4 พฤษภาคม 2565
ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย: Science Feedback (สหรัฐอเมริกา)
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: พีรพล อนุตรโสตถิ์, อดิศร สุขสมอรรถ
ประเภทข่าวปลอม: ข้อมูลเท็จ
บทสรุป:
- ไวรัส HIV สายพันธุ์ VB ถูกค้นพบตั้งแต่ปี 1998 ก่อนการคิดค้นวัคซีนโควิด 19 ถึง 2 ทศวรรษ
- ผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่าไม่มีวัคซีนชนิดไหนทำให้ผู้รับวัคซีนเสี่ยงต่อการป่วยเป็นโรค AIDS
ข้อมูลที่ถูกแชร์:
มีข้อมูลเท็จเกี่ยวกับไวรัส HIV และวัคซีนโควิด 19 เผยแพร่ในสหรัฐอเมริกา โดย อเล็กซ์ โจนส์ นักจัดรายการวิทยุผู้มีประวัติเผยแพร่ทฤษฎีสมคบคิด อ้างผ่านรายการ The Alex Jones Show ว่าไวรัส HIV สายพันธุ์ VB ที่พบการแพร่ระบาดในประเทศเนเธอร์แลนด์ แท้จริงแล้วคืออาการภูมิคุ้มกันบกพร่องของผู้ฉีดวัคซีนโควิด 19 ซึ่งทางการพยายามปกปิด นอกจากนี้ยังมีการแชร์ข้อความว่าวัคซีนโควิด 19 ทำลายระบบภูมิคุ้มกัน และทำให้ผู้รับวัคซีนมีอาการป่วยคล้ายผู้ป่วยโรค AIDS ซึ่งเป็นอาการที่เรียกว่า VAIDS
FACT CHECK: ตรวจสอบข้อเท็จจริง:
หน่วยงานศึกษาความสัมพันธ์ด้านระบาดวิทยาและวิวัฒนาการของเชื้อไวรัส HIV ในภาคพื้นยุโรปและยูกันดา (BEEHIVE) พบการแพร่ระบาดของไวรัส HIV สายพันธุ์ VB ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ปี 2022 โดยผู้วิจัยพบว่า ไวรัสสายพันธุ์ VB มีการกลายพันธุ์จากไวรัสสายพันธุ์เดิมมากกว่า 250 แห่ง โดยผู้ติดเชื้อจะมีปริมาณไวรัสในร่างกายมากกว่าไวรัส HIV สายพันธุ์อื่นๆ และทำให้เซลล์เม็ดเลือดขาวชนิด CD4+ T cell ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมและต่อสู้กับเชื้อไวรัสลดปริมาณลงอย่างรวดเร็ว ประเมินว่าการติดเชื้อไวรัส HIV สายพันธุ์ VB จะทำให้ผู้ป่วยเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือ AIDS ได้เร็วกว่าสายพันธุ์เดิมถึง 2 เท่า
หลักฐานทางวิทยาศาสตร์พบการติดเชื้อไวรัส HIV ในมนุษย์ประมาณทศวรรษที่ 1920 ถึง 1930 ซึ่งการศึกษาสารพันธุกรรมหรือจีโนมของไวรัส HIV สายพันธุ์ VB พบว่าเป็นสายพันธุ์ที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 1998
ความแตกต่างระหว่างการติดเชื้อไวรัส HIV ทั่วไปกับไวรัส HIV สายพันธุ์ VB สามารถพบได้จากปริมาณเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิด CD4+ T cell
ในคนปกติจะมีปริมาณเม็ดเลือดขาวชนิด CD4+ T cell ประมาณ 500 ถึง 1,600 เซลล์/มม. ส่วนผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีระดับ CD4+ T cell ต่ำกว่า 200 เซลล์/มม. เข้าข่ายเป็นผู้ป่วย AIDS และเสี่ยงเกิดภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
ผู้วิจัยพบว่า ผู้ติดเชื้อ HIV ที่ไม่เข้ารับการรักษาใดๆ ปริมาณ CD4+ T cell จะลดลง 49 เซลล์/มม.ต่อปี แต่ผู้ติดเชื้อ HIV สายพันธุ์ VB ปริมาณ CD4+ T cell จะลดลง 98 เซลล์/มม.ต่อปี หรือลดลงเร็วกว่าเดิม 2 เท่า
การค้นพบไวรัส HIV สายพันธุ์ VB ส่งผลต่อแนวทางการรักษาผู้ติดเชื้อ HIV โดยตรง โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้ผู้ที่มีระดับ CD4+ T cell น้อยกว่า 350 เซลล์/มม. เข้ารับการรักษาด้วยการใช้ยาต้านไวรัส
ผู้ติดเชื้อ HIV ส่วนใหญ่จะต้องใช้เวลาประมาณ 3 ปีกว่าระดับ CD4+ T cell จะลดลงต่ำกว่า 350 เซลล์/ม.ม. แต่ผู้ติดเชื้อ HIV สายพันธุ์ VB จะมีปริมาณ CD4+ T cell ต่ำกว่า 350 เซลล์/ม.ม. ภายในเวลาน้อยกว่าหนึ่งปี ดังนั้นผู้ติดเชื้อ HIV สายพันธุ์ VB จึงจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาแต่เนิ่นๆ
ข่าวลือที่ว่า ผู้ติดเชื้อไวรัส HIV สายพันธุ์ VB แท้จริงแล้วคือผู้ป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่องจากการฉีดวัคซีนโควิด 19 ไม่เป็นความจริง เนื่องจากนักวิจัยพบการมีอยู่ของไวรัส HIV สายพันธุ์ VB ตั้งแต่ปี 1998 ก่อนการระบาดของโควิด 19 และการผลิตวัคซีนโควิด 19 ถึง 2 ทศวรรษ
อเล็กซ์ โจนส์ ยังอ้างว่า ไวรัส HIV สายพันธุ์ VB สามารถแพร่เชื้อทางอากาศได้ ซึ่งแท้จริงแล้ว ไวรัส HIV จะแพร่เชื้อผ่านทางสารคัดหลั่งในร่ายกายเท่านั้น เช่น เลือด, น้ำอสุจิ, สารคัดหลั่งในช่องคลอด, น้ำนมแม่ ฯลฯ แต่ไม่สามารถแพร่เชื้อทางอากาศได้
ในประเทศอังกฤษยังมีการอ้างว่า กิจกรรมสัปดาห์ตรวจเชื้อ HIV แห่งชาติ ที่เริ่มเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ 2022 เป็นงานที่จัดให้ผู้ป่วยจากการฉีดวัคซีนโควิด 19 มาตรวจหาเชื้อ HIV โดยเฉพาะ อย่างไรก็ดี กิจกรรมสัปดาห์ตรวจเชื้อ HIV แห่งชาติของอังกฤษ เป็นงานประจำปีที่จัดมาตั้งแต่ปี 2011 ก่อนการคิดค้นวัคซีนโควิด 19 นับทศวรรษ
ในสื่อสังคมออนไลน์มีการอ้างว่า ผู้ที่ฉีดวัคซีนโควิด 19 แล้ว ระบบภูมิคุ้มกันจะถูกทำลาย จนมีอาการคล้ายกับผู้ป่วยโรค AIDS โดยเรียกอาการนี้ว่า VAIDS หรือ Vaccine Acquired Immunodeficiency Syndrome
แกรนท์ แม็คฟาเดน ผู้อำนวยการศูนย์ไบโอดีไซน์เพื่อภูมิคุ้มกันวิทยา, วัคซีน และการบำบัดด้วยไวรัส มหาวิทยาลัย Arizona State University อธิบายว่า VAIDS ไม่ใช่อาการที่มีอยู่จริง โรค AIDS หรือ Acquired Immunodeficiency Syndrome คืออาการที่ผู้ติดเชื้อไวรัส HIV มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง เนื่องจากเซลล์เม็ดเลือดขาวถูกทำลาย ทำให้ร่างกายเสี่ยงต่อการติดเชื้อและป่วยเป็นโรคต่างๆ ได้ง่ายกว่าปกติ นอกจากนี้ยังยืนยันว่าไม่มีวัคซีนชนิดใดที่เพิ่มความเสี่ยงการเป็นโรค AIDS
มีการประเมินว่านับตั้งแต่ไวรัส HIV (human immunodeficiency virus) แพร่ระบาด มีผู้ติดเชื้อไวรัส HIV ทั่วโลกแล้วกว่า 80 ล้านคน และมีผู้ติดเชื้อที่เสียชีวิตจากโรค AIDS กว่า 36 ล้านคน
การวิจัยเกี่ยวกับไวรัส HIV ที่ก้าวหน้าในปัจจุบัน ช่วยยืดอายุขัยผู้ติดเชื้อมากกว่าในอดีต แต่การแพร่ระบาดก็ยังดำเนินต่อไป โดยปี 2020 พบว่ามีผู้ติดเชื้อ HIV รายใหม่กว่า 1.5 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตเพราะโรค AIDS กว่า 6 แสนคน
แม้ไวรัส HIV สายพันธุ์ VB จะทำให้ผู้ติดเชื้อมีปริมาณไวรัสในร่างกายมากกว่าและระบบภูมิคุ้มกันถูกทำลายรวดเร็วกว่าการติดเชื้อ HIV สายพันธุ์อื่นๆ แต่การรักษาผู้ป่วย HIV ในปัจจุบันยังใช้ได้ผลกับผู้ติดเชื้อ HIV สายพันธุ์ VB เช่นเดิม
นอกจากนี้อัตราการติดเชื้อไวรัส HIV ทั่วโลกยังลดลงทุกปี โดยพบว่าในปี 2020 มีผู้ติดเชื้อ HIV น้อยกว่าปี 2010 ถึง 31%
ข้อมูลอ้างอิง:
https://healthfeedback.org/claimreview/covid-19-vaccines-dont-weaken-immune-system-are-unrelated-to-hiv-vb-variant-alex-jones/
https://healthfeedback.org/claimreview/new-highly-virulent-hiv-variant-named-vb-identified-in-the-netherlands-daily-mail/
- หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
- LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
- FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
- Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
- IG :: https://instagram.com/SureAndShare
- Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
- TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare
หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare
สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter