กรุงเทพฯ 12 เม.ย.- อธิบดีกรมควบคุมมลพิษระบุ ดำเนินมาตรการ “จัดระเบียบเผา” อย่างเข้มงวดในช่วงใกล้เริ่มฤดูเพาะปลูกใหม่ เพื่อควบคุมจุดความร้อนที่อาจส่งผลให้ค่าฝุ่น PM2.5 สูงจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ส่วนฝุ่นควันในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตลอดจนเมืองใหญ่บรรเทาได้ด้วยการตรวจสอบคุณภาพเครื่องยนต์เพื่อไม่ให้มีควันดำ โดยวันที่ 13 เม.ย. นี้ ประกาศมาตรฐานควันดำใหม่จะมีผลบังคับใช้
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษกล่าวว่า ในช่วงใกล้เริ่มฤดูฝนมักจะมีการเผาเพื่อเตรียมพื้นที่เพาะปลูกซึ่งอาจทำให้ฝุ่น PM2.5 เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงวันที่ 18-19 เม.ย. เนื่องจากมีแนวโน้มที่จะเกิดสภาพอากาศนิ่งและการยกตัวของอากาศที่ไม่ดี หากจุดความร้อนมีจำนวนมากอาจทำให้ค่าฝุ่นละอองขึ้นสูงโดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือตอนบนและตอนล่างฝั่งตะวันออก รวมถึงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ก่อนหน้านี้กรมควบคุมมลพิษจัดทำระบบบริหารการเผาในที่โล่ง (Burn Check) ซึ่งเป็นระบบลงทะเบียนขออนุญาตบริหารจัดการเชื้อเพลิงในพื้นที่ โดยพิจารณาผ่านศูนย์บัญชาการ (War room) ในระดับอำเภอ ดังนั้นผู้ที่จะเผาในที่โล่งต้องตรวจสอบและขออนุญาตผ่านผู้ใหญ่บ้าน กำนัน อบต. และอำเภอ ซึ่งจะอนุญาตว่า ให้พื้นที่ไหนเผาได้ช่วงเวลาใดเรียกว่า “จัดระเบียบการเผา” หากในช่วงเวลาที่ขออนุญาตมามีฝุ่นละอองและหมอกควันมาก รวมถึงสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย จะให้ชะลอการเผาไว้ก่อนซึ่งเป็นมาตรการสำคัญในการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองที่เกิดจากการเผาในพื้นที่การเกษตรและพื้นที่ป่า โดยสามารถตรวจสอบห้วงเวลาอนุญาตเผาของแต่ละพื้นที่ผ่านแอพพลิเคชั่น Burn Check ได้
สำหรับแหล่งกำเนิดฝุ่น PM2.5 ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลมาจากการขนส่งทางถนน 72.5% ประกอบด้วย รถบรรทุก28 % รถกระบะ 21% รถบัส 7% รถยนต์นั่ง 10% รถมอเตอร์ไซค์ 5% รถตู้ 1.5 % และอื่นๆ 27.5 % เนื่องจากการจราจรคับคั่ง ดังนั้นจึงตรวจรถยนต์ควันดำอย่างจริงจังตามมาตรการ “ตรวจจับ ปรับจริง-ห้ามใช้รถควันดำ
นอกจากนี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ออกประกาศเรื่อง กำหนดมาตรฐานค่าควันดำของรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยการอัด พ.ศ. 2564 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหา PM2.5 ตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” โดยกำหนดค่าความทึบแสงไม่เกิน 30 % จากเดิมไม่เกิน 45 % และค่ากระดาษกรองไม่เกิน 40% จากเดิมไม่เกิน 50% วิธีการตรวจวัดค่าควันดำขณะเครื่องยนต์ไม่มีภาระซึ่งจะมีผลบังคับใช้วันพรุ่งนี้ (13 เม.ย.) จึงขอให้ผู้ประกอบการรถขนส่ง รถสาธารณะ ตลอดจนประชาชนดูแลบำรุงรักษาเครื่องยนต์อย่างเพื่อเป็นการป้องกันการเกิดฝุ่น PM2.5 และปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนด.-สำนักข่าวไทย