ผู้เสียหายร้องเอาผิดหมอทหารเก๊หลอกคบหา สูญเงินหลักล้านบาท

กรุงเทพฯ 16 พ.ย. – หญิงผู้เสียหายร้องเพจร้องสายไหมต้องรอด ถูกหนุ่มวัย 32 ปี อ้างตัวเป็นแพทย์ทหาร หลอกคบหา สูญเงินหลักล้านบาท


นางสาวเนย อายุ 27 ปี และนางสาวเบล อายุ 29 ปี ตัวแทนผู้เสียหายที่ถูกนายแบงค์ อายุ 32 ปี แพทย์ทหารเก๊ หลอกคบหาจนเสียหายรวมกันแล้วหลายล้านบาท ร้องนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เพื่อเอาผิดกับหมอทหารเก๊

นางสาวเนย เล่าว่า ช่วงเดือนตุลาคม 2562 เล่นแอปพลิเคชันหาคู่จนเจอเข้ากับนายแบงค์ และพูดคุยจนตกลงคบกัน โดยตลอดระยะเวลา 5 ปี นายแบงค์อ้างว่าประกอบอาชีพเป็นแพทย์ทหารที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งย่านบางนา มีบางครั้งตนเองไปส่ง-ไปรับ โดยไม่ได้เอะใจอะไร และนายแบงค์ยังให้ตนออกค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเกือบทั้งหมด รวมๆ แล้วมากกว่า 1 ล้านบาท


ต่อมาเริ่มจับได้ว่านายแบงค์ออกรถยนต์และรถจักรยานยนต์ อย่างละ 1 คัน รวมทั้งบัตรเครดิต 8 ใบ วงเงินขั้นต่ำ 100,000 บาท สูงสุด 200,000 บาท โดยผู้ที่ออกให้เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ตนเองเกิดอาการหึงหวง ทำให้มีปากเสียงทะเลาะวิวาทกัน และนายแบงค์ข่มขู่จะทำร้ายร่างกายหลายครั้ง รวมทั้งขู่ว่าจะทำร้ายแมว แต่ทุกครั้งตนไม่เคยแจ้งความ จนสุดท้ายทนไม่ไหวที่ต้องออกค่าใช้จ่ายทุกอย่าง จึงตัดสินใจเลิกกัน

ต่อมานายแบงค์มาคบหากับนางสาวเบล ได้เพียงแค่ 6 เดือน พฤติกรรมของนายแบงค์ก็เหมือนเดิม คือให้ฝ่ายหญิงจ่ายค่าใช้จ่ายประจำวัน อ้างว่านายยังไม่เซ็นให้ ทำให้เงินเดือนยังไม่ออก กระทั่งช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา นายแบงค์ไปบวชที่วัดแห่งหนึ่งใน จ.สระบุรี และชวนตนเองพร้อมผู้หญิงอีก 2 คน ไปร่วมงานบวชด้วย โดยนายแบงค์รวมหัวกับแม่ในการใช้กลอุบายสับราง บอกกับผู้หญิงแต่ละคนว่าเป็นเลขาฯ ส่วนตัว จนตนเองจับได้เมื่อประมาณ 2 เดือนที่แล้วว่านายแบงค์ไม่ได้คบหากับตนเองเพียงคนเดียว และไม่ได้ประกอบอาชีพเป็นแพทย์ จึงมีการขอเลิกรา แต่นายแบงค์ยังไม่ยินยอม โดยข่มขู่จะทำร้ายร่างกาย

ผู้เสียหายทั้งสองคนบอกว่า นายแบงค์มักเลือกเหยื่อที่เป็นหญิงสาวบุคลากรทางการแพทย์ และช่วงเวลาที่คบหากัน นายแบงค์โน้มน้าวให้พาไปทำพิธีกรรมผูกดวงที่ตำหนักแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.สระบุรี โดยอ้างว่าเจ้าตำหนักเป็นพราหมณ์ที่อยู่ในวัง มีการผูกสายสิญจน์ที่แขน ปิดทองที่หน้าผาก และทันทีที่มาทำพิธีต่อชะตาชีวิตของแต่ละคนก็พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ จากมีหน้าที่การงานและการเงินดี ก็เริ่มมีปัญหาในหน้าที่การงานและการเงิน


ด้านนายเอกภพ เปิดเผยว่า เหตุการณ์นี้นายแบงค์เจตนาจะหลอกตั้งแต่แรก ซึ่งเข้าข่ายความผิดฉ้อโกง หลังจากนี้จะประสานไปยัง สภ.สำโรงเหนือ ที่ผู้เสียหายไปแจ้งความมาแล้ว รวมทั้งขอความร่วมมือให้ผู้เสียหายที่ถูกนายแบงค์หลอกติดต่อมาให้ข้อมูลได้ที่เพจสายไหมต้องรอดได้ทุกเมื่อ.-419-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อขอให้ติดคุกจริง

ตรวจสอบสิทธิ์เงินหมื่น

ตรวจสอบสิทธิ์เงินหมื่นคนอายุ 60+ ผ่านแอป “ทางรัฐ” ได้แล้ว

“จิรายุ” ย้ำเงินหมื่นเฟส 2 มอบคนอายุ 60+ รัฐบาลพร้อมโอนไม่มีเปลี่ยนแปลงแล้ววันจันทร์ที่ 27 ม.ค.นี้แน่นอน สามารถตรวจสอบสิทธิ์ผ่านแอป “ทางรัฐ” ได้แล้ววันนี้ ส่วนคนไม่มีสมาร์ทโฟนฝากลูกหลานช่วยด้วย

นายกฯหารือบริษัทยา

นายกฯ ถกบริษัทยา Astrazeneca พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทย

บริษัทยาระดับโลก Astrazeneca หารือนายกฯ ยืนยันไทยยังเป็นพันธมิตรที่ดีมายาวนาน พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่นายกฯ มั่นใจการแพทย์ของไทยติดระดับโลก ยืนยันหลายประเทศทั่วโลกบินมารักษาในไทยจำนวนมาก

ค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน

ค่าฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค.

กรมควบคุมมลพิษ เผยวันนี้ค่าฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค. ประสานทุกหน่วยงานยกระดับการแก้ไขปัญหา พร้อมเตือนประชาชนเฝ้าระวังสุขภาพและปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข