รัฐสภา 11 ก.พ.- “ชินวรณ์” ซัดฝ่ายค้านเล่นเกมการเมือง จงใจให้สภาล่ม กระทบ ส.ส.ที่ตั้งใจทำงาน เหน็บคงไม่ขอนับองค์ประชุมในญัตติซักฟอกของตัวเอง แนะรัฐบาลคลี่คลายปัญหาในพรรคร่วม เพื่อให้เดินหน้าต่อได้
นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) แถลงกรณีสภาล่มเมื่อวานนี้ (10 ก.พ.) ว่าการที่นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ขอให้นับองค์ประชุม ถือว่าเป็นจงใจที่ต้องการใช้สภาเป็นเกมทางการเมือง เพื่อให้สภาฯ ล่มต่อเนื่อง ในญัตติที่เป็นเรื่องรับทราบรายงานที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นญัตติร่วมกันของ ส.ส. ตนจึงขอประณามการดำเนินการเพื่อต้องการหวังผลให้สภาเป็นตัวประกันทางการเมือง ส่วนที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ระบุว่าพรรคฝ่ายค้านเคยทำมาก่อนนั้น เป็นการเสนอนับองค์ประชุมกรณีวีโต้กฎหมาย และที่ตนไม่ได้แสดงตนเพราะลงมาติดตามความคืบหน้า พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ เมื่อมีการเสนอนับองค์ประชุมพร่ำเพรื่อก็กระทบต่อ ส.ส.ที่ตั้งใจทำงาน ตนอยากเรียกร้องให้ผู้เสนอนับองค์ประชุมและผู้ไม่แสดงตนรับผิดชอบด้วย
สำหรับกรณี ส.ส.ไม่แสดงตนต่อเนื่องหลายครั้งติดต่อกันนั้น นายชินวรณ์กล่าวว่า วิปรัฐบาลเห็นว่าควรจะร้องขอไปยังพรรคการเมืองต่างๆ ควรจะกำชับไม่ให้ ส.ส.ปฏิบัติเช่นนั้นต่อไป ซึ่งขณะนี้มีผู้มาร้องให้ตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว ตนเห็นด้วยว่าหากไม่แสดงตนเกิน 10 ครั้ง ก็ควรมีการตรวจสอบ เมื่อวานนี้ตนได้รับมอบหมายจากนายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรค พปชร. ในฐานะประธานวิปรัฐบาล ให้หารือกับพรรคการเมืองต่างๆ ว่าเหลือเวลาอีก 2 สัปดาห์ขอให้ร่วมมือกันรับผิดชอบองค์ประชุมและภาพลักษณ์ของสภาฯ และได้หารือกับนายชวนว่า ในวันที่ 17-18 กุมภาพันธ์ที่จะมีการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญตามมาตรา 152 จะให้ความร่วมมือกับฝ่ายค้านอย่างเต็มที่ แม้ ส.ส.รัฐบาลจะมีสิทธิพูดตามรัฐธรรมนูญ แต่เราจะใช้โอกาสนี้ให้น้อยที่สุดและให้รัฐมนตรีเป็นผู้ชี้แจง และ หวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายเป็นอย่างดี และหวังว่าฝ่ายค้านจะไม่เสนอนับองค์ประชุมในญัตติตัวเอง ซึ่งในสัปดาห์สุดท้าย วันที่ 23 กุมภาพันธ์จะเป็นการประชุม ส.ส. เพื่อพิจารณากฎหมายที่ตนได้เสนอเลื่อนในสัปดาห์ที่ผ่านมา คือ พ.ร.บ.การเลือกตั้งท้องถิ่น ส่วนวันที่ 24-25 กุมภาพันธ์จะเป็นการบรรจุระเบียบวาระเรื่อง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งและพรรคการเมือง ส่วนเวลาในการอภิปรายก็จะมีการหารือในวิป 3 ฝ่ายอีกครั้ง
นายชินวรณ์ กล่าวด้วยว่า การที่สภาล่มติดต่อกัน ทำให้ภาพลักษณ์ของสภาเสียหาย และฝ่ายที่เสียหายมากที่สุดคือฝ่ายนิติบัญญัติ โดยเฉพาะฝ่ายค้าน เพราะญัตติที่ฝ่ายค้านเสนอนับองค์ประชุมเป็นเรื่องของ ส.ส.ทั้งหมด ในญัตติรายงานเรื่องที่กรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้วเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องของสภา ไม่ใช่เรื่องความขัดแย้งระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้าน อย่างไรก็ตามในสัปดาห์หน้าจะมีการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 ซึ่งเป็นญัตติของฝ่ายค้าน ตนมั่นใจว่าถ้าฝ่ายรัฐบาลให้ความร่วมมือในการประชุม และคณะรัฐมนตรี ชี้แจงอย่างเต็มที่ตามเวลาที่กำหนด ทุกคนเคารพและปฏิบัติตามข้อตกลงก็ไม่มีปัญหา
นายชินวรณ์ กล่าวต่อว่า สำหรับสัปดาห์สุดท้ายก่อนปิดประชุมสมัย จะมีการพิจารณากฎหมายที่เสนอโดยทุกฝ่าย คือ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งก็เกือบจะไม่มีประเด็นข้อขัดแย้งแล้ว มีเพียงเรื่องกฎหมายเลือกตั้งเท่านั้น ในประเด็นการกำหนดหมายเลขผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และส.ส.เขต ว่าจะให้เป็นหมายเลขเดียวกันหรือไม่ และในส่วนการจัดทำไพรมารี่โหวต มีการเห็นแย้งว่าควรทำตามขั้นตอนเดิม หรือควรให้พรรคการเมืองมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ อย่างไรก็ตาม ทั้งสองประเด็นนี้สามารถไปหารือในชั้นกรรมาธิการได้ ตนในฐานะรองประธานวิปรัฐบาลขอความร่วมมือจากเพื่อสมาชิกรัฐสภาทุกฝ่าย ว่าเรายังเหลือเวลาอีก 2 สัปดาห์ก็ควรจะขับเคลื่อนเรื่องนี้ให้ต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามยังมั่นใจว่าสภาชุดนี้สามารถเดินหน้าต่อไปได้ โดยเมื่อเปิดประชุมสมัยหน้า มีวาระสำคัญ 2 วาระ คือ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 ที่เสนอโดยรัฐบาล ซึ่งฝ่ายรัฐบาลยังมีเสียงมากกว่าฝ่ายค้าน และที่ผ่านมาไม่เคยมีการนับองค์ประชุมเรื่องนี้ และไม่เคยเห็นฝ่ายค้านล้ม พ.ร.บ.งบฯ ได้ เพราะเป็นเงินภาษีของประชาชนที่จะนำมาพัฒนาประเทศ ฉะนั้นการจะทำให้ พ.ร.บ.งบฯ ล้ม ฝ่ายที่ดำเนินการต้องรับผิดชอบโดยตรง
นายชินวรณ์ ยังกล่าวว่าส่วนเรื่องการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบลงมติ ตามมาตรา 151 หากฝ่ายค้านอยากล้มรัฐบาลจริงๆ ก็ขอให้ใช้ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทั้งนี้ ยังไม่เคยมีฝ่ายค้านล้มรัฐมนตรีในสภา และยังมั่นใจว่านายกรัฐมนตรีสามารถชี้แจงได้ เพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่ผ่านมา ฝ่ายค้านยังไม่สามารถหาข้อมูลการทุจริตคอร์รัปชั่นของนายกรัฐมนตรีได้ ทั้งนี้ รัฐบาลจะต้องคลี่คลายปัญหาในพรรคร่วมรัฐบาล ถ้าสามารถประคับครองพรรคร่วมรัฐบาลให้เข้มแข็งได้ รัฐบาลก็สามารถเดินหน้าแก้ไขปัญหาที่รุมเร้าขณะนี้ ทั้งวิกฤติโควิด เศรษฐกิจ และการเมือง ยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่ขอนับองค์ประชุมในระหว่างการอภิปราย มาตรา152 และจะให้พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคเข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียงกัน.- สำนักข่าวไทย