อนุ กมธ.ปลาหมอคางดำ เดือด! กรมประมงไม่มีเอกสารแจงผลสำรวจความเสียหาย

รัฐสภา ​8 ส.ค. – อนุ กมธ.ปลาหมอคางดำ เดือด “กรมประมง” ไม่มีเอกสารชี้แจงผลสำรวจความเสียหายเกษตรกร ขณะที่สถาบันการศึกษามีตัวเลขชัด มองไม่คิดจะฟ้องร้องแทนประชาชน ทำไปก็ไม่ได้ใช้ ด้าน “ณัฐชา” เผยหลัง 15 ส.ค. สรุปผลแล้วจะแถลงต่อสังคม


การประชุมคณะอนุกรรมธิการพิจารณาศึกษาสาเหตุและแนวทางการแก้ไขปัญหา รวมถึงผลกระทบจากการนำเข้าปลาหมอคางดำ เพื่อการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ในราชอาณาจักรไทย ครั้งที่ 9 โดยนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ รองประธานอนุ กมธ. ทำหน้าที่ประธานการประชุม

ก่อนการประชุม นายณัฐชา ระบุว่า วันนี้มีการเชิญหน่วยงานที่สามารถประเมินมูลค่าความเสียหายมาร่วมให้ข้อมูล ทั้งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่มีการประเมินความเสียหายทางเศรษฐกิจไปแล้วอย่างน้อยตำบลละ 100 ล้านบาทต่อปี ซึ่งเราจะทำให้ภาครัฐได้รับรู้ว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นวงกว้างแค่ไหน และหาแนวทางดำเนินการให้เป็นรูปธรรมมากขึ้นในการช่วยเหลือประชาชน


นายณัฐชา ยอมรับว่า จนถึงวันนี้ยังไม่ได้รับความชัดเจนจากหน่วยงานภาครัฐถึงสาเหตุการระบาดของปลาหมอคางดำ แต่ยืนยันว่ากระบวนการฝ่ายนิติบัญญัติจะทำให้ชัดเจน คาดว่าจะแถลงสรุปผลการทำงานได้ภายในสัปดาห์หน้า จากนั้นจะส่งสรุปเรื่องให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงคณะรัฐมนตรีที่ควรต้องเอาผิดต้นตอ ผู้ก่อเรื่อง หรือผู้มีส่วนร่วมกับปัญหาที่เกิดขึ้น ให้มารับผิดชอบในส่วนนี้ ทั้งนี้ หน่วยงานภาครัฐจะไปดำเนินการต่อหรือไม่ ทางอนุกรรมาธิการไม่สามารถแทรกแซงการทำงานได้ แต่ยืนยันว่าจะสรุปผลออกมาทั้งหมดแล้วให้ประชาชนตัดสินใจ

สำหรับบรรยากาศในห้องประชุม ทางศูนย์วิจัยและพัฒนาเครื่องมือด้านการประเมินผลตอบแทนทางสังคม วิทยาลัยพัฒนศาสตร์ ป๋วย อึ้งภากรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้นำเสนอผลสำรวจการระบาดของสัตว์น้ำต่างถิ่น ปลาหมอคางดำ กับความสูญเสียทางเศรษฐกิจด้านการประมงของ ต.แพรกหนามแดง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ซึ่งพบปรากฏการณ์การระบาดของปลาหมอคางดำ ในปี 2562 แต่จากการสรุปพบว่าในปี 2559 สร้างความเสียหายต่อรายได้ประมงของชุมชนลดลง 5%, ปี 2560 สร้างความความเสียหายต่อรายได้ประมงของชุมชนลดลง 10%, ปี 2561 สร้างความเสียหายต่อรายได้ประมงในชุมชนลดลง 15% (ปัจจุบันคาดการณ์ความเสียหายต่อรายได้ไม่ต่ำกว่า 90% โดยอ้างอิงความเสียหายจากสื่อในพื้นที่)

