ทำเนียบฯ 11 ม.ค.-ครม.เห็นชอบปรับเงื่อนไขจ่ายเงินอุดหนุนการจ้างงานของเอสเอ็มอี พร้อมขยายเวลาอีกหลายมาตรการรรัฐ ดูแลปัญหาผลกระทบจากโควิด-19
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เห็นชอบ ให้กรมการจัดหางาน ปรับปรุงเงื่อนไขการจ่ายเงินอุดหนุนตามโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจเอสเอ็มอี สำหรับเดือน ธ.ค.2564-ม.ค.2565 โดย ให้ปรับเงื่อนไขการลงทะเบียน และนำส่งข้อมูลเงินสมทบผ่านระบบบริการอิเล็กทรอนิกส์(ระบบ e-Service) จากเดิมกำหนดให้ นายจ้างประสงค์ เข้าร่วมโครงการต้องลงทะเบียนนำส่งข้อมูลเงินสมทบผ่านระบบ e-Service ของสำนักงานประกันสังคม(สปส.) ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป
โดยปรับปรุงเงื่อนไขเป็น 1.นายจ้างเข้าร่วมโครงการ ต้องเป็นผู้มีประวัติเคยนำส่งข้อมูลเงินสมทบผ่านระบบ e-Service ของ สปส. ก่อนวันที่ 16 ธ.ค. 2564 2.นายจ้างนำส่งข้อมูลเงินสมทบหลังวันที่ 15 ธ.ค. 64 ต้องนำส่งข้อมูลเงินสมทบผ่านระบบ e-Service ภายในวันที่ 17 ม.ค. 2565 เพื่อให้กลุ่มนายจ้างเป้าหมายของโครงการฯ ได้รับผลกระทบจาก โควิด-19 ได้รับความช่วยเหลือตามโครงการฯ มากขึ้น พร้อมกันนี้ ครม. ได้มอบหมายให้กรมการจัดหางานเร่งดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จในกรอบระยะเวลา กำหนด
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ครม. อนุมัติให้สำนักงานประกันสังคม เปลี่ยนแปลงรายละเอียด โครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ในกิจการที่ได้รับผลกระทบ จากมาตรการของรัฐในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ขยายเวลาดำเนินการจากเดิมสิ้นสุดเดือนธ.ค. 2564 เป็น สิ้นสุดมี.ค. 2565 เนื่องจากต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการเบิกจ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมายที่ยังไม่ได้รับเงินตามโครงการ
นอกจากนี้ ครม. ยังขยายเวลาดำเนินโครงการ ให้ใช้จ่ายงบประมาณ จากพ.ร.ก.เงินกู้ฯ เพิ่มเติม ได้แก่ อนุมัติให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ขยายเวลาการเร่งรัดการเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 สำหรับประชาชนคนไทย จากเดิมสิ้นสุด ธ.ค. 2564 เป็น พ.ค. 2565 ให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ขยายเวลา โครงการพัฒนาระบบสื่อสารสั่งการศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขระดับกระทรวงและระดับเขตสุขภาพเป็น SmartEOC และโครงการพัฒนาศักยภาพระบบบริการสุขภาพรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด19 จากเดิมสิ้นสุดธ.ค. 2564 เป็น มี.ค. 2565
รวมถึงให้กรมพัฒนาชุมชน ขยายเวลา โครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” จากเดิมสิ้นสุด ธ.ค. 2564 เป็น มี.ค. 2565 พร้อมกับปรับลดกิจกรรมย่อยรวม 3 กิจกรรม และลดวงเงินดำเนินการลงรวม 25 ล้านบาท ทำให้วงเงินดำเนินการตามโครงการอยู่ที่ 4,762 ล้านบาท จากเดิม 4,787 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย