สธ.เผยผู้เสียชีวิตจากโควิดแค่ 30% ที่เหลือจากโรคร่วม

สธ. 10 มี.ค.- รมว.สธ. มีแนวคิดแยกสาเหตุเสียชีวิตจากโควิดและโรคร่วมออกจากกัน หลังพบมีแค่ 30% ที่เสียชีวิตจากโควิด ที่เหลือเป็นโรคร่วม ส่วนการเปิด OPD 14 รพ. รอบปริมณฑล ช่วยลดความแออัดใน กทม. พบผ่านมา 4 วันมีคนใช้บริการ 8,000 คน จ่ายยาตามอาการ 50% จ่ายฟาวิฯ 28 % และ 22% จ่ายฟ้าทะลายโจร 

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข  กล่าวถึงกรณีการพบผู้เสียชีวิต 74 คนว่า จำนวนผู้เสียชีวิตที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่ไม่ใช่ผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิดเพียงอย่างเดียว แต่มีโรคร่วม จึงเตรียมวางเกณฑ์แยกการเสียชีวิตจากโควิดกับโรคร่วมอื่นออกจากกัน โดยดูที่อาการที่พบเป็นหลัก เพราะปัจจุบันผู้เสียชีวิตมักมีโควิดเป็นแค่องค์ประกอบ เพราะบางคน ป่วยมะเร็ง บางคนติดเตียง หรือไตวาย


นายอนุทิน กล่าวว่า ส่วนเรื่องมาตรการ “เจอ แจก จบ“ หรือ OPD ที่เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า ได้รับความร่วมมือจากผู้ติดเชื้อโควิดดีมากพอสมควร ทำให้การบริหารจัดการบุคลากรไปดูแลผู้ป่วยได้มากขึ้น และหากโควิดเป็นโรคประจำถิ่น (Endemic) ต้องทำให้คนเข้าใจที่จะอยู่กับโรค พร้อมกับเร่งฉีดวัคซีน

นพ.เกียรติภูมิ วงค์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า  จากการเปิดให้บริการผู้ป่วยโควิดในกทม. ไปรับการรักษา ยัง 14 รพ. ปริมณฑลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่ 4-8 มี.ค.ที่ผ่านมา ว่า มีผู้มารับบริการประมาณ 8,000 คน ก็ช่วยลดภาระความหนาแน่ของผู้ป่วยในกทม. และเป็นการแก้ไขปัญหาผู้ป่วยติดเชื้อที่พยายามโทรเข้าระบบ 1330  โดยพบว่าส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ เป็นกลุ่มผู้ป่วยสีเขียว  และพบว่า  30%  เป็นผู้ป่วยติดเชื้อในพื้นที่ อีก 60% เป็นผู้ป่วยในกทม. สำหรับการรักษาและการจ่ายยา พบว่า 50% จ่ายยารักษาตามอาการ, 22% จ่ายยาฟ้าทะลายโจร, 28% จ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ พร้อมกันนี้ เตรียมจำแนกการเสียชีวิตของผู้ป่วยติดเชื้อโควิด เพื่อระบุสาเหตุการเสียชีวิตให้ชัดเจน เนื่องจาก 10-30% ไม่เกี่ยวกับโควิด เป็นการเสียชีวิตจากโรคประจำตัว นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์  กล่าวถึงความคืบหน้าการเปิดรักษาโควิดแบบ OPD ว่า จากการรักษาใน 3 รพ. รพ.ราชวิถี ,รพ.เลิดสิน และรพ.นพรัตน์ราชธานี พบว่าในจำนวนผู้ที่มาการรักษา 1,000 คนต่อวัน ประมาณ 70-80% เป็นรักษา Home Isolation ส่วนใหญ่มีอาการน้อยมาก.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Joe Biden and Kamala Harris on stage

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่ “แฮร์ริส” พ่ายแพ้

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่นางคอมมาลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต พ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ให้แก่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน

“ทรัมป์” คว้าชัยเด็ดขาด ครองตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัย

โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน คว้าชัยชนะเด็ดขาดในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เหนือคู่แข่งอย่าง คอมมาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต นับเป็นการกลับมาครองตำแหน่งผู้นำสหรัฐอีกครั้ง หลังต้องออกจากทำเนียบขาวไปเมื่อ 4 ปีก่อน

พบศพไวยาวัจกรวัดดังระยองถูกยิงดับพร้อมหญิงสาวในบ้านพัก

พบศพไวยาวัจกรวัดดัง จ.ระยอง ถูกยิงเสียชีวิตในบ้านพัก พร้อมหญิงสาวหน้าตาดี คาดเสียชีวิตมาแล้ว 3 วัน ตำรวจเร่งหาสาเหตุ

พบเด็กหญิงฝาแฝดวัย 9 ขวบ ดวงตาสีฟ้า

พบเด็กหญิงฝาแฝดชาวนครพนม วัย 9 ขวบ มีดวงตาสีฟ้าสดใส ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่พบได้ยาก อาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงเดี่ยว แม่เผยลูกมีปัญหาทางการได้ยิน ใช้ชีวิตลำบาก ถูกบลูลี่ แต่ไม่ขอเปิดรับบริจาค เพราะเคยถูกมิจฉาชีพแอบอ้าง

ข่าวแนะนำ

ครูปรีชาทนายตั้ม

“ครูปรีชา” หิ้วกาแฟ-ข้าวผัด เยี่ยม “ทนายตั้ม”

เกือบ 24 ชั่วโมง ที่ตำรวจกองปราบฯ คุมตัว “ทนายตั้ม-ภรรยา” มาสอบปากคำ เบื้องต้นทั้งคู่ยังให้การปฏิเสธ เตรียมส่งตัวฝากขังบ่ายนี้ ส่วนคู่กรณีหวย 30 ล้าน “ครูปรีชา” นำข้าวผัดและกาแฟ เข้าเยี่ยม “ทนายตั้ม” พร้อมยืนยันคำเดิม “ความจริงก็คือความจริง”

อุตุฯ เผยไทยตอนบนอากาศเย็น-อีสานอุณหภูมิลดลงอีกเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีอากาศเย็นในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลงอีกเล็กน้อยในภาคอีสาน ส่วนภาคเหนือตอนบน ภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง

ศึกชิงทำเนียบขาว 2024 : ส่องทิศทางแห่งอำนาจ “รัฐบาลทรัมป์ 2.0”

รายงานพิเศษวันนี้ไปติดตามสิ่งที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัญญาหาเสียงเอาไว้ ที่จะทำให้พอเห็นทิศทางการครองอำนาจของเขา โดยมีหลายอย่างที่จะสร้างความสั่นสะเทือนอย่างมาก