บรัสเซลส์ 31 พ.ค. – ผู้นำของสหภาพยุโรป หรืออียู เห็นพ้องในการระงับการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียคิดเป็นสัดส่วนกว่า 2 ใน 3 จากปริมาณนำเข้าทั้งหมด ในขณะที่กองทัพยูเครนกับรัสเซียกำลังเปิดฉากสู้รบกันในพื้นที่รอบนอกเมืองซีวีโรโดเนตสก์ ซึ่งเป็นเมืองสุดท้ายที่ยังอยู่ภายใต้การปกครองของยูเครนในภูมิภาคลูฮันสก์ของแคว้นดอนบาส ทางตะวันออกของยูเครน
นายชาร์ลส์ มิเชล ประธานคณะมนตรียุโรป เผยเมื่อวันจันทร์ตามเวลาในเบลเยียมว่า ผู้นำของอียูได้ลงมติแบนการนำเข้านำมันจากรัสเซียในระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำอียูที่กรุงบรัสเซลส์ของเบลเยียม โดยมีผลบังคับใช้ในทันทีต่อการระงับนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียในสัดส่วนกว่า 2 ใน 3 หรือคิดเป็นกว่าร้อยละ 60 ซึ่งถือเป็นการตัดแหล่งรายได้สำคัญของรัสเซีย และเป็นการใช้มาตรการคว่ำบาตรครั้งรุนแรงที่สุดต่อรัสเซียนับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากบุกโจมตียูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์
นายมิเชลยังระบุว่า ผู้นำอียูได้ลงมติเห็นชอบให้ตัดธนาคารสเบอร์แบงก์ (Sberbank) ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่ที่สุดของรัสเซีย ออกจากระบบธุรกรรมโอนเงินระหว่างประเทศ (SWIFT) และประกาศคว่ำบาตรสถานีวิทยุและโทรทัศน์ของทางการรัสเซียเพิ่มอีก 3 แห่ง นอกจากนี้ ผู้นำของอียู ซึ่งมีประเทศสมาชิก 27 ประเทศ ยังเห็นพ้องต้องกันว่า จะระงับการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 90 ภายในสิ้นปีนี้ ยกเว้นฮังการี ซึ่งเป็นประเทศที่ไม่มีพรมแดนติดทะเลและต้องพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียเป็นหลัก ทำให้คณะผู้นำอียูรู้สึกวิตกกังวลว่าการแบนน้ำมันดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของฮังการี
ประกาศดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่กองทัพรัสเซียยังคงเปิดฉากโจมตีแคว้นดอนบาส ซึ่งประกอบด้วยภูมิภาคลูฮันสก์และโดเนตสก์ อย่างหนักหน่วงเพื่อหวังยึดพื้นที่ให้ได้ทั้งหมด ขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ระบุว่า สถานการณ์ในแคว้นดอนบาสกำลังเป็นไปอย่างยากลำบาก ก่อนหน้านี้ ยูเครนได้ออกมาเรียกร้องให้ชาติตะวันตกส่งอาวุธโจมตีระยะไกลให้ยูเครนเพิ่มขึ้น แต่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ระบุว่า สหรัฐจะไม่ส่งเครื่องยิงจรวดที่สามารถยิงได้ไกลถึงรัสเซียให้แก่ยูเครน ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่รองประธานคณะมนตรีความมั่นคงของรัสเซียมองว่าเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผล.-สำนักข่าวไทย