ทำเนียบรัฐบาล 9 มี.ค.- นายกฯ เน้นย้ำเดินหน้าขับเคลื่อนงานอีอีซีสู่เป้าหมายอย่างรวดเร็ว สอดคล้องสถานการณ์ในประเทศและสถานการณ์โลก
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ครั้งที่ 2/2565 ผ่านระบบ Video Conference ร่วมกับนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการขับเคลื่อนงานอีอีซี ด้วยความรอบคอบ และถูกต้องตามกฎหมาย โปร่งใส เป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยดำเนินการอย่างรวดเร็วสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งภายในประเทศและสถานการณ์โลก โดยเชื่อมั่นว่าทุกคนจะร่วมกันขับเคลื่อนการดำเนินการต่าง ๆ ไปสู่เป้าหมายที่กำหนดไว้ พร้อมเน้นย้ำให้มีการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้กับประชาชนในพื้นที่ให้มากขึ้น เพื่อให้เกิดความเข้าใจและเห็นถึงประโยชน์ที่จะได้รับทั้งในระดับพื้นที่และโดยรวมของประเทศ อันจะนำไปสู่ความร่วมมือของประชาชนทุกภาคส่วนในสังคมและลดปัญหาความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
นายกรัฐมนตรียังกล่าวให้ความสำคัญการขับเคลื่อนโครงการส่งเสริมและพัฒนาวิสาหกิจชุมชนและผู้ประกอบการรายย่อยในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก โดยย้ำให้ทุกหน่วยงานบูรณาการการทำงานร่วมกัน ตลอดจนให้มีการติดตาม รับฟังความคิดเห็น นำมาตรการต่าง ๆ มาประกอบการพิจารณาให้การดำเนินงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน มีความเป็นเอกภาพและเกิดผลสัมฤทธิ์ได้จริงตามเป้าหมาย ทั้งนี้ นายกฯ มอบหมายกระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ร่วมกันพิจารณาดำเนินการในรายละเอียดให้ชัดเจน เกี่ยวกับการขับเคลื่อนศูนย์กลางการเงินในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเพื่อเตรียมการล่วงหน้าในทุกมิติ โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่ประชาชนและประเทศจะได้รับด้วย พร้อมกำชับให้จัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนในเรื่องแผนการลงทุนใน EEC ต่อยอดสิ่งที่มีอยู่แล้วให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น และมุ่งเน้นกิจกรรมที่จะสร้างประโยชน์กับคนในพื้นที่ในระยะแรก ก่อนพัฒนาขยายผลไปสู่ส่วนอื่น ๆ ต่อไป
นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำถึงโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินต้องทำให้เกิดขึ้นให้ได้ตามเป้าหมาย โดยดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่เอื้อประโยชน์ต่อบุคคลใด คำนึงถึงประโยชน์ที่ประชาชนและประเทศชาติจะได้รับเป็นสำคัญ อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับโครงการระเบียงผลไม้ภาคตะวันออก (EFC) และการส่งสินค้าประเภทต่างๆ ของไทย รวมทั้งผลไม้ไปยังต่างประเทศ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเป็นอย่างเหมาะสม ทั้งการบริหารจัดการระบบขนส่ง ตู้คอนเทนเนอร์และตู้เย็นให้เพียงพอ พร้อมเน้นย้ำให้มีการตรวจสอบสินค้าทุกประเภทให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และอยู่ในมาตรฐานเป็นที่ยอมรับระดับสากล ก่อนส่งออกไปยังต่างประเทศ.-สำนักข่าวไทย