กรุงเทพฯ 21 มี.ค. – “อนุทิน” รับมอบอุปกรณ์บรรจุและรักษาความเย็นวัคซีนสำหรับนำไปฉีดให้ประชาชนในพื้นที่ ให้ อสม.ออกรณรงค์ผู้สูงอายุและกลุ่มที่มีโรคประจำตัวฉีดวัคซีน พร้อมให้จัดบริการเชิงรุกฉีดวัคซีนในพื้นที่ห่างไกล ผู้ป่วยติดเตียง เร่งสร้างภูมิคุ้มกันโควิดก่อนเทศกาลสงกรานต์
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ (21 มี.ค.) นายนะชิดะ คะสุยะ เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งญี่ปุ่นประจำราชอาณาจักรไทย พร้อมด้วยนางคยองซัน คิม ผู้อำนวยการองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย ได้สนับสนุนหีบเย็น 1,720 ใบ กระติกวัคซีน 1,000 ใบ และอุปกรณ์วัดและบันทึกอุณหภูมิอย่างต่อเนื่อง 1,000 ชิ้น เพื่อบรรจุและรักษาความเย็นวัคซีนในการนำไปฉีดให้กับประชาชน ซึ่งสอดคล้องกับภารกิจที่กระทรวงสาธารณสุขกำลังเร่งรัดดำเนินการในช่วงนี้ คือ การนำวัคซีนไปฉีดให้กับผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง และประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ
นายอนุทิน กล่าวว่า ประเทศไทยมีผู้สูงอายุกว่า 2.1 ล้านคน ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน เนื่องจากอยู่ห่างไกล เป็นผู้ป่วยติดเตียง และส่วนหนึ่งไม่ประสงค์จะรับวัคซีน กระทรวงสาธารณสุขได้ให้ อสม.ช่วยเคาะประตูบ้านรณรงค์ให้ผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัวเข้ารับวัคซีน เพื่อลดการป่วยหนักและเสียชีวิต และให้เจ้าหน้าที่เพิ่มบริการเชิงรุกเข้าไปฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในพื้นที่ห่างไกล ผู้ป่วยติดเตียงที่ออกจากบ้านไม่ได้ รวมถึงขอให้ผู้นำศาสนารับรองความปลอดภัยให้กับผู้ที่ปฏิเสธวัคซีน เพื่อเพิ่มความครอบคลุมของผู้ที่ได้รับวัคซีนให้มากที่สุด
สำหรับช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะมาถึงนี้เป็นช่วงที่สำคัญมาก หากต้องการผ่านสงกรานต์ไปได้ด้วยดีและไม่เกิดความสูญเสียใด ๆ การฉีดวัคซีนให้กับผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัวเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง ขอให้รีบนำผู้สูงอายุมาฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ ก่อนถึงเทศกาลสงกรานต์ ส่วนกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานคนที่ได้รับวัคซีนแล้ว เมื่อป่วยจะไม่มีอาการมาก แต่ถ้าที่บ้านมีกลุ่ม 608 ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน เมื่อกลับไปเยี่ยมบ้านช่วงสงกรานต์ อาจนำเชื้อกลับไปทำให้ติดเชื้อได้ ดังนั้น ขอให้ผู้ที่เดินทางกลับบ้านช่วงเทศกาลสงกรานต์ ดูแลตัวเอง รักษาระยะห่าง ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขจะเร่งเดินหน้าฉีดวัคซีนอย่างเต็มกำลัง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับประชาชนมากที่สุด.-สำนักข่าวไทย