โซล 31 ม.ค. – ทางการของหลายประเทศในทวีปเอเชียต่างเรียกร้องให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทางในช่วงเทศกาลวันตรุษจีนเพื่อไปพบปะกับครอบครัวและฉลองเนื่องในวันขึ้นปีใหม่จีน เนื่องจากวิตกกังวลเกี่ยวกับการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนที่แพร่เชื้อได้อย่างรวดเร็ว
หนังสือพิมพ์เดอะสเตรทไทมส์ของสิงคโปร์รายงานว่า ทางการจีนกำลังพยายามหาทางป้องกันไม่ให้ยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดพุ่งสูงขึ้นในช่วงก่อนเปิดฉากการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว ที่กรุงปักกิ่งในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ขณะที่ทางการท้องถิ่นหลายแห่งของจีนใช้แนวทางให้รางวัลและกำหนดบทลงโทษเพื่อจูงใจให้ประชาชนไม่เดินทางในช่วงตรุษจีน เช่น การแจกบัตรกำนัลและเงินสด ส่วนผู้ที่เดินทางจะต้องกักตัวในสถานกักตัวของทางการหรือในบ้านเป็นเวลาสูงสุดถึง 14 วัน ด้านโรงเรียนและบริษัทของทางการจีนไม่สนับสนุนให้พนักงานเดินทางในช่วงตรุษจีน
ในขณะเดียวกัน ทางการฮ่องกงได้ประกาศยกเลิกจัดงานฉลองเทศกาลตรุษจีนประจำปี สั่งปิดการเรียนการสอนในโรงเรียนเร็วกว่าปกติ และประกาศให้หลายพื้นที่อยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อตรวจหาเชื้อโควิดในประชาชน นอกจากนี้ ยังประกาศใช้มาตรการควบคุมการระบาดของโรคโควิด เช่น ห้ามนั่งรับประทานอาหารในร้านหลังเวลา 18.00 น. และสั่งปิดร้านเสริมสวย โรงออกกำลังกาย โรงภาพยนตร์ และบาร์
ด้านนายกรัฐมนตรีคิม บู-คยอม ของเกาหลีใต้ กล่าวเมื่อวันที่ 24 มกราคมว่า การเดินทางกลับบ้านเกิดในช่วงตรุษจีนไม่ต่างกับการราดน้ำมันเข้ากองไฟ ในขณะที่ทางการเกาหลีใต้ได้ประกาศใช้มาตรการควบคุมการระบาดของโรคโควิด เช่น ห้ามประชาชนรวมตัวกันเกิน 6 คน และสั่งปิดร้านอาหารหรือคาเฟ่หลังเวลา 21.00 น. ส่วนทางการกรุงมะนิลาของฟิลิปปินส์ได้สั่งห้ามการแสดงเชิดสิงโต การจุดพลุ และการรวมตัวกันที่ย่านชุมชนชาวจีนเก่าแก่ เนื่องจากหวั่นเกรงเกี่ยวกับการระบาดของโรคโควิด
ทางการกรุงฮานอยได้สั่งยกเลิกการจุดพลุประจำปีเพื่อฉลองเทศกาลขึ้นปีใหม่ของชาวเวียดนามในช่วงนี้เช่นกันเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการระบาดของโรคโควิดในกลุ่มฝูงชนขนาดใหญ่ แต่ทางการท้องถิ่นได้ตัดสินใจในเวลาต่อมาโดยปรับเปลี่ยนมาตรการให้ประชาชนได้ฉลองวันขึ้นปีใหม่ร่วมกับครอบครัวได้ง่ายขึ้น หลังเวียดนามผ่านพ้นการระบาดมาแล้วสี่ครั้งและมีประชาชนวัยผู้ใหญ่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิดสูงกว่าร้อยละ 90 ส่วนทางการมาเลเซียไม่อนุญาตให้ประชาชนเปิดบ้านต้อนรับผู้มาเยือนในช่วงเทศกาลตรุษจีนอย่างเต็มที่ แต่ยอมให้ประชาชนรวมตัวกันเพื่อรับประทานอาหารค่ำได้. -สำนักข่าวไทย