กทม. 17 ม.ค.- อัยการยื่นฟ้อง 2 ผู้ต้องหาคดีฆ่าชิงทรัพย์ไอโฟนอดีตพนักงานภาคพื้นดินบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ตกเป็นจำเลยต่อศาลแล้ว
นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงความคืบหน้าคดีชิงทรัพย์โทรศัพท์ไอโฟนนายวศิน เหลืองแจ่ม บัณฑิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ประสานมิตร และอดีตพนักงานภาคพื้นดินบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งว่า หลังอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7 รับสำนวนคดีระหว่างนางนิราพร เหลืองแจ่ม มารดาผู้ตาย กล่าวหานายกิตติกร วิกาหะ และนายสุพัฒชัย จันทร์ศรี ในข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือเพื่อการพาทรัพย์นั้นไป, ร่วมกันชิงทรัพย์โดยคนใดคนหนึ่งมีอาวุธติดตัวไป ด้วยเหตุแห่งการชิงทรัพย์นั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ร่วมกันฆ่าผู้อื่นเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำผิดอื่นเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ และร่วมกันพกพาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร จากพนักงานสอบสวน สน.โคกคราม ได้ตั้งคณะทำงาน 3 คน พิจารณาสำนวน เนื่องจากเป็นคดีที่ประชาชนและสื่อมวลชนให้ความสนใจ ถือเป็นคดีสำคัญ ซึ่งคณะทำงานพิจารณาสำนวนและได้เสนอความเห็นต่ออัยการฝ่ายคดีอาญา 7 แล้ว มีคำสั่งฟ้องนายกิตติกรและนายสุพัฒชัย และได้ยื่นฟ้องต่อศาลอาญาแล้ว ซึ่งจำเลยทั้ง 2 พนักงานสอบสวนได้ฝากขังและถูกควบคุมตัวอยู่ในอำนาจศาลอาญาแล้ว จึงไม่ต้องส่งตัวพร้อมฟ้องในคำฟ้องดังกล่าว พนักงานอัยการได้ขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง เกรงว่าจำเลยทั้ง 2 จะหลบหนี นอกจากนี้ยังได้ระบุในคำฟ้องด้วยว่า จำเลยทั้ง 2 กระทำผิดอย่างอุกอาจ ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย และเป็นคดีสะเทือนขวัญของประชาชน อีกทั้งหลังก่อเหตุคดีนี้ ในวันเดียวกันยังได้ก่อเหตุชิงทรัพย์ในท้องที่ สน.โชคชัย และวิ่งราวทรัพย์ในท้องที่ สน.โคกคราม ซึ่งเป็นภัยกับสังคม และเหตุที่จำเลยทั้ง 2 ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน เนื่องจากจำนนต่อหลักฐาน จึงขอให้ศาลลงโทษจำเลยทั้ง 2 สถานหนัก.-สำนักข่าวไทย