กรุงเทพฯ 17 พ.ค.-วัตถุดิบขยับราคา ท่ามกลางแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น แบงก์เข้มงวดสินเชื่อบ้าน “เสนา”เตรียมขยับราคาบ้าน10 % ออกสินเชื่อบ้านและลุยโซลาร์รูฟท็อป ด้านปั๊มพีทีออกแคมเปญลูกค้าปั๊มน้ำมัน-แอลพีจี ซื้อปาล์มขวด”60 บาท”
นส.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA เปิดเผยว่าจากการที่รัฐบาลเริ่มนโยบายการเปิดประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมาอย่างเต็มรูปแบบคาดว่าจะส่งผลให้การท่องเที่ยวของไทยทยอยฟื้นตัว ซึ่งจะส่งต่อภาวะเศรษฐกิจไทย ในปี 2565 ปรับตัวดีกว่าในปีที่ผ่านมา โดยจะเห็นชัดเจนในช่วงไตรมาส 3-4 อย่างไรก็ตาม สิ่งที่กังวลคือในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้าภาวะค่าครองชีพของประชาชนจะสูงขึ้นจากระดับราคาสินค้า ค่าพลังงานที่ปรับเพิ่มดังนั้นช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า ต้องกัดฟันสู้กันและมั่นใจว่ารัฐบาลน่าจะออกมาตรการมาดูแลประชาชาชนโดยรวมเพิ่มเติม เช่นเดียวกับต้นทุนของภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นแล้วเฉลี่ยประมาณ 10%
นส.เกษรา กล่าวว่า ในส่วนของเสนาฯ อาจจะมีการปรับเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 3 ราว 10% ปัจจุบันเสนาฯ ได้ออกแคมเปญต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละกลุ่มลูกค้า รวมถึงการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคา เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับลูกบ้านประกอบกับแนวโน้มดอกเบี้ยที่จะเพิ่มขึ้นอีก และการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยของสถาบันการเงินต่างๆ ก็เข้มงวดมากอยู่แล้วจะเห็นได้จากลูกค้าถูกปฏิเสธการขอสินเชื่อกว่า 40-50% เพราะมีหนี้สินครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นเสนาฯ จึงได้จัดตั้ง บริษัท Podwer Cash ธุรกิจบริการสินเชื่อส่วนบุคคลเพื่อซื้อบ้านและคอนโดมิเนียม เพื่อให้ลูกค้าทุกคนสามารถมีที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น
สำหรับรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นมาก กระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่มคนทำงานที่มีฐานเงินเดือน 20,000-30,000 บาทต่อเดือน หากซื้อที่อยู่อาศัยต้องห่างไกลจากตัวเมือง เมื่อคิดค่าเดินทางคงไม่คุ้ม ส่งผลให้กลุ่มคนดังกล่าวชะลอหรือไม่คิดซื้อที่อยู่อาศัย ซึ่งกระทบต่อภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ของไทย ส่วนต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่ปรับราคามาแล้ว เช่น เหล็กก่อสร้างที่ปรับขึ้นจากกิโลกรัมละ 22 บาท เพิ่มเป็น 28 บาท รวมถึงคอนกรีตและสินค้าอื่นๆ ที่เป็นการซ้ำเติมภาคอสังหาฯ จากก่อนหน้านี้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่ทำให้ต้นทุนด้านแรงงานสูงขึ้นไปก่อนแล้ว ปัจจุบันเสนาฯมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายรวมทั้งสิ้น 90 โครงการ คิดเป็นมูลค่า 52,617 ล้านบาท โดยในปี2565 มีโครงการใหม่ 49 โครงการ คิดเป็นมูลค่า 27,480 ล้านบาท
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยถึงราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวดที่ปรับตัวสูงขึ้นในขณะนี้ว่า PTG ในฐานะผู้ให้บริการในธุรกิจพลังงานครบวงจรในประเทศไทย ขอเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือค่าครองชีพให้ประชาชน นำผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มแบรนด์ “มีสุข” ขนาด 1 ลิตร มาจำหน่ายในราคาขวดละ 60 บาท (จากราคาปกติ 68 บาท) เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและช่วยลดค่าครองชีพให้กับผู้บริโภค โดยสมาชิก Max Card ที่เติมน้ำมันทุกชนิด หรือ LPG (ไม่มีขั้นต่ำ) สามารถแลกซื้อน้ำมันปาล์ม “มีสุข” ในราคาขวดละ 60 บาท โดยจำกัดสิทธิ์แลกซื้อ 2 ขวด/สมาชิก/วัน ณ สถานีบริการ PT ทั่วประเทศที่ร่วมรายการ เริ่มตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2565 (หรือจนกว่าของจะหมด).-สำนักช่าวไทย