เมียนมาร์ 18 ม.ค.-ปัญหาชนกลุ่มน้อยมุสลิมโรฮิงญา ในเมียนมาร์นับวันจะรุนแรงมากขึ้น ล่าสุดทูตพิเศษจากองค์การความร่วมมืออิสลาม หรือ OIC ประจำเมียนมาร์ ได้ออกมาเรียกร้องให้สหประชาชาติเข้าแทรกแซงยุติเหตุรุนแรงในรัฐยะไข่ หลังกองทัพเมียนมาร์ กวาดล้างชาวมุสลิมโรฮิงญาอย่างหนักจนทำให้ชาวโรฮิงญาต้องหลบหนีข้ามพรมแดนเข้าไปในบังคลาเทศ และจำนวนไม่น้อยต้องกลายเป็นคนพลัดถิ่น
ทูตพิเศษ OIC ประจำเมียนมาร์ ระบุว่าถ้าสหประชาชาติไม่เข้าแทรกแซงรัฐยะไข่ ก็คงเกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ แบบเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในกัมพูชา และรวันด้า นายไซเอด ฮามิด อัลบาร์ ทูตพิเศษ OIC ประจำเมียนมาร์ กล่าวว่านับตั้งแต่เหตุรุนแรงปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 9 ตุลาคมปีที่แล้ว มีชาวมุสลิมโรฮิงญา ถูกสังหารไปแล้วอย่างน้อย 86 คน และอีกราว 66,000 คน ต้องหนีอพยพข้ามแดนทะลักเข้าไปยังพรมแดนบังคลาเทศ และในวันพรุ่งนี้ OIC จะจัดการประชุม สมัยพิเศษขึ้นที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ตามการเรียกร้องของมาเลเซีย เพื่อหารือมาตรการแก้ปัญหาความขัดแย้ง ในรัฐยะไข่ ที่มาเลเซียมองว่าชนกลุ่มน้อยมุสลิมโรฮิงญากำลังถูกรังแกอย่างน่าเวทนา และว่าปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหาภายในของเมียนมาร์ แต่ได้กลายเป็น
ปัญหาระหว่างประเทศไปแล้ว
ทั้งนี้ OIC ปัจจุบันมีสมาชิก 57 ประเทศ และทำหน้าที่เป็นปากเป็นเสียงให้ชาวมุสลิมทั่วโลก ทั้งนี้กลุ่มผู้อพยพและกลุ่มพิทักษ์สิทธิมนุษยชน กล่าวหาว่า ทหารเมียนมาร์ได้เข่นฆ่า ข่มขืน และเผาบ้านของชาวโรฮิงญาไปมากมาย แต่รัฐบาลเมียนมาร์ ภายใต้การนำของนางอองซาน ซูจี ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ โดยระบุว่าเป็นการพูดเกินจริง และว่าปัญหาความขัดแย้งในรัฐยะไข่เป็นปัญหาภายในของเมียนมาร์ รัฐบาลเมียนมาร์เชื่อด้วยว่ามีกลุ่มกองกำลังมุสลิมต่างชาติให้การสนับสนุนชาวโรฮิงญาในเมียนมา และเปิดการโจมตีขึ้นในรัฐยะไข่ จนนำไปสู่การกวาดล้างชาวโรฮิงญาของทหารพม่า OIC ระบุว่าชาวโรฮิงญาเป็นพลเมืองพม่า พวกเขาจึงสมควรได้รับสถานภาพพลเมืองอย่างถูกต้องตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเมียนมาร์ ประกาศจะไม่เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ และว่าหากสหประชาชาติเข้าแทรกแซงกิจการภายในของเมียนมาร์ สหประชาชาติ ก็จะถูกคนในพื้นที่ตอบโต้อย่างรุนแรง.-สำนักข่าวไทย