ขณะที่ผู้แทนทางกรมประมง ชี้แจงว่าตั้งแต่ปี 2560 มีสำรวจผลความเสียหายของเกษตรกร โดยสำรวจกว่า 500 ฟาร์มจาก 3 อำเภอ จ.สมุทรสงคราม เสียหายประมาณ 150-350 ล้านบาทต่อปี แต่นายณัฐชา บอกว่าถ้าศึกษาข้อมูลมาตั้งแต่ต้นจนถึงขณะนี้ก็ยังหาผู้รับผิดชอบไม่ได้ ไม่รู้ว่ากรมประมงทำอะไรอยู่ และผลลัพธ์ที่ออกมาก็ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ที่สำคัญผลสำรวจที่ชี้แจงวันนี้ เมื่อขอดูเอกสารก็ไม่มี ไม่ได้เอามา แล้วจะให้ทำอย่างไร


นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ประธานอนุ กมธ.ฯ ซึ่งเข้ามาประชุมทีหลัง กล่าวต่อผู้แทนกรมประมงที่มาชี้แจงวันนี้ว่า เมื่อมาชี้แจงแต่ไม่มีเอกสารมา ควรเชิญออกจากห้องประชุมดีหรือไม่ หรือให้โทรไปแจ้งที่หน่วยงานให้ส่งแฟกซ์ข้อมูลมา การประชุมกินภาษีของชาวบ้าน แต่มาแล้วไม่พร้อม เสียเวลา จะเสียชื่ออธิบดีด้วย ตนอุตส่าห์เคยชมไปตั้งเยอะ

หลังจบการประชุม นายณัฐชา ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า วันนี้เน้นการประเมินมูลค่าความเสียหายเป็นสำคัญ ส่วนเรื่องการฟ้องดำเนินคดีมีสภาทนายความมาร่วมสังเกตการณ์ และดำเนินการเพื่อที่จะเป็นตัวแทนประชาชนในการฟ้องร้อง ซึ่งในหลายจังหวัดก็เริ่มแล้ว แต่สิ่งสำคัญคือถ้าเรื่องขึ้นสู่ศาลจะต้องมีตัวเลขมูลค่าความเสียหาย แต่หน่วยงานรัฐอย่างกรมประมง กลับไม่รอบคอบ ไม่มีการวิเคราะห์หรือพิจารณามูลค่าความเสียหายของเกษตรกรแม้แต่ครั้งเดียว แต่มีสิ่งที่เรียกว่าคล้ายรายงานประเมินความเสียหาย คือรายงานการประชุมขออนุมัติวงเงิน 11.4 ล้านบาท เมื่อปี 2561 เพื่อไปช่วยเหลือเกษตรกร ด้วยการรับซื้อปลาหมอคางดำ กิโลกรัมละ 20 บาท ในขณะนั้น โดยระบุความเสียหายราวปีละ 150-350 บาท ซึ่งถือเป็นเพียงข้อสรุปที่ประเมินจากเกษตรกร แต่ไม่ได้ทำเป็นลายลักษณ์อักษร ก็รู้สึกเสียใจ เพราะกรมประมงเกี่ยวข้องโดยตรง และต้องสู้แทนเกษตรกร แต่การต่อสู้ครั้งนี้กลายเป็นการต่อสู้ที่ไม่เต็มที่

ในขณะที่หน่วยงานวิจัยอย่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ประเมินความเสียหายย้อนหลังเอาไว้ราวปีละ 130 ล้านบาท จากปัญหาใน 1 ตำบลเท่านั้น ขณะนี้มูลค่าความเสียหายจนถึงปัจจุบันแพร่กระจายไป 17 จังหวัด 40 อำเภอ มีเกษตรกรที่ลงทะเบียนเดือดร้อนกว่า 40,000 ราย แต่กรมประมงไม่เคยประเมินมูลค่าความเสียหาย จากนี้ต้องขอความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ช่วยประเมินมูลค่าความเสียหาย เพราะในอนาคตอันใกล้ต้องใช้ข้อมูลนี้ในเรื่องคดีความอย่างแน่นอน

“มีแต่การสำรวจและสอบถามเกษตรกรในเบื้องต้น แต่ไม่มีใครหยิบประเด็นเรื่องนี้เป็นเรื่องหลัก อาจเป็นเพราะไม่ได้คิดจะฟ้องร้องเอกชน ดังนั้น มูลค่าความเสียหายตรงนี้ไม่รู้ว่าดำเนินการไปแล้วจะเอาไปใช้ในส่วนไหน ซึ่งอาจเป็นเหตุผลนี้ก็ได้” นายณัฐชา ​กล่าว​

สำหรับการประชุมของอนุ กมธ.ฯ ถือว่าครบทุกมิติ เพราะเราในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ ได้สืบหาข้อเท็จจริงทุกประเด็นที่สังคมสงสัย ได้เชิญทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง ส่วน กมธ.ชุดใหญ่ มีการเชิญบริษัทเอกชนต่างๆ เข้าชี้แจง ซึ่งข้อมูลทั้งหมดจะสรุปหลังจากวันที่ 15 ส.ค. 67 แล้วจะประกาศให้ประชาชนทราบอีกที เพื่อให้ข้อสงสัยได้รับความกระจ่าง ส่วนสิ่งไหนที่ไม่ได้รับข้อมูล เพื่อให้มีคำถามในสังคม และเกิดแรงกดดันว่าจะเปิดหรือไม่เปิดข้อมูล

“ตอนนี้เราขยับไปไกลกว่ากระทรวงเกษตรฯ เราต้องการเป็นตัวแทนประชาชน แต่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ในฐานะผู้ปกป้องพิทักษ์ผลประโยชน์สิ่งแวดล้อม และระบบนิเวศของประเทศ กลับไม่มีการดำเนินการใดๆ ต่อจากนั้น หรือแม้การประเมินมูลค่าความเสียหาย อยากฝากข้อมูลไปถึง รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ รมว.เกษตรฯ ด้วย ที่สำคัญขอให้เอกชนแจ้งจุดรับซื้อปลาหมคางดำ 2 ล้านกิโลกรัม ให้ชัดเจนด้วย เพราะประชาชนรู้แค่ 75 จุดรับซื้อของภาครัฐ แต่ต้องใช้เอกสารหลาดอย่าง จึงอาจหันไปขายเอกชนแทน แต่ไม่รู้จะไปขายที่ไหน ขอให้ความกระจ่างตรงนี้ด้วย เพราะประชาชนฝากแจ้งมา” นายณัฐชา กล่าว.-319-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ

กทม. 23 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ เฝ้าระวัง “พายุดีเปรสชัน” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน กระทบไทย 24-27 ส.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 68 -สำนักข่าวไทย

โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊ก ขรก.มหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน

ทำเนียบ 23 ส.ค.- โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊กข้าราชการมหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน ด้าน “เชษฐา” เป็นอธิบดี ปภ. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 6 ราย ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 22 ส.ค.2568 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี -สำนักข่าวไทย

จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองโกงเงินอุดหนุน ก่อนหนีกบดานลาว

22 ส.ค. – ตำรวจภูธรภาค 1 จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โกงเงินอุดหนุน 17.6 ล้านบาท หนีกบดานลาว ก่อนจนมุมถูกจับกุมได้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1), พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท, ตม.จว.หนองคาย, กกต.จว.หนองคาย ร่วมกันจับกุม นายพีระวิทย์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2562 นายพีระวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง รับเงินอุดหนุนพรรคการเมือง เพื่อพัฒนาพรรคการเมือง จำนวนประมาณ 17.6 ล้านบาท โดยไม่มีการทำหลักฐานการเบิกจ่าย ทำให้ กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพีระวิทย์ และเหรัญญิกพรรค ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท โดยเลื่อนการเข้าให้ปากคำและแสดงหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน และต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายจับในข้อหา […]

“ธีรรัตน์” สั่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บาย 24 ชม. รับพายุคาจิกิ

กทม. 22 ส.ค.- “ธีรรัตน์” สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บายรับมือผลกระทบ “พายุคาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง ย้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนรับรู้และเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผลกระทบพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ซึ่งพบว่าพื้นที่บางส่วนมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก ระหว่างวันที่ 24 – 28 สิงหาคม 2568 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ 45 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร นางสาวธีรรัตน์ ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด 45 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต รวมถึงกรุงเทพมหานคร กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่หากพบว่ามีความเสี่ยง ในส่วนพื้นที่ชายฝั่ง ให้สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำและห้ามเดินเรือทุกชนิดหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง “ให้ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

กู้ซากคานสะพานลอยคนข้ามพังถล่ม เปิดการจราจรแล้ว

23 ส.ค. – เจ้าหน้าที่เร่งหาสาเหตุคานสะพานลอยคนข้ามขนาดใหญ่ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง มูลค่าเกือบ 7 ล้านบาท พังถล่มลงมากีดขวางถนน สาย 317 จันทบุรี–สระแก้ว ล่าสุดกู้ซากคานสะพานลอย ออกจากถนน และเปิดการจราจรได้ตามปกติแล้ว เหตุคานสะพานลอยถล่ม บริเวณพื้นที่ก่อสร้างสะพานลอยข้ามถนนสาย 317 จันทบุรี-สระแก้ว ระหว่างฝั่งขาเข้าเมือง บ้านมะทาย ต.ปัถวี ข้ามไปยังตลาดกลางเทศบาลตำบลมะขามเมืองใหม่ อ.มะขาม จ.จันทบุรี เหตุเกิดเมื่อช่วงเวลาประมาณ 22.20 น. ที่ผ่านมา เหตุดังกล่าวทำให้เกิดผลกระทบ สภาพการจราจรติดขัด ตลอดช่วงสายและบ่าย เป็นระยะทางยาวกว่า 1 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ได้ พยายามเร่งกู้ซากสะพานลอย ประสาน นำเครื่องจักรกลหนักทั้ง รถแบ็กโฮ 3 คัน รถแบ็กโฮหัวขุดเจาะ 2 คันและรถเครนใหญ่อีก 1 คัน ระดมลงพื้นที่เกิดเหตุ โดยบริษัทผู้รับเหมา ต้องใช้รถหัวขุดเจาะ 2 คัน ทำการขุดเจาะกระแทกแผ่นคอนกรีตให้แตก จนเหลือแต่เส้นเหล็กจากนั้นได้ใช้ชุดเชื่อมทำการใช้ไฟแก๊สตัดเหล็ก แยกชิ้นส่วนของคานคอนกรีตออก […]

ตามล่านักโทษชายหลบหนีเรือนจำนนทบุรี

นนทบุรี 23 ส.ค. – นักโทษเรือนจำนนทบุรีหลบหนี ขณะออกมาทำงานนอกเรือนจำ เจ้าหน้าที่พบชุดนักโทษ ถอดทิ้งไว้ใต้สะพานมหาเจษฎาบดินทรานุสรณ์ อยู่ระหว่างไล่ติดตาม กล้องวงจรปิด บันทึกเหตุการณ์ ช่วงบ่ายวันนี้ หลังตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี ได้รับเเจ้งว่ามีนักโทษชายหลบหนีจากร้านหับเผย อ.เมือง จ.นนทบุรี ตรวจสอบเบื้องต้นทราบชื่อ นช.อนุชิต อายุ 29 ปี เป็นผู้ต้องขังกองนอกประจำร้านหับเผย ของเรือนจำจังหวัดนนทบุรี ชุดที่หลบหนีสวมชุดสีส้มของเรือนจำ ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อเรมเบสต้า สีดำ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร หลบหนี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ พบชุดที่นักโทษสวมใส่ถอดทิ้งไว้ใต้สะพานมหาเจษฎาบดินทรานุสรณ์ อยู่ระหว่างไล่ติดตาม สำหรับ นช.อนุชิต สุขสด ถูกตำรวจ สภ.บางบัวทอง จับกุมเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2567 ข้อหาพยายามลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้น โดยใช้ยานพาหนะในการกระทำผิด หลังจับกุม สภ.บางบัวทอง นำตัวส่งเรือนจำกลางจังหวัดนนทบุรี วันที่ 27 ธันวาคม 2567 ศาลตัดสินโทษจำคุก 1 ปี โดยจะพ้นโทษในวันที่ในวันที่ […]

ผบ.ทบ. ตรวจฐานภูมะเขือ ขอบคุณกำลังพลทุ่มเทปฏิบัติงาน

23 ส.ค.- ผบ.ทบ. ตรวจเยี่ยมฐานปฏิบัติการภูมะเขือ ย้ำกำลังพลปฏิบัติงานเต็มความสามารถ ตั้งอยู่บนความปลอดภัย เมื่อวันที่ 23 ส.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก (ศปก.ทบ.) พร้อม พล.ท.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสนาธิการทหารบก พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พล.ต.ธีรนันท์ นันทขว้าง ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการหน่วยข่าวกรองทางทหาร เดินทางมาตรวจเยี่ยม และรับฟังบรรยายสรุปการปฏิบัติงานของฐานการภูมะเขือ โดยมี พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พร้อมด้วยฝ่ายเสนาธิการกองกำลังสุรนารี, ผู้บังคับหน่วย และหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ให้การต้อนรับ และร่วมปฏิบัติภารกิจ ผู้บัญชาการทหารบก รับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์ และการปฏิบัติงาน ณ ฐานปฏิบัติการภูมะเขือกลาง พร้อมทั้งมอบเครื่องอุปโภคบริโภคให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ฐานปฏิบัติการภูมะเขือ ผู้บัญชาการทหารทัพบก กล่าวขอบคุณกำลังพลทุกนายที่ทุ่มเทปฏิบัติงานอย่างเต็มกำลังความสามารถ ให้ปฏิบัติภารกิจอย่างปลอดภัย จากนั้นได้เดินดูบริเวณฐานธุรการและพื้นที่ต่างๆ บนภูมะเขือ -สำนักข่าวไทย

เร่งเคลียร์ซากสะพานลอยถล่ม ขวางถนนสาย 317 จันทบุรี-สระแก้ว

จันทบุรี 23 ส.ค.- เร่งเคลียร์ซาก! เหตุสะพานลอยคอนกรีตที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง พังถล่มขวางถนนสาย 317 จันทบุรี-สระแก้ว ส่งผลเช้านี้การจราจรติดขัดสะสม คาดเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท เมื่อเวลาประมาณ 22.20 น. ที่ผ่านมา พื้นที่ก่อสร้างสะพานลอยข้ามถนนสาย 317 จันทบุรี-สระแก้ว ระหว่างฝั่งขาเข้าเมือง บ้านมะทาย ต.ปัถวี ข้ามไปยังตลาดกลางเทศบาลตำบลมะขามเมืองใหม่ อ.มะขาม จ.จันทบุรี กล้องวจรปิดร้านขายของชำบันทึกภาพวินาทีระทึก  ขณะคานสะพานพังถล่ม โดยยังมีคนงานเดินอยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุหลายสิบคน โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ จากการตรวจสอบความเสียหายในที่เกิดเหตุ เบื้องต้นพบรถเทรลเลอร์ 1 คัน และรถเครนของบริษัทรับเหมาเอกชนอีก 1 คัน ถูกคานสะพาน คอนกรีตที่หนักรวมกว่า 116 ตัน ถล่มลงมาทับพังเสียหาย กีดขวางการจราจรทั้งขาเข้าและขาออก เบื้องต้นกรมทางหลวงซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบ ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้รับเหมา เร่งดำเนินการใช้แยกคอนกรีตตัดคานสะพานออก เพื่อง่ายต่อการเคลียร์เส้นทาง เนื่องจากเป็นถนนสายหลัก ส่วนมูลค่าความเสียหายคาดไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท สอบถามเจ้าหน้าที่กรมทางหลวง ทราบข้อมูลเบื้องต้นว่าสะพานลอยแห่งนี้ มีรูปแบบการก่อสร้างประกอบด้วย เสาเตาหม้อคอนกรีตเสริมเหล็กจำนวน 2 ต้น มีความกว้างของทางเดินบนสะพาน 2.4 เมตร พร้อมราวจับและหลังคายาวตลอดทางเดินราว 36 เมตร ซึ่งครอบคลุมบันไดทั้งขาขึ้นและลง […]