ทส. ติดตามคลื่นลมใกล้ชิด ป้องกันน้ำมันพัดสู่แหล่งปะการัง-หญ้าทะเล-ชายหาด

กรุงเทพฯ 12 ก.พ. – “รมว.วราวุธ” กำชับทุกหน่วยติดตามกระแสคลื่นลม ซึ่งอาจทำให้คราบน้ำมันในทะเลพัดสู่แหล่งปะการัง หญ้าทะเล ชายหาด และพื้นที่อุทยานแห่งชาติใน จ.ระยอง จี้บริษัทน้ำมัน สนับสนุนทุกหน่วยเร่งสกัดคราบน้ำมันขึ้นฝั่ง ยืนยันได้แจ้งความเอาผิดบริษัท SPRC แล้วคราวน้ำมันดิบรั่วครั้งแรก จนเกิดเหตุซ้ำอีก จะดำเนินคดีถึงที่สุด โดยไม่มีข้อยกเว้น

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกล่าวว่า สั่งการให้กรมควบคุมมลพิษใช้แบบจำลอง Oil Map คาดการณ์การเคลื่อนตัวของคราบน้ำมันอย่างต่อเนื่องเมื่อความเร็ว-ทิศทางของลมและคลื่นเปลี่ยนแปลงเพื่อป้องกันไม่ให้คราบน้ำมันพัดสู่แหล่งปะการัง-หญ้าทะเล ชายหาด และอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด


ทั้งนี้โชคดีที่เมื่อวาน (11 ก.พ.) คราบน้ำมันที่รั่วไหลบริเวณมาบตาพุดยังอยู่ในวงล้อมของ Boom เนื่องจากไม่มีคลื่นลม โดยห่างจากชายฝั่งหาดแม่รำพึง 7 กิโลเมตรและห่างจากชายฝั่งเกาะเสม็ด 10 กิโลเมตร แต่วางใจไม่ได้ จึงสั่งให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมควบคุมมลพิษจัดตั้งหน่วยเคลื่อนที่เร็วพร้อมกาง Boom สกัดกั้นคราบน้ำมันตลอดแนว เตรียมแผ่นซับน้ำมัน (Absorbent Sheet) ไว้ขจัดคราบน้ำมันทันที หากพัดสู่ชายหาด

นายวราวุธกล่าวต่อว่า ผู้แทนของบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด มหาชน (SPRC) ซึ่งนำโดยนายโรเบิร์ต โจเซฟ โดบริค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารชี้แจงว่า เมื่อวันที่ 10 ก.พ. ที่ผ่านมาพยายามอุดรอยรั่วของท่ออ่อนใต้น้ำของทุ่นลอย (SPM) น้ำมันใต้ทะเลซึ่งเป็นจุดที่รั่วไหลเมื่อวันที่ 25 ม.ค. แต่มีน้ำมันค้างท่ออยู่จึงไหลลงสู่ทะเลอีกครั้ง นายวราวุธระบุว่า คำชี้แจงดังกล่าวสร้างความแคลงใจอย่างมากเนื่องจากกรมเจ้าท่ามีคำสั่งห้ามดำเนินการใดๆ ตั้งแต่เกิดเหตุครั้งแรก จึงต้องตรวจสอบว่า เหตุใดจึงไม่ปฏิบัติตาม ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องสืบหาพยานหลักฐาน ข้อเท็จจริง รวมถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น ตลอดจนปริมาณการรั่วไหลที่แท้จริง ที่สำคัญให้บริษัท SPRC ดำเนินการตามขั้นตอนและข้อกำหนดในการแก้ไขปัญหาน้ำมันรั่วไหลอย่างเคร่งครัด


นายวราวุธกล่าวย้ำ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อป้องกันไม่ให้คราบน้ำมันรั่วไหลขึ้นชายฝั่งทั้งหาดแม่รำพึง และอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด ขณะนี้มีเรือเฝ้าระวังประจำจุดรั่วไหล 11 ลำ ประกอบด้วย เรือ Boom 6 ลำ และเรือพ่นสารเคมี 5 ลำ และมีการกาง Boom 3 ปาก ซึ่ง Boom แต่ละปากมีความยาวประมาณ 200 เมตร และมีกาง Boom บริเวณหน้าอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด 2 ปาก

ในวันนี้กรมควบคุมมลพิษจะร่วมกับกองทัพเรือประเมินเกี่ยวกับความเหมาะสมในการใช้ Dispersant สารขจัดคราบน้ำมันในกรณีที่มีการรั่วไหลของน้ำมันเพิ่มเติม พร้อมมอบหมายให้กรมเจ้าท่า การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และกรมโรงงานอุตสาหกรรมสำรวจท่อขนถ่ายน้ำมันเพื่อตรวจสอบหาจุดที่อาจจะมีการรั่วไหลและซ่อมแซมให้อยู่เพื่อป้องกันการรั่วไหล

ทั้งนี้ทุกหน่วยงานจะร่วมกันประเมินความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยนายกรัฐมนตรีกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างทั่วถึงและรวดเร็ว โดยให้บริษัทเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งทางบริษัทยืนยันว่า พร้อมรับผิดชอบทั้งหมด แต่ถึงกระนั้นต้องดำเนินคดีตามตามกฎหมายทั้งทางแพ่งและทางอาญา โดยไม่มีข้อยกเว้น.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

ล้มล้างการปกครอง

ศาล รธน.มีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้อง “ทักษิณ-พท.” ล้มล้างการปกครอง

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ขอให้ศาลวินิจฉัยว่า “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ล้มล้างการปกครอง

คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญถกคำร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างฯ

จับตา ศาลรัฐธรรมนูญ “รับ/ไม่รับ” คำร้องปม “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