บช.น. จับตาพื้นที่เสี่ยงยกพวกตีกัน เชื่ออาจเกิดจากกระแสภาพยนตร์

กรุงเทพฯ 10 ธ.ค.-ตำรวจนครบาล สั่งจับตาพื้นที่เสี่ยงเกิดเหตุยกพวกตีกันระหว่างสถาบันการศึกษาต่างๆ เชื่ออาจเกิดจากกระแสภาพยนตร์ที่กำลังเข้าฉาย เตรียมประสานงานอาจารย์ศิษย์เก่าและผู้ปกครองวางแผนระงับความรุนแรงก่อนเกิดเหตุ


หลังช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีการยกพวกตีกันของกลุ่มเยาวชน วัยรุ่น และกลุ่มนักเรียนอาชีวศึกษาในหลายพื้นที่ของกองบัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมกับการเข้าฉายของภาพยนตร์เรื่องหนึ่งซึ่งเกี่ยวข้องกับเนื้อหาของการยกพวกตีกันเกี่ยวกับสถาบันการศึกษาของอาชีวศึกษา และมีการข่าวจากกลุ่มอาจารย์ของสถาบันการศึกษาในสายอาชีวะว่า จะมีการก่อเหตุความรุนแรงต่างๆ เพิ่มมากขึ้น หลังจากเริ่มเปิดภาคเรียน และกระแสจากภาพยนตร์ดังกล่าว

พลตำรวจตรีจิรสันต์ แก้วแสงเอก โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาลเปิดเผยว่า ภายหลังจากได้รับข้อมูลการข่าวจากกลุ่มอาจารย์และการเข้าฉายภาพยนตร์ดังกล่าวแล้ว กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 88 สน. สำรวจพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดเหตุยกพวกตีกันตามสถาบันการศึกษาต่างๆทั่วกรุงเทพฯ และจัดส่งกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจลงพื้นที่ไปตรวจสอบเพิ่มความถี่มากยิ่งขึ้น โดยจะเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบในแต่ละจุดมากขึ้น เพื่อป้องปรามไม่ให้เกิดการยกพวกตีกันตามพื้นที่จุดเสี่ยงจนเกิดความสูญเสียหรือมีผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งประสานข้อมูลกับอาจารย์ของแต่ละสถาบันกลุ่มผู้ปกครองและศิษย์เก่าเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลความเคลื่อนไหวของนักเรียนแต่ละกลุ่ม ก่อนที่จะเกิดเหตุความรุนแรงขึ้น


นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้แต่ละพื้นที่โรงพักจัดกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจในและนอกเครื่องแบบไปช่วยตรวจตราพื้นที่ และป้องปรามการเกิดเหตุยกพวกตีกันที่บริเวณหน้าโรงภาพยนตร์ในแต่ละพื้นที่ด้วย เนื่องจากทราบว่ามีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้ใส่เครื่องแบบหรือเสื้อช็อปของแต่ละสถาบันไปชมภาพยนตร์ซึ่งอาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดการปะทะกันในบริเวณโรงภาพยนตร์ได้ และหากเกิดเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นก็จะจัดกำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปคุยคลายสถานการณ์ทันที

ทั้งนี้ยอมรับว่าในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีเหตุทะเลาะวิวาทกันระหว่างกลุ่มเยาวชนวัยรุ่นและนักเรียนอาชีวะเพิ่มมากขึ้น โดยปัจจัยส่วนหนึ่งมาจากการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ การเปิดเข้าเรียนแบบ on-site ตามสถาบันการศึกษา และการเข้าฉายของภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว ซึ่งกองบัญชาการตำรวจนครบาลสรุปว่าเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดความรุนแรงขึ้นเพียงเล็กน้อยแต่ก็สั่งจับตาแนวโน้มความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นจากปัจจัยต่างๆไว้แล้ว หากหลังจากนี้มีคดีหรือเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการยกพวกตีกันมากขึ้นก็อาจจำเป็นต้องปรับสถานการณ์การควบคุมดูแลในแต่ละพื้นที่อีกครั้งหนึ่ง

จึงขอฝากเตือนไปยังกลุ่มเยาวชนและนักเรียนของสถาบันต่างๆว่าการยกพวกตีกันจนเกิดความรุนแรงที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินคดีตามข้อหาความผิดต่างๆ ตามกฎหมาย โดยที่ผ่านมาพบว่าผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นเยาวชนและวัยรุ่น และอัตราโทษค่อนข้างสูงทำให้เสียอนาคตทางการศึกษาและการเข้าทำงานในอนาคต จึงขอให้ยับยั้งชั่งใจไม่ให้เกิดความรุนแรงต่างๆ เกิดขึ้น.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง