กรุงเทพฯ 12 ก.ย.-SENAหนุนแนวคิด”บิ๊กป้อม” ติด โซลาร์ รับยุคค่าไฟแพง ลุยศึกษาเทคโนโลยีรับเทรนด์พลังงานสะอาดตอบโจทย์ประหยัดรายจ่ายให้ผู้บริโภค ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
นางสาวเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA เปิดเผยว่า เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งกับนโยบายพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ที่ให้หน่วยงานรัฐเร่งแก้ปัญหาระเบียบและส่งเสริมให้ประชาชนติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปเพื่อลดค่าไฟฟ้าที่แพงขึ้น
ซึ่งในขณะนี้มีหลายแนวทางที่ต้องเร่งการแก้ไขเช่นแก้หลักเกณฑ์การรับซื้อไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลวง(กฟน.)ให้เหมือนกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค.(กฟภ.)โดยยกเลิกข้อกำหนดการรับซื้อไม่ถึง 15 % ของพิกัดหม้อแปลงก็นับว่าจะเป็นการจูงใจให้ประชาชนติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปเพิ่มขึ้น
“ค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) งวดก.ย.-ธ.ค. 65 ที่ปรับขึ้น 68.66 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟรวมเฉลี่ยที่ประชาชนต้องจ่ายอยู่ที่ 4.72 บาทต่อหน่วยถือว่าเป็นอัตราสูงสุดย่อมทำให้การติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปตอบโจทย์การประหยัดพลังงานให้กับประชาชนและผู้ประกอบการได้” นางสาวเกษรากล่าว
นางสาว.เกษรากล่าวว่าที่ผ่านมาเสนาให้ความสำคัญการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปและพิสูจน์แล้วว่าประหยัดได้จริง และดูแลสิ่งแวดล้อมซึ่งอนาคตพลังงานกำลังจะเปลี่ยนผ่านทั่วโลกมุ่งลดการใช้ฟอสซิลไปสู่พลังงานสะอาด ซึ่งจากการที่รัฐบาลได้ปรับราคารับซื้อ
โซลาร์ภาคประชาชนประเภทบ้านอยู่อาศัย พ.ศ. 2565
จาก 1.68 บาทต่อหน่วย เป็น 2.20 บาทต่อหน่วย ทำให้มีความคุ้มค่ามากขึ้นโดยเสนาจะผลักดันให้ลูกบ้านเสนอขายไฟส่วนที่เหลือให้กับรัฐเพิ่มเติมจากที่ผ่านมาเสนอขายไฟส่วนเกินให้กับลูกบ้านผ่านโครงการนี้ ตั้งแต่ปี 2564 ถึงขณะนี้ยื่นแล้ว 295 ราย คิดเป็น 891.67 กิโลวัตต์
พร้อมกันนี้เสนายังอยู่ระหว่างการทดลองโครงการ ERC Sandbox กับกฟน.เพื่อพัฒนานวัตกรรมในธุรกิจพลังงานสะอาดร่วมกัน เพื่อให้การบริหารจัดการรับซื้อไฟฟ้าเข้าสู่ระบบไปอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย.. โดยระบบนี้เป็นการเชิญชวนลูกบ้านทดลองขายและซื้อไฟฟ้าส่วนเกินจากระบบกลางด้วยระบบสำรองไฟฟ้าโดยค่าไฟฟ้าที่ขายราคากว่า2บาท/หน่วยก็นับว่าเป็นราคาถูกและจูงใจเมื่อเทียบกับไฟฟ้าในระบบที่4.72 บาทต่อหน่วย..
บริษัทให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมด้านพลังงานสะอาดและธุรกิจต่อเนื่องผ่านบริษัเสนาโซลาร์ เอนเนอร์ยี่จำกัด บริษัทในเครือที่ดำเนินธุรกิจติดตั้งโซลาร์ฯ ให้คำปรึกษาและบริการหลังการขายแบบครบวงจร และยังมีแผนต่อยอดธุรกิจด้านพลังงานเพื่อตอบโจทย์ไลฟสไตล์ของลูกบ้าน เช่น การติดตั้ง Solar Scale-Up ช่วยให้ลูกบ้านสามารถปรับ-เพิ่มจำนวน แผง Solar ได้ตามลักษณะการใช้งานของเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน อีกทั้งยังสามารถเลือกช่วงเวลาของการใช้ไฟฟ้าได้ตามพฤติกรรมของผู้อยู่อาศัยภายในบ้าน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยประหยัดค่าไฟฯลฯขณะเดียวกันยังอยู่ระหว่างการศึกษาเทคโนโลยีใหม่ เพื่อนำไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดมาใช้ในส่วนกลางสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายของลูกบ้าน โดยตั้งเป้าหมายให้เป็นคอมมูนิตี้ สังคมสีเขียว
ขณะเดียวกันยังร่วมกับ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมของหัวเว่ย ที่จะมาช่วยพัฒนาโครงการต่างๆ ของเสนาในการประยุกต์ใช้พลังงานสะอาด อาทิ SMART PV INVERTER ซึ่งเป็นอุปกรณ์แปลงไฟฟ้ากระแสตรงเป็นกระแสไฟฟ้าสลับมีโซลูชันอินเวอร์เตอร์ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถใช้งานกับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านได้ในช่วงเวลากลางวัน และ PID Recovery เป็นตัวช่วยฟื้นฟูเพิ่มประสิทธิภาพ และลดการเสื่อมสภาพของแผงโซลาร์เซลล์ รวมทั้งนำฟังก์ชัน AFCI ป้องกันการเกิดไฟไหม้ ด้วยการตัดวงจรแบบอัตโนมัติมาใช้ในโครงการ
ทั้งนี้ เสนาได้ติดตั้งโซลาร์รูปท็อปบนหลังคาให้กับลูกบ้านทุกโครงการ ทั้งบ้านเดี่ยว และในพื้นที่ส่วนกลางของคอนโดมิเนียม มาตั้งแต่ปี 2558 ปัจจุบันมีบ้านที่ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปแล้ว จำนวน 47 โครงการ กว่า 700 หลังคาเรือน คิดเป็นการผลิตไฟฟ้ากว่า 2,000 กิโลวัตต์
สำหรับผลดำเนินการของธุรกิจโซลาร์ ในช่วง 6 ที่ผ่านมาของปีนี้ มีรายได้รวม 212.47 ล้านบาท แบ่งเป็นโซลาร์ฟาร์ม198.59 ล้านบาท คิดเป็น 93.5% Solar EPC 9.04 ล้านบาท คิดเป็น 4.3% Solar Warehouse 3.28 ล้านบาท คิดเป็น 1.5% Solar Cell Rental 1.56 ล้านบาท คิดเป็น 0.7% โดยธุรกิจโซลาร์สามารถทำกำไรขั้นต้นได้ถึง 56% ขณะที่ยอดขายของเสนาในช่วงครึ่งปีแรก อยู่ที่ 5,481 ล้านบาท มีรายได้รวม 2,568 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย