ชายหาด

ซิดนีย์ 6 เม.ย.- ชายหาดในนครซิดนีย์ของออสเตรเลียถูกปกคลุมไปด้วยฟองโฟมสีขาวปริมาณมหาศาล สภาพของชายหาดในนครซิดนีย์ในวันนี้เต็มไปด้วยฟองโฟมสีขาวจนแน่นชายหาด และมีการแชร์ภาพจนกลายเป็นไวรัลในสื่อออนไลน์  รายงานระบุว่า ฟองโฟมเหล่านี้ไม่ใช่เหตุการณ์ผิดปกติสำหรับนครซิดนีย์ โดยเฉพาะบริเวณชายหากนอร์ธ โครนุลลา ผู้เชี่ยวชาญอธิบายว่า ฟองโฟมตามธรรมชาตินี้เกิดขึ้นจากการย่อยสลายของสสารต่าง ๆ เช่นเกลือ สารเคมี ซากสิ่งมีชีวิต และเมื่อสสารที่ย่อยสลายเหล่านี้ถูกคลื่นซัดเข้าฝั่งก็จะกลายสภาพเป็นฟองโฟมหนาทึบอย่างที่เห็น  อย่างไรก็ดี ทางการออสเตรเลียไม่ได้มีคำเตือนให้ระวังอันตรายจากฟองโฟมเหล่านี้ และมีบางคนที่กล้าลงไปลุยอยู่ในฟองโฟมดังกล่าวด้วย.-816(814).-สำนักข่าวไทย

ตำรวจออสเตรเลียกล่าววันนี้ว่า เจ้าหน้าที่กำลังตรวจตราตามชายหาดต่าง ๆ หลังจากห่อพัสดุลึกลับจำนวนหนึ่งที่เชื่อว่าภายในจะเป็นยาเสพติดประเภทโคเคน น้ำหนักมากกว่า 120 กิโลกรัม ถูกคลื่นซัดขึ้นเกยตื้นตามแนวชายหาดในช่วงเทศกาลคริสต์มาส

ผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจาเกือบ 200 คน ส่วนใหญ่เป็นเด็กและสตรี ติดค้างอยู่บนชายหาดทางฝั่งตะวันตกของอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นจุดที่เรือของพวกเขามาขึ้นฝั่ง เนื่องจากคนในพื้นที่ไม่ยอมรับผู้ลี้ภัยชุดใหม่

มอนเตวิเดโอ 29 ก.ย.- อุรุกวัยแจ้งว่า พบซากแมวน้ำและสิงโตทะเลประมาณ 400 ซากบนชายหาดและริมแม่น้ำในช่วงไม่กี่สัปดาห์ สันนิษฐานว่าเกิดจากการติดโรคไข้หวัดนก เจ้าหน้าที่กระทรวงสิ่งแวดล้อมอุรุกวัยเผยว่า กระทรวงต่าง ๆ กำลังติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากพบสิงโตทะเลติดโรคไข้หวัดนกเอช 5 (H5) ตัวแรกบนชายหาดในกรุงมอนเตวิเดโอ บริเวณริเวอร์เพลต (River Plate) ซึ่งเป็นชะวากทะเลที่เกิดจากแม่น้ำ 2 สายมาบรรจบกันแล้วไหลออกสู่มหาสมุทรแอตแลนติก เจ้าหน้าที่ได้ฝังซากไปแล้ว 350 ซากเพื่อหยุดยั้งเชื้อไวรัสแพร่ระบาด โดยสันนิษฐานว่าเป็นเชื้อไวรัสไข้หวัดนก เจ้าหน้าที่ยอมรับว่า โรคนี้ไม่สามารถควบคุมได้ ทำได้เพียงรอให้สัตว์มีภูมิคุ้มกัน แต่ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด และขอให้ผู้ไปเที่ยวชายหาดหลีกเลี่ยงการสัมผัสซากสัตว์ เพราะถึงแม้การติดเชื้อจากสัตว์สู่คนเกิดขึ้นยากแต่ก็เกิดขึ้นได้ อุรุกวัยเป็นประเทศในทวีปอเมริกาใต้ มีแมวน้ำและสิงโตทะเลประมาณ 315,000 ตัว.-สำนักข่าวไทย

ทางการอุรุกวัยแจ้งว่า มีเพนกวินประมาณ 2,000 ตัวตายเกลื่อนชายหาด ทางตะวันออกของประเทศในช่วง 10 วันที่ผ่านมา และยังไม่ทราบสาเหตุของการตาย

ตำรวจฟิลิปปินส์แจ้งว่า มีผู้เสียชีวิตจากการจมน้ำแล้วอย่างน้อย 72 คนในเดือนนี้ สาเหตุที่ตัวเลขดังกล่าวสูงผิดปกติ เป็นเพราะมีคนจำนวนมากแห่ไปเที่ยวชายหาดในช่วงเทศกาลหยุดยาวทางศาสนา

บาหลี 9 เม.ย.- เจ้าหน้าที่ด้านอนุรักษ์ของอินโดนีเซียแจ้งวันนี้ว่า พบวาฬหัวทุยเกยตื้นตายที่ชายหาดบาหลี นับเป็นตัวที่ 3 แล้วหลังจากพบวาฬเกยตื้นตายที่หาดนี้ตัวแรกเมื่อวันที่ 1 เมษายน วาฬหัวทุยหรือวาฬสเปิร์มตัวนี้เป็นวาฬเพศผู้ มีความยาว 17 เมตร ตายหลังจากเกยตื้นที่ชายหาดทางฝั่งตะวันตกของเกาะบาหลีเมื่อบ่ายวันเสาร์ เจ้าหน้าที่เผยว่า กำลังหาทางลากซากวาฬขึ้นฝั่ง เพื่อให้ง่ายต่อตรวจชันสูตร แล้วจึงจะทำการฝังต่อไป นับเป็นวาฬตัวที่ 3 แล้วที่เกยตื้นตายที่เกาะบาหลี นับจากชาวบ้านพบซากวาฬแกลบหรือวาฬบรูด้า ความยาว 11 เมตร หนักกว่า 2 ตันบนชายหาดในสภาพที่เน่าแล้วเมื่อวันที่ 1 เมษายน จากนั้นพบวาฬหัวทุยเพศผู้ ความยาว 18 เมตร เกยตื้นตายที่ชายหาดทางฝั่งตะวันออกเมื่อวันที่ 5 เมษายน เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า วาฬตัวล่าสุดน่าจะตายเพราะไม่สบายเหมือนวาฬตัวที่ 2 เนื่องจากดูซูบผอมและป่วย เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 สัปดาห์จึงจะสามารถสรุปผลการตรวจชันสูตร โดยในขณะนี้พบว่าวาฬมีเลือดออกในปอดและมีของเหลวในลำไส้ใหญ่ ตำรวจได้ปิดกั้นจุดที่พบวาฬเกยตื้นตัวล่าสุดเพื่อป้องกันคนเข้ามาขโมยเนื้อหรือชิ้นส่วนของวาฬ ปี 2561 อินโดนีเซียเคยพบซากวาฬหัวทุยที่ในท้องมีถ้วยพลาสติกมากกว่า 100 ถ้วย และถุงพลาสติก 25 ถุง […]

ซิดนีย์ 26 พ.ย.- อาสาสมัครหลายพันคนเข้าร่วมการเปลือยหมู่ที่ชายหาดบอนได นครซิดนีย์ของออสเตรเลีย เพื่อสร้างงานศิลปะจัดวาง หวังกระตุ้นเตือนผู้คนเรื่องภัยจากแสงแดดและมะเร็งผิวหนัง ชายหาดโต้คลื่นยอดนิยมแห่งนี้กลายเป็นชายหาดของผู้เปลือยกายในวันนี้ เมื่ออาสาสมัครประมาณ 2,500 คน พร้อมใจกันเปลือยกายให้สเปนเซอร์ ทูนิค (Spencer Tunick) ศิลปินช่างภาพชาวอเมริกันบันทึกภาพ เขาได้จัดวางมุมภาพอย่างดี โดยขึ้นไปยืนบนชั้นยกสูงแล้วใช้โทรโข่งตะโกนกำกับท่าทางของอาสาสมัคร ทูนิค วัย 55 ปี บันทึกภาพเปลือยหมู่ตามสถานที่ที่มีชื่อเสียงทั่วโลกมาตั้งแต่ปี 2537 และเคยจัดงานลักษณะเดียวกันนี้ที่ซิดนีย์โอเปราเฮาส์ของออสเตรเลียเมื่อปี 2553 งานที่จัดขึ้นพิเศษในวันนี้มีชื่อว่า “เปลือยกายเพื่อมะเร็งผิวหนัง” ร่วมกับมูลนิธิที่ส่งเสริมให้ชาวออสเตรเลียตรวจมะเร็งผิวหนังอย่างสม่ำเสมอ จำนวนอาสาสมัครที่มาร่วมงานในวันนี้เป็นตัวแทนจำนวนชาวออสเตรเลียที่เสียชีวิตเพราะมะเร็งผิวหนังปีละไม่ต่ำกว่า 2,000 คน อาสาสมัครชายวัย 77 ปี เผยว่า อยู่กลางแดดมาครึ่งชีวิต และเพิ่งผ่าตัดมะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมาที่หลังออกไปหลายชิ้น.-สำนักข่าวไทย