ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล 9 พ.ค.- เครือข่ายสถานบันเทิงฯ จี้ ‘พล.อ.ประยุทธ์’ เลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ-พ.ร.บ.โรคติดต่อ ชงเปิดสถานบันเทิงพื้นที่นำร่อง 28 จังหวัด เตรียมพร้อมรับนักท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่น เร่งคลายล็อกชิงส่วนแบ่งการท่องเที่ยวจากประเทศอื่น
นายสง่า กล่าวว่า จากการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคของรัฐอย่างเคร่งครัด ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อผู้ประกอบการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรการปิดกิจการ จำกัดการเดินทาง จำกัดเวลาและรูปแบบกิจการกิจกรรม และจำกัดจำนวนคน รัฐบาลมีเป้าหมายการประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 และได้ดำเนินการปรับปรุงมาตรการและข้อจำกัดการเดินทางเข้าราชอาณาจักร การปรับระดับพื้นที่สถานการณ์เหลือเพียงพื้นที่เฝ้าระวังสูงและพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว และการขยายเวลาการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารจนถึง 24.00 น. นั้น ถือเป็นการดำเนินการสำคัญในการประกาศความพร้อมของประเทศไทยต่อการเปิดรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก และส่งผลให้เกิดการกระตุ้นการบริโภคและการเพิ่มการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยวและผู้บริโภคภายในประเทศ
นายสง่า กล่าวว่า ทางเครือข่ายฯ ขอให้ยืนยันการประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 พร้อมเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ โดยพิจารณาการบูรณาการการใช้กฎหมายปกติ อย่างมีประสิทธิภาพ โดยขอให้ยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และพ.ร.บ.โรคติดต่อ เพราะการคงพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จะกระทบต่อการซื้อประกันของนักท่องเที่ยว ส่วนหากยังมีพ.รบ.โรคติดต่อ จะทำให้คนจะไม่กล้าเข้าประเทศ นอกจากนี้ ขอให้ยกเลิกมาตรการลงทะเบียนใน Thailand Pass สำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยในทุกช่องทาง รวมถึงประชาสัมพันธ์เป็นการล่วงหน้าก่อนการเปิดประเทศเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและจูงใจให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงและกลุ่มไมซ์ (MICE: Meeting, Incentive, Conventions and Exhibitions) กลับมาเยือนประเทศไทยอีกครั้ง รวมถึงอนุญาตให้เปิดกิจการสถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ ที่ได้รับรองมาตรฐาน SHA Plus หรือ Thai Stop COVID 2 Plus และผ่านการตรวจประเมินโดยคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครหรือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด โดยระยะทดลอง ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 เฉพาะในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว 28 จังหวัด โดยแบ่งเป็นเปิดให้บริการได้ทั่วทุกพื้นที่ 16 จังหวัด และเปิดในบางพื้นที่ 12 จังหวัด รวมทั้งเปิดดำเนินการทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 เป็นต้นไป เชื่อว่าหากภาครัฐเห็นด้วยกับข้อเสนอที่นำเสนอในวันนี้ จะช่วยเรียกความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจท่องเที่ยวของประเทศให้กลับคืนมาเข้มแข็งได้อีกครั้ง จึงอยากให้รัฐบาลเห็นใจผู้ประกอบการกลุ่มนี้ด้วย นายสง่า กล่าวว่า เมื่อเปิดประเทศแล้วก็ควรจะเปิดสถานบันเทิงต่างๆ เพราะธุรกิจสถานบันเทิงกลางคืน เป็นหนึ่งตัวชูโรงที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาประเทศไทย ดังนั้นเราต้องชิงส่วนแบ่งเค้กด้านการท่องเที่ยวจากประเทศอื่นให้เร็วที่สุด.-สำนักข่าวไทย