กรุงเทพฯ 3 ก.พ. – อธิบดีกรมวิชาการเกษตรเผยสหรัฐเปิดตลาดนำเข้าส้มโอไทยแบบไม่จำกัดพันธุ์ครั้งแรกในรอบ 15 ปี ภายใต้เงื่อนไขผ่านการฉายรังสี 400 เกรย์ แหล่งผลิตและโรงคัดบรรจุได้รับการรับรอง พร้อมลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการตรวจสอบผลไม้ฉายรังสีก่อนส่งออก คาดส่งออกลอตแรก ส.ค.นี้
นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า หน่วยงานบริการตรวจสอบสุขอนามัยพืชและสัตว์ (APHIS) ประจำประเทศไทยแจ้งว่า ประเทศสหรัฐอเมริกาอนุญาตให้นำเข้าส้มโอผลสดจากประเทศไทยภายใต้เงื่อนไขการนำเข้าที่กำหนดแล้ว โดยผู้ประสงค์จะส่งออกส้มโอผลสดไปสหรัฐอเมริกาต้องลงทะเบียนกับกรมวิชาการเกษตรเพื่อเข้าร่วม “โครงการตรวจสอบผลไม้ฉายรังสีก่อนการส่งออก”
ทั้งนี้ นับเป็นข่าวดีที่รอคอยมานานถึง 15 ปี หลังจากกรมวิชาการเกษตรเสนอขอเปิดตลาดส้มโอเมื่อปี 2549 พร้อมกับผลไม้อีกหลายชนิด แต่ที่ผ่านมาได้รับอนุญาตจากสหรัฐอเมริกาให้นำเข้าได้เพียง 7 ชนิด คือ มะม่วง มังคุด เงาะ ลำไย ลิ้นจี่ สับปะรด และแก้วมังกร เนื่องจากการที่จะอนุญาตให้นำเข้าผลไม้ต้องผ่านขั้นตอนการวิเคราะห์ความเสี่ยงศัตรูพืชจากประเทศผู้นำเข้าเพื่อป้องกันมิให้มีแมลงศัตรูพืชกักกันที่ไม่มีในประเทศผู้นำเข้าติดปนเปื้อนไปกับผลผลิต ซึ่งประเทศไทยได้ใช้เงื่อนไขการวิเคราะห์ความเสี่ยงศัตรูพืชก่อนที่จะอนุญาตให้มีการนำเข้าผลไม้จากประเทศอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน
ประเทศไทยมีส้มโอมากกว่า 30 พันธุ์ที่มีลักษณะเด่น ได้แก่ พันธุ์ทับทิมสยามซึ่งมีเปลือกผลบาง เนื้อนิ่มมีสีชมพูเข้มหรือสีแดงเข้มคล้ายทับทิม มีเมล็ดน้อย รสชาติหวานไม่มีรสขมเจือปน ผิวผลส้มโอมีขนอ่อนนุ่มปกคลุมคล้ายกำมะหยี่ มีแหล่งปลูกที่สำคัญอยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช พันธุ์ขาวแตงกวามีผนังกลีบสีขาว เปลือกบาง เนื้อกุ้งใหญ่สีขาวแห้ง รสชาติหวานฉ่ำ ให้ผลดก เป็นที่ต้องการของตลาด มีแหล่งปลูกที่สำคัญอยู่ที่จังหวัดชัยนาท และพันธุ์ทองดีมีผิวเรียบ ผนังกลีบสีชมพู เนื้อกุ้งสีชมพู รสชาติหวาน ฉ่ำน้ำ ขายได้ราคาดี มีแหล่งปลูกที่สำคัญอยู่ที่จังหวัดนครปฐม สมุทรสาคร ราชบุรี เป็นต้น ซึ่งส้มโอไทยแต่ละพันธุ์มีรสชาติและสีสันที่เป็นเอกลักษณ์แตกต่างจากส้มโอจากประเทศอื่น ทำให้ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี รวมทั้งยังเป็นผลไม้ที่สามารถเก็บรักษาได้ระยะเวลายาวนานจึงเหมาะสมต่อการขนส่งทั้งทางเครื่องบินและทางเรือ ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยสามารถส่งออกส้มโอผลสดไปจำหน่ายในต่างประเทศได้จำนวน 29 ประเทศ โดยมีตลาดหลักที่สำคัญ ได้แก่ จีน และมาเลเซีย ในปี 2564 ประเทศไทยส่งออกส้มโอ 29,782 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 903 ล้านบาท
นางสาวชลธิชา รักใคร่ ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยการกักกันพืช สำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืชกล่าวว่า ได้รับหนังสือจากหน่วยงาน APHIS แจ้งให้ทราบถึงการอนุญาตการนำเข้าส้มโอผลสดจากประเทศไทยโดยให้เพิ่มส้มโอเข้าอยู่ภายใต้โครงการฉายรังสีที่มีการดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน และให้ส่งข้อมูลเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับส้มโอเพื่อประกอบการประเมินจากคณะที่ปรึกษาโครงการฉายรังสี (Preclearance Advisory Group) เพื่อพิจารณาออกใบอนุญาตให้นำเข้าต่อไป ซึ่งการดำเนินการมาถึงขั้นตอนนี้แล้วคาดว่าในฤดูกาลผลิตส้มโอเดือนสิงหาคม 2565 นี้จะสามารถส่งออกส้มโอล็อตแรกจากประเทศไทยไปจำหน่ายที่สหรัฐอเมริกาได้แล้ว
สำหรับเงื่อนไขการส่งออกส้มโอผลสดไปสหรัฐอเมริกานั้นผลผลิตต้องมาจากแหล่งผลิตที่ได้รับการรับรอง GAP โรงคัดบรรจุได้รับการรรับรองตามมาตรฐาน GMP ก่อนการส่งออกต้อง ล้าง ขัด ฆ่าเชื้อ และจุ่มสารเคมีเพื่อกำจัดเชื้อราตามคำแนะนำของกรมวิชาการเกษตร รวมทั้งผู้ส่งออกต้องลงทะเบียนเข้าร่วม “โครงการตรวจสอบผลไม้ฉายรังสีก่อนการส่งออก” กับกรมวิชาการเกษตร โดยผลผลิตส้มโอที่จะส่งออกต้องผ่านการฉายรังสีที่ 400 เกรย์เพื่อกำจัดแมลงวันผลไม้ซึ่งสามารถทำได้ทั้งก่อนส่งออกหรือที่จุดนำเข้าในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยหากฉายรังสีที่จุดนำเข้าไม่ต้องใช้ใบรับรองสุขอนามัยพืช แต่ต้องผ่านการตรวจสอบทุกล็อตที่นำเข้า ซึ่งการอนุญาตให้นำเข้าส้มโอจากไทยต้องเป็นการส่งออกเพื่อการค้าเท่านั้น ผู้ที่ต้องการส่งออกส้มโอผลสดไปสหรัฐอเมริกาสามารถสอบรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่กลุ่มวิจัยการกักกันพืช สำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช กรมวิชาการเกษตร โทรศัพท์ 0-2940-6670 ต่อ 142 หรือ 0-2579-3496.-สำนักข่าวไทย