กรุงเทพฯ 21 ก.ค.- อธิบดีกรมประมงเผย พบฝูง “โลมาหลังโหนก” บริเวณชายฝั่งทะเลใน จ.ปัตตานี เร่งสร้างความเข้าใจแก่ชาวประมงเกี่ยวกับการทำประมงที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสัตว์ทะเลเลี้ยงลูก โดยชาวประมงในพื้นที่พร้อมปฏิบัติตามแผน MMPA ของประเทศไทยเพื่อรักษามูลค่าการส่งออกสินค้าประมงไปยังสหรัฐอเมริกา
นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ อธิบดีกรมประมงกล่าวว่า ศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเลปัตตานี กองตรวจการประมงรายงานว่า นักท่องเที่ยวพบฝูงโลมาหลังโหนก (Indopacific humpback dolphin) 6–8 ตัวว่ายน้ำอยู่แถวชายหาดแฆแฆ ตำบลบ้านน้ำบ่อ อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี ซึ่งเป็นเขตอนุรักษ์ของชุมชนปะนาเระ
ที่ผ่านมา กรมประมงเร่งสร้างความรู้ความเข้าใจร่วมกับพี่น้องชาวประมงในพื้นที่เกี่ยวกับการใช้เครื่องมือประมงที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม รวมถึงการช่วยเหลือสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนมเบื้องต้น นอกจากนี้ ยังบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันการทำประมงผิดกฎหมาย โดยเฉพาะการทำการประมงในพื้นที่ห้าม การใช้เครื่องมือประมงผิดกฎหมาย หรือการใช้เครื่องมือประมงที่ห้ามใช้ทำการประมงในเขตทะเลชายฝั่ง เป็นต้น
ทั้งนี้ เป็นการดำเนินการเพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของกฎหมายว่าด้วยการนำเข้าสินค้าสัตว์น้ำเพื่อคุ้มครองสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม (Marine Mammal Protection Act : MMPA) ของสหรัฐอเมริกามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษามูลค่าการส่งออกสินค้าประมงไปยังสหรัฐอเมริกา โดยสหรัฐอเมริกาจะบังคับใช้กฎหมาย MMPA ในวันที่ 1 มกราคม 2566
สำหรับความคืบหน้าในการเสนอแผนข้อมูลไปยังสหรัฐอเมริกาเพื่อประกอบการประเมินความเท่าเทียมในการดำเนินการตามกฎระเบียบ MMPA นั้น ขณะนี้อยู่ในระหว่างการประเมินของสหรัฐอเมริกา และจะมีการประกาศผลการพิจารณาประมาณเดือนพฤศจิกายน 2565 ข้อมูลดังกล่าวประกอบด้วย สถานภาพสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนมในพื้นที่ทำการประมง ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการทำประมง กฎระเบียบในประเทศ ข้อบังคับด้านการทำประมงเชิงพาณิชย์ ระบบทะเบียนและการอนุญาตทำการประมง หรือมาตรการที่เกี่ยวข้องในการลดการตายหรือลดการบาดเจ็บของสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนมซึ่งเป็นสัตว์น้ำพลอยจับ (Bycatch) เป็นต้น โดยเป็นการแสดงถึงเจตจำนงของประเทศไทยที่ให้ความสำคัญต่อการอนุรักษ์และการบริหารจัดการสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนมที่เป็นรูปธรรม เป็นไปตามหลักสากล และพันธกรณีระหว่างประเทศ ภายใต้การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
อธิบดีกรมประมงกล่าวเพิ่มเติมว่า ประเทศไทยได้จัดทำแผนปฏิบัติการระดับชาติเพื่อการอนุรักษ์และบริหารจัดการสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม พ.ศ. 2566–2570 ภายใต้ข้อกำหนดกฎหมายคุ้มครองสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม (MMPA) ซึ่งประกอบด้วย 5 กลยุทธ์ 19 แผนงาน 51 โครงการ ดังนี้ กลยุทธ์ที่ 1 การติดตามและประเมิน (Monitoring & Estimation) กลยุทธ์ที่ 2 การวิจัยและพัฒนา (Research & Development) กลยุทธ์ที่ 3 การอนุรักษ์และจัดการ (Conservation & Management) กลยุทธ์ที่ 4 การบังคับใช้ (Enforcement) และกลยุทธ์ที่ 5 การสื่อสาร (Communication) รวมทั้งมีการเตรียมความพร้อมโดยหารือร่วมกับผู้ประกอบการในการจัดทำโครงการเร่งด่วนเพื่อรองรับกฎระเบียบ MMPA ที่จะประกาศบังคับใช้
ล่าสุดรัฐบาลได้อนุมัติงบกลาง 35,687,200 บาท ให้ดำเนินการโครงการเร่งด่วน 4 โครงการ ประกอบด้วย
1. โครงการการเพิ่มประสิทธิภาพระบบตรวจสอบย้อนกลับสินค้าสัตว์น้ำเพื่อรองรับ MMPA
2. โครงการการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อการปรับเปลี่ยนเครื่องมือประมงและวิธีการทำการประมงเพื่อป้องกันการติดโดยบังเอิญของสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม
3. โครงการการควบคุมเฝ้าระวังพื้นที่ทำการประมงในบริเวณพื้นที่เสี่ยงต่อสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม
4. โครงการการศึกษาแนวทางแก้ไขปัญหาเครื่องมือประมงที่มีผลกระทบต่อพะยูน
นอกจากการบริหารจัดการทรัพยากรประมงโดยใช้กลไกต่าง ๆ แล้ว กรมประมงให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของชุมชนและพี่น้องชาวประมงในพื้นที่ในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ได้แก่ โครงการพัฒนาอาชีพและส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชนประมงและโครงการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมขององค์กรชุมชนประมงท้องถิ่น เพื่อให้บรรลุเป้าประสงค์ของการทำประมงที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนมเป็นไปอย่างยั่งยืน.-สำนักข่าวไทย