย์สินเหล่านั้น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ได้อายัดทรัพย์สินของกิจการร่วมค้าที่รับเงินตามคำพิพากษาไปแล้วเมื่อปี 2558 งวดที่ 1 ให้ตกเป็นของแผ่นดิน และป.ป.ง.ได้ยื่นร้องต่อศาลแพ่ง ดำเนินการอายัดสิทธิเรียกร้องที่กรมควบคุมมลพิษจ่ายให้แก่กิจการร่วมค้า ในงวดที่ 2 และ 3 ศาลแพ่งก็มีคำสั่งอายัดแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างรอฟังคำสั่งของศาลปกครองสูงสุด
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดจีที 200 นั้น กระทรวงกลาโหมได้ดำเนินคดีกับเอกชนที่เป็นคู่สัญญา 13 คดี ปัจจุบันคดีถึงที่สุดแล้ว 5 คดี อยู่ระหว่างพิจารณาของศาล 6คดี ชั้นอัยการ 2คดี ฟ้องเรียกค่าเสียหายไป 747ล้านบาท มีการชดใช้ค่าเสียหายมาแล้ว 17 ล้านบาท อยู่ระหว่างการติดตามคดีที่คั่งค้างอยู่ เรื่องจีที 200 เป็นปัญหาทั้งโลก มีการใช้ในสงครามต่างๆมากมาย เช่น สงครามอิรัก สนามบินต่างๆก็ใช้ หลายประเทศก็มีการฟ้องร้องเช่นกัน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนการเพิ่มอัตราค่าไฟในอนาคต เพราะ กฟผ.ต้องแบกหนี้สินมากกว่า 1 แสนล้านบาท เพราะมีต้นทุนสูงขึ้น แต่กฟผ.ไม่มีการปรับค่าเอฟทีตั้งแต่ปีที่แล้ว ขาดทุนไป 38,000 ล้านบาท ปีนี้อีก 44,000 กว่าล้านบาท รวมแล้ว 83,000 ล้านบาท การแก้ปัญหาไม่ใช่เรื่องง่ายๆอย่างที่หลายคนพูด
นายกฯ กล่าวอีกว่า วันนี้สถานการณ์โลก ประเทศเราเป็นเพียงประเทศเดียวหรือไม่ที่ได้รับผลกระทบ ตนมีตัวเลขของหลายประเทศเมื่อเทียบกับไทย คิดว่าตนทำได้มากกว่าในการดูแลประชาชน แต่แน่นอนว่ารายได้ต้องลด รัฐบาลก็มีมาตรการเฉพาะกลุ่มเพื่อช่วยดูแล ทั้งหมดเราใช้งบประมาณสูงมาก อาจจะมองว่ารัฐบาลกู้เยอะ แต่ก็จำเป็นต้องกู้ ขณะเดียวกันเราก็มีทุนสำรองมากพอสมควรที่จะสร้างความเชื่อมั่นในระบบการเงิน การคลัง ในระดับสูง และมีขีดความสามารถในการชำระหนี้สาธารณะสูงอยู่ เราไม่ได้อยู่ในสถานะรัฐล้มเหลว ทุกคนยังเชื่อมั่น ยังพุ่งเป้าให้ไทยเป็นศูนย์กลางอาเซียนเรื่องการลงทุน ต่างประเทศมองไทยต่างจากที่คนไทยมองกันเอง สิ่งนี้สำคัญมากการจะพูดอะไรที่กระทบกับการต่างประเทศ หรือประเทศเพื่อนบ้านขอให้ระวังอย่างยิ่ง เพราะมีการพึ่งพาอาศัยกัน เป็นเรื่องของประชาชนต่อประชาชน มูลค่าการค้าขายชายแดนจำนวนมหาศาลที่ขณะนี้สูงขึ้น ทำให้ประเทศอยู่ได้ในเวลานี้
“ยืนยันว่าไม่ใช่ไม่ดีทุกเรื่อง ไม่ใช่เลวที่สุด ไม่ใช่แย่ที่สุด ท่านมีความมุ่งหวังอะไรผมก็ไม่ทราบ เวลานี้ควรรวมพลังคนไทยทั้งชาติแก้ปัญหาบ้านเมือง มากกว่ามัวทะเลาะเบาะแว้งกัน ท่านพูดแรง ผมก็อดไม่ได้ แต่ผมก็ให้เกียรติท่านอยู่แล้ว เวลาท่านโจมตีผมถึงจะรับไม่ค่อยได้ ผมก็ต้องรับเพราะเป็นนายกฯ ถามว่าในห้องนี้มีสักกี่คนที่เป็นนายกฯมาก่อน ผมย่อมมีประสบการณ์มากกว่าท่าน แต่จะพูดแข่งกับท่าน ส่อเสียดให้ร้าย ผมสู้ท่านไม่ได้หรอก ผมยอมท่าน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย