วอนช่วยเด็กหญิงวัย14 ปี ป่วยเหงื่อออกเป็นเลือด

หนองคาย 29 มี.ค.- เด็กหญิงวัย 14 ปี ชาวหนองคาย เหงื่อออกเป็นเลือด แม่วอนผู้ใจบุญสมทบค่ารักษา 


ด.ญ.พิมพ์มาดา เทียนทอง อายุ 14 ปี หรือ น้องพิมพ์ อยู่บ้านเลขที่ 286 หมู่ 14 บ้านสองห้อง ต.ค่ายบกหวาน อ.เมืองหนองคาย มีอาการเลือดไหลออกทางหูซ้าย โดย มี นางนิภาพร เทียนทอง อายุ 37 ปี ผู้เป็นแม่ คอยดูแล พร้อมทั้งนำใบรับรองแพทย์มาให้ดูด้วย แพทย์โรงพยาบาลศรีนครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ระบุว่าเป็นโรคเหงื่อเป็นเลือด และลมชัก                  


ด.ญ.พิมพ์มาดา เล่าว่า เมื่อเดือนพฤษภาคม 2558 มีอาการร้อนตามหู ตา จมูก จากนั้นไม่นานก็มีเลือดไหลออกมา เป็นอยู่ประมาณ 1 เดือน ก็หายไป ต่อมาเดือนมกราคม 2559 กลับมาเป็นอีก ครั้งนี้เลือดออกหู ตาซ้าย จมูกทั้งสองข้าง ตามซอกเล็บ และเหงื่อออกเป็นเลือด เป็นอยู่อย่างนี้เกือบทุกวันตลอดเดือนมกราคม แล้วก็หายไปอีก แม่ได้พาไปตรวจที่โรงพยาบาลหนองคาย ก็ไม่สามารถระบุความผิดปกติได้ แพทย์แนะนำให้ไปที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น 


จนกระทั่งเดือนมกราคม 2560 กลับมามีเลือดออกตามบริเวณดังกล่าวอีกครั้ง คราวนี้เป็นแทบทุกวัน ทุกครั้งจะมีอาการร้อนตามบริเวณที่เลือดออก เวลาเลือดไหลก็จะปวด แม้แต่ตอนนอนหลับก็มีเลือดไหลออกจากตาซ้าย และทางหูอยู่เป็นประจำ แม่จึงพาไปตรวจที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ แพทย์บอกว่าเป็นอาการเหงื่อเป็นเลือด ต้องรักษาตามอาการ เวลาเลือดออกก็ให้ใช้ผ้าซับและน้ำเย็นประคบ ไม่มียาทาน พร้อมทั้งให้ไปพบจิตแพทย์เยียวยาสภาพจิตใจร่วมด้วย เนื่องจากช่วงแรกที่เป็นค่อนข้างวิตก เวลาไปเรียนแล้วมีเลือดออก เพื่อนก็จะล้อว่าเป็นแม่มด หรือบอกว่าตนเองเรียกร้องความสนใจ ซึ่งตนเองก็ไม่ได้แก้ตัวอะไรกับเพื่อน จนทำให้ไม่ค่อยมีเพื่อน บางครั้งที่มีเลือดไหลก็มีอาการลมชักด้วย ครูต้องเรียนรถพยาบาลพากลับบ้านบ่อยๆ จนเรียนไม่ทันเพื่อน ครูที่โรงเรียนเดิมซึ่งเป็นโรงเรียนประจำจังหวัด แนะนำให้ย้ายโรงเรียนให้มาเรียนใกล้บ้าน ตอนนี้กำลังจะขึ้น ม.3 แม่จึงไปทำเรื่องขอย้ายมาที่โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 14

ด้านนางนิภาพรกล่าวว่า ตนเองพาลูกสาวไปหมอแต่ละครั้ง ก็จะมีค่าใช้จ่ายครั้งละ 4,000-6,000 บาท ส่วนใหญ่เป็นค่าเดินทางจาก จ.หนองคาย ไป จ.ขอนแก่น หมอแนะนำว่าให้รักษาตามอาการ ซึ่งตามใบรับรองแพทย์ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ระบุว่าเป็นโรคเหงื่อเป็นเลือดและลมชัก โรคนี้มีคนเป็นน้อยแต่ก็มีโอกาสหายเป็นปกติ แต่ต้องใช้เวลา มีคนแนะนำให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช ก็อยากจะพาลูกไปแต่ติดเรื่องค่าใช้จ่าย ลำพังตนเองกับครอบครัวขายไก่ย่างส้มตำ รายได้ไม่มาก จึงอยากวอนผู้ใจบุญช่วยสมทบค่ารักษาลูกสาว เพราะสงสารลูกมาก เคยพาลูกไปหาพระ และร่างทรง นึกว่าเป็นเวรกรรมแต่ชาติปางก่อนต้องมารับเคราะห์ในชาตินี้ก็ไปทำบุญสะเดาะเคราะห์หลายที่ แต่ก็ยังไม่หาย

ซึ่งทางสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์จังหวัดหนองคาย และทางท้องถิ่น ได้ออกเยี่ยม และมอบเงินช่วยเหลือเป็นการเบื้องต้น สำหรับผู้ที่ต้องการช่วยเหลือการรักษาพยาบาล ด.ญ.พิมพ์มาดา เทียนทอง สมทบเงินบริจาคได้ที่บัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาเทสโก้โลตัสท่าบ่อ ชื่อบัญชี นางนิภาพร เทียนทอง เลขที่ 781-0-11391-7.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง