อดีตทหารเกณฑ์ยิงอดีตแฟนสาว-หนุ่มแฟนใหม่ดับคาบ้าน

กรุงเทพฯ 24 พ.ค.- อดีตทหารเกณฑ์ควงปืนบุกยิงอดีตแฟนสาว และหนุ่มแฟนใหม่ เสียชีวิตคาบ้านในชุมชนสระแก้ว ริมทางรถไฟพระราม 6 ก่อนหลบหนีไป ตำรวจเร่งติดตามตัวดำเนินคดี


เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 06.30 น. ภายในบ้านพักแห่งหนึ่ง บ้านพักการรถไฟแห่งประเทศไทย ในชุมชนสระแก้ว เขตราชเทวี กรุงเทพฯ ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ 2 ชั้นแบ่งซอยหลายห้อง ตำรวจ สน.พญาไท พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และแพทย์ชันสูตรโรงพยาบาลรามาธิบดี เข้าตรวจสอบเก็บพยานหลักฐานในจุดเกิดเหตุ พบศพผู้เสียชีวิต 2 คนนอนอยู่ใกล้กัน คือ นายกรกฎ หมื่นปราบ อายุ 25 ปี และนางสาวฟ้า อายุ 24 ปี มีบาดแผลถูกยิงตามร่างกาย 4-5 นัด

สอบสวนนายอนุพล น้าชายของผู้เสียชีวิตที่อยู่ห้องติดกัน เล่าว่า ช่วงเช้าตรู่ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นภายในห้องประมาณ 5 นัด เมื่อเปิดออกมาดูก็พบว่าทั้งของคนถูกยิงตามร่างกายจนเสียชีวิตแล้ว โดยก่อนเกิดเหตุไม่มีเสียงการต่อสู้หรือการทะเลาะวิวาทมีปากเสียงกัน เชื่อว่าคนร้ายตั้งใจเข้ามาก่อเหตุโดยเฉพาะ ส่วนตัวคนชี้เป้าทราบว่าเป็นวัยรุ่นอายุประมาณ 19 ปี ที่อาศัยอยู่ภายในชุมชน และไม่ทราบว่าเหตุใดคนชี้เป้าจึงพาคนร้ายเข้ามาก่อเหตุดังกล่าว


ตำรวจ สน.พญาไท สอบปากคำพยาน ทราบว่า นางสาวฟ้า ขอเลิกกับผู้ก่อเหตุ คือ อดีตพลทหารมรกต หรือเชิ้ต อายุ 24 ปี อดีตทหารเกณฑ์สังกัดกองทัพอากาศ และหนีมาพักอาศัยกับนายกรกฎ ที่บ้านหลังดังกล่าวได้ระยะหนึ่งแล้ว เนื่องจากทนถูกทำร้ายร่างกายไม่ไหว ต่อมาพลทหารมรกต มาติดตามหาตัวนางสาวฟ้า ในชุมชนดังกล่าวหลายครั้ง จนกระทั่งมีคนในชุมชนทำหน้าที่เป็นคนชี้เป้านำพาผู้ก่อเหตุมาที่บ้านหลังดังกล่าว ก่อนที่คนร้ายจะใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียชีวิตทั้งสองคนจนเสียชีวิตภายในห้อง ก่อนจะหลบหนีไป

ด้าน พ.ต.อ.บวรภพ สุนทรเลขา ผู้กำกับการ สน.พญาไท เปิดเผยว่า ขณะนี้ทราบตัวผู้ก่อเหตุแล้วว่าเป็นใคร และพอทราบสถานที่ที่คนร้ายจะหลบหนีไปซ่อนตัว อยู่ระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดี ทั้งนี้ เบื้องต้นทราบว่าผู้ก่อเหตุจงใจมาเพื่อทำร้ายผู้เสียชีวิตโดยเฉพาะ เนื่องจากการสอบปากคำพยานไม่พบว่ามีการต่อสู้หรือมีปากเสียงกัน จากการตรวจสอบบาดแผลของผู้เสียชีวิตทั้งสองคนพบว่าฝ่ายชายถูกยิงด้วยกระสุน 11 มม. 6 นัด ตามร่างกาย ส่วนฝ่ายหญิงถูกยิงตามศีรษะ ลำตัว 2 นัด และพบเขม่าที่มือของฝ่ายหญิง

เบื้องต้นชุดสืบสวน สน.พญาไท จะรวบรวมพยานหลักฐานในจุดเกิดเหตุและภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อใช้ในการติดตามจับกุมตัวคนร้าย และจะประสานต้นสังกัดผู้ก่อเหตุ หากกลับไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่ต้นสังกัด ส่วนตัวผู้นำพาคนร้ายไปก่อเหตุ ขณะนี้ได้กันตัวไว้เป็นพยานแล้ว 3 คน และอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะดำเนินคดีในข้อหาใดหรือไม่.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง