กรุงเทพฯ 14 เม.ย. – “ทนายษิทรา” พาเหยื่อสาวอดีตสมาชิกพรรคการเมืองอีกคน แจ้งความอ้างถูกรองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ลวนลามเพิ่มอีกหนึ่งคดี ด้านตำรวจเผยคดีรองหัวหน้าพรรค โยงลวนลามสาว อาจเข้าข่ายอนาจาร
พลตำรวจตรีไตรรงค์ ผิวพรรณ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เข้าตรวจสอบสำนวนและติดตามความคืบหน้าคดีรองหัวหน้าพรรคการเมืองที่ถูกอ้างว่าลวนลามสาว พร้อมเปิดเผยว่า หลังรับแจ้งความ ตำรวจ สน.ลุมพินี สืบหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมอย่างรวดเร็ว ยืนยันมีหลักฐานกล้องวงจรปิดจากที่เกิดเหตุ ซึ่งถือเป็นวัตถุพยานที่เป็นประโยชน์กับสำนวนคดี กรณีนี้ถือเป็นความผิดฐานกระทำอนาจารต่อหน้าธารกำนัล ซึ่งยอมความไม่ได้ แต่การจะขอศาลอนุมัติออกหมายจับหรือหมายเรียกนั้น ถือเป็นดุลยพินิจของศาล คดีนี้สามารถออกหมายจับได้ แต่หากผู้ก่อเหตุจะมามอบตัวก่อนก็ถือว่าเป็นสิทธิที่จะกระทำได้ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้รับการประสานจากผู้ก่อเหตุเข้ามาให้ปากคำ ยืนยันตำรวจไม่เลือกปฏิบัติ แม้ผู้ถูกกล่าวหาจะมีตำแหน่งใดก็ตาม สำหรับมีผู้เสียหายรายอื่นต้องดูว่าเกิดเหตุที่ไหน หากทราบก็ให้ไปร้องทุกข์กับโรงพักท้องที่ได้
ด้านนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม พา น.ส.เอ (นามสมมติ) อดีตสมาชิกพรรคการเมืองหนึ่ง ซึ่งอ้างว่าเป็นเหยื่อที่เคยถูกอดีตรองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ กระทำอนาจาร แจ้งความกับตำรวจ สน.ลุมพินี เพื่อให้ดำเนินคดีเพิ่มเติม นายษิทรา กล่าวว่า หลังเกิดเรื่องก็มีเหยื่ออีก 5 คน ติดต่อเข้ามากล่าวอ้างว่าถูกลวนลามข่มขืน กรณีนี้เหตุเกิดที่จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเหยื่อเป็นคนทำงานในพรรคเดียวกัน เจ้าตัวเล่าว่าอ้างขณะเกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุไม่มีอาการเมาแต่อย่างใด โดยวันนี้ประสานให้มาแจ้งความที่ สน.ลุมพินี พร้อมนำหลักฐานเป็นรูปภาพขณะเกิดเหตุ และเพื่อนของเหยื่อมาให้ปากคำ
นอกจากนี้ยังมีผู้ระบุอ้างว่าเป็นเหยื่ออีกรายที่เคยเป็นนางแบบ มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักที่เตรียมจะมาแจ้งความด้วย ตนมีภาพที่เตรียมเปิดเผยวันพรุ่งนี้ ส่วนเหตุที่เหยื่อไม่กล้าแจ้งความเพราะหลายคนอยู่กับผู้ก่อเหตุในลักษณะสองต่อสอง เกรงจะไม่มีหลักฐาน แต่ตนจะให้รวบรวมสำนวนเพื่อให้เหยื่อเป็นพยานซึ่งกันและกัน ซึ่งอายุความของคดีนี้มีระยะเวลา 15 ปี ตนทราบมาว่าเหตุที่ผู้ก่อเหตุนัดพบเหยื่อหลายรายที่ร้านอาหารแห่งนี้เพราะคอนโดฯ ผู้ก่อเหตุอยู่ใกล้กัน
น.ส.เอ (นามสมมติ) กล่าวว่า เมื่อปี 2563 ขณะหลังเลิกงานเลี้ยงที่จังหวัดเพชรบุรี นำของไปเก็บท้ายรถ ชายคนก่อเหตุเข้ามาข้างหลังแล้วบีบหน้าอกอย่างแรง ก่อนจับก้นและล้วงของสงวน ตนปัดป้องและบอกให้หยุด เขาก็หยุดเพราะมีคนเดินเข้ามา ตนตกใจมาก และบอกว่าเจ็บ เขาก็ขึ้นรถแล้วออกไปเลย ยืนยันว่าเรารู้จักกันในฐานะพี่น้อง เคยคุยกันปกติ ไม่มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาว หลังเกิดเหตุเขาไลน์มาและโทรศัพท์ชักชวนมาคอนโดฯ ที่กรุงเทพฯ พอตนปฏิเสธไปก็ไม่ได้ชวนอีก นับแต่เกิดเหตุไม่เคยปรึกษาคนในพรรคการเมืองเลย เพราะเราเป็นแค่คนตัวเล็กๆ อาจทำอะไรไม่ได้ เมื่อก่อนตนเป็นสมาชิกพรรค แต่ลาออกมาแล้ว อยากให้ผู้ใหญ่ของพรรคเชื่อพวกตนบ้าง ต้องคืนความยุติธรรมให้เหยื่อด้วย.-สำนักข่าวไทย