รวบโจ๋วัย 18 กับพวก แทงอริดับ ย่านหนองจอก

กทม. 25 ส.ค. – โจ๋วัย 18 ปี ร่วมกับเยาวชนชายวัย 15 ปี อีก 2 คน ก่อเหตุแทงอริดับ และบาดเจ็บสาหัส ในซอยเชื่อมสัมพันธ์ 19 ย่านหนองจอก ตำรวจเร่งสอบปากคำ


เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ทีมข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุวัยรุ่น ยกพวกทะเลาะวิวาทใช้มีดแทงกันตายและได้รับบาดเจ็บอีกหลายคน ภายในซอยเชื่อมสัมพันธ์ 19 ถนนเชื่อมสัมพันธ์ เมื่อถึงที่เกิดเหตุ ทีมข่าวพบร่องรอยของเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นคราบเลือดหยดเป็นทางยาวบนกลางถนนเข้าไปยังภายในซอยเชื่อมสัมพันธ์ 19

จากการสอบถามชาวบ้านที่อยู่บริเวณดังกล่าว เล่าว่า เมื่อคืนเวลาเกือบ 21.00 น. ได้ยินเสียงรถจักรยานยนต์ขี่วนไปวนมาในพื้นที่และมีเสียงเอะอะโวยวาย ตนเองไม่กล้าออกมาดู เพราะกลัวจะมีอันตราย แต่สามีเดินออกมาดูพบมีรถจักรยานยนต์สีแดงจอดบริเวณปากซอย และยังมีชายคนหนึ่งนอนจมกองเลือดอยู่กลางถนน โดยมีกลุ่มวัยรุ่นซึ่งคาดว่าเป็นเพื่อนผู้ตายประมาณ 10 กว่าคน มาห้อมล้อมพร้อมกับขี่รถจักรยานยนต์วนไปวนมาลักษณะไล่หาตัวผู้ก่อเหตุ เท่าที่ทราบ ผู้ตายทะเลาะวิวาทกับกลุ่มวัยรุ่นภายในซอย ก่อนถูกแทงแล้วขี่รถจักรยานยนต์ออกมาถึงบริเวณปากซอย แต่ก็สิ้นใจตายกลางถนน


สอดคล้องกับชาวบ้านกลางซอย เล่าว่า มีกลุ่มวัยรุ่น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้ตายมากัน 2 คน และกลุ่มผู้ก่อเหตุมากัน 3 คน ขี่จักรยานยนต์ไล่กันและด่าทอกันไปมา มุ่งหน้าออกไปทางปากซอย แต่เมื่อถึงบริเวณหัวโค้ง ปรากฏว่า ผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บเสียหลักรถล้ม เลยถูกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุมทำร้ายและใช้อาวุธมีดแทงหนึ่งใน 3 คน แต่ทั้งสามขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีออกไปหน้าปากซอย และทราบอีกทีว่า คนที่ถูกแทงสิ้นใจตายแล้วหน้าปากซอย ส่วนอีก 2 คน สาหัส

สำหรับคนตายและคนเจ็บเป็นเด็กวัยรุ่นในพื้นที่ ส่วนผู้ก่อเหตุ 2 คน เป็นคนต่างพื้นที่ ด้านพ่อแม่ของนายธีรภัทร อายุ 19 ปี ผู้บาดเจ็บ เล่าว่า เท่าที่ตนได้ทราบจากลูกชาย เมื่อคืนนี้ลูกชายไปอยู่กับกลุ่มเพื่อนบริเวณบึงท้ายซอยกันตามปกติ ก่อนที่จะขี่จักรยานยนต์ออกมาบริเวณปากซอย โดยผู้ตายและลูกชายขี่จักรยานยนต์กันคนละคัน แต่ในระหว่างทางถึงกลางซอย ปรากฏว่ามีกลุ่มวัยรุ่นขี่จักรยานยนต์ซ้อนสาม 1 คัน ขี่ไล่หลังมา พร้อมตะโกนด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย ตัวผู้ตายแล้วผู้บาดเจ็บเลยขี่รถจักรยานยนต์ตามไป เพราะไม่พอใจที่อยู่ดี ๆ ก็โดนตะโกนด่า แต่เมื่อถึงโค้งใกล้ออกปากซอย อยู่ดีๆ ก็มีรถเก๋งคันหนึ่งจอดดักอยู่และกลุ่มผู้ก่อเหตุ 3 คน ที่ขี่จักรยานยนต์ซ้อนกันก็จอดดักแล้วเกิดการรุมทำร้ายกันเกิดขึ้น หนึ่งในกลุ่มผู้ก่อเหตุใช้อาวุธมีดแทงเข้าที่หน้าอกของผู้เสียชีวิต จนทำให้ผู้เสียชีวิตขี่จักรยานยนต์หนีเอาไปปากซอย ก่อนจะไปสิ้นใจกลางถนน

ส่วนลูกชายถูกรุมทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส ใบหน้าบวมปูดและมีบาดแผลตามร่างกาย ขณะนี้อยู่ในระหว่างการพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล แพทย์ประเมินอาการเบื้องต้น พบว่าไม่อันตรายถึงแก่ชีวิต แต่อยู่ในระหว่างการสังเกตอาการและเอกซเรย์สมอง ตอนนี้ยังพูดจาวกไปวนมาและเบลอไม่ได้สติมากนัก


พ่อแม่ผู้บาดเจ็บยังกล่าวอีกว่าตัว ลูกชายเรียนจบโรงเรียนอาชีวะแห่งหนึ่งย่านหนองจอก ประกอบอาชีพรับจ้างติดตั้งเสาไฟเวที ที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหาทะเลาะวิวาทกับใคร ตัวลูกชายมักจะชอบไปเล่นกับกลุ่มเพื่อนที่บึงท้ายซอยเป็นประจำ แต่ไม่มีเรื่องของยาเสพติดอย่างแน่นอน ส่วนตัวผู้ตายนั้น ค่อนข้างจะสนิทกับลูกชายอย่างมาก เท่าที่ทราบเช่าหอพักอยู่บริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในย่านหนองจอก เพราะเป็นคนต่างจังหวัด พักอาศัยอยู่กับแม่ แต่ก็ไม่ทราบเช่นเดียวกันว่า ตัวผู้ตายมีอริหรือไม่

ทั้งนี้ คาดว่าตัวผู้ก่อเหตุทั้ง 3 คน น่าจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นนอกพื้นที่ เพราะโดยปกติแล้ว ในพื้นที่นี้มักจะมีปัญหาวัยรุ่นทะเลาะวิวาท ด้วยสาเหตุเกี่ยวกับเรื่องของคนละพื้นที่และอาจจะมีเรื่องของสถาบันการศึกษามาเกี่ยวข้องด้วย ก่อนหน้านี้ตนได้ยินมาว่า มีกลุ่มวัยรุ่นนอกพื้นที่ต้องการจะมาเอาชีวิตวัยรุ่นที่อยู่ภายในซอยเชื่อมสัมพันธ์ 19 แต่ตนก็ไม่แน่ชัดว่าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ครั้งนี้หรือไม่

พร้อมยอมรับว่า กังวลในเรื่องของทางคดี เพราะเกรงว่าจะไม่สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้หรืออาจจะได้ตัวคนร้ายแล้วแต่ปล่อยตัวไป เพราะพยานหลักฐานไม่แน่นหนาพอ จึงอยากจะฝากช่วยเร่งรัดทางคดีไปทางตำรวจว่า ขอให้เร่งสอบสวนและไล่กล้องวงจรปิดเพื่อให้ได้ตัวคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว

ขณะที่บรรยากาศที่สนลำผักชี เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ผ่านมา ตำรวจฝ่ายสืบสวน ได้ควบคุมตัว เยาวชนชายวัย 15 ปี ผู้ต้องสงสัยร่วมก่อเหตุทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย เมื่อคืนที่ผ่านมา เข้ามาสอบปากคำที่ สน. ต่อมามีหญิงวัยกลางคน ขี่รถจักรยานยนต์ตามเข้ามาพร้อมนำเอกสารและข้าวของบางอย่าง มาให้พนักงานสอบสวน พร้อมยอมรับกับทีมข่าวว่า เยาวชนชายที่ตำรวจควบคุมมาก่อนหน้านี้เป็น 1 ใน 3 คนที่ร่วมกันลงมือทำร้ายกลุ่มผู้เสียชีวิต ภายในซอยเชื่อมสัมพันธ์ 19 หลังจากตำรวจไปหาที่บ้านพร้อมสอบถามว่าเป็นผู้ลงมือหรือไม่ เยาวชนชาย ยอมรับ ว่าเป็นผู้ร่วมลงมือรุมกระทืบผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตจริง อย่างไรก็ตาม สำหรับมือแทงนั้นได้เดินทางเข้ามอบตัวตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา

ด้านวัยรุ่นอีก 1 คน ซึ่งเป็นเพื่อนกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ ซื้อข้าวและน้ำ มาให้เพื่อน พร้อมกับระบุว่า ขณะเกิดเหตุตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์จึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ทราบเพียงว่า เพื่อนและน้องๆ ได้ก่อเหตุดังกล่าวจริง ซึ่งทุกคนยอมรับสารภาพ วันนี้ในฐานะคนรู้จักก็ทำหน้าที่เพียงมาเยี่ยม ให้กำลังใจและซื้อข้าวปลาอาหารมาให้ได้เท่านั้น เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าสภาพของผู้ต้องหาเป็นอย่างไร เจ้าตัวยอมรับว่า ทุกคนอยู่ในสภาพเครียด แต่เมื่อถามว่า ต้องการจะขอโทษทางฝั่งผู้เสียชีวิตหรือไม่ ตนไม่สามารถตอบได้ เพราะไม่ใช่ผู้ก่อเหตุ แต่ต้องยอมรับว่า ฝั่งผู้เสียชีวิตสูญเสียมาก ตัวเองก็ไม่ได้อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ และขอแสดงความเสียใจกับทางกลุ่มผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บด้วย

ขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างสอบปากคำ มือแทงวัย 18 ปี ถึงพฤติการณ์ของคดี ส่วนเยาวชนชายวัย 15 ปีอีก 2 คน เพื่อนร่วมก่อเหตุนั้น ตำรวจยังไม่สามารถสอบปากคำได้ต้องรอเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพร่วมสอบในวันพรุ่งนี้.-414-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไฟไหม้รถยนต์ อดีต สส.ศิริโชค วอดทั้งคัน

สงขลา 5 ก.ค.-“ศิริโชค” อดีต สส.ปชป. เผยเหตุระทึก รถยนต์ PHEV ไฟลุกไหม้วอดทั้งคันกลางดึก ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ ภาพคลิปเหตุการณ์ไฟไหม้รถยนต์ส่วนตัวของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจอดอยู่บริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา ช่วงตี 3 เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา (5 ก.ค.68) โดยเพจเฟซบุ๊ก “ศิริโชค โสภา” ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ พร้อมระบุข้อความว่า “อุทาหรณ์สยอง! ผมตื่นมากับเปลวเพลิงกลางดึก-ไฟลุกท่วมรถ PHEV ทั้งคัน ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ! เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆ แต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียว รถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัว ไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ […]

ตาขับรถทับศีรษะหลานวัย 1 ขวบ ดับสลด

สุราษฎร์ธานี 5 ก.ค. – สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ ตายายร้องไห้แทบขาดใจ สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ หลังจากที่ตากลับจากซื้อของที่ตลาด เมื่อมาถึงบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำในอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ขนของลงจากรถเสร็จ ระหว่างจะนำรถไปจอดไม่ทันสังเกตว่าหลานวิ่งอ้อมรถมา รู้อีกทีล้อรถหน้าด้านคนขับเหยียบเข้าที่ศีรษะของหลานแล้ว ทำให้หลานเสียชีวิตทันที เมื่อเห็นร่างหลาน ตาและยายร้องไห้แทบขาดใจ เพราะเลี้ยงหลานคนนี้มาตั้งแต่เล็กๆ ก่อนนำร่างส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลพระแสงต่อไป.- สำนักข่าวไทย

อ.อ๊อด ชี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ กรณีรถยนต์ไฟฟ้า อดีตสส.สงขลา ไฟไหม้

นครปฐม 5 ก.ค. – อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ แสดงความคิดเห็นว่า กรณีรถยนต์ไฟฟ้าของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา เกิดไฟไหม้ ถือเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติ และแบตเตอรี่อาจจะมีปัญหา จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก Sirichok Sopha หรือ นายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แชร์ประสบการณ์ โดยระบุข้อความว่า “เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน รถคันนี้ซื้อจากศูนย์หาดใหญ่เมื่อ 2 ปีก่อน ผมใช้งานตามปกติ และที่สำคัญคือ ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆแต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียวรถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือ ซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัวไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา” รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม […]

สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน

กทม. 5 ก.ค.-สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน กรณีถูกชี้มูลร่วมลงชื่อเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กรณีข้าราชการครูผู้รับผิดชอบงานการเงินของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ได้ร้องขอความเป็นธรรมภายหลังถูกชี้มูลความผิดร่วมกับอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน จากการลงนามในเอกสารเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน โดยยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นสังกัด และยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งลงโทษทางวินัยออกโดยเขตพื้นที่ฯ แต่อย่างใด สำหรับการดำเนินการในขั้นต่อไป สพฐ. ได้จัดเตรียมนิติกรจากส่วนกลาง เพื่อสนับสนุนการให้คำปรึกษาทางกฎหมายและการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ครูสามารถใช้สิทธิในการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ตามมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ได้อย่างเต็มที่ เลขาธิการ กพฐ. ระบุว่า กรณีนี้สะท้อนถึงความจำเป็นที่ต้องทบทวนบทบาทภาระงานของครูในภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน โดยเฉพาะงานด้านการเงินและพัสดุ ซึ่งมีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงเชิงกฎหมายสูง สพฐ. จึงอยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบสนับสนุนภายในโรงเรียน เพื่อให้โครงสร้างงานสนับสนุนมีความเหมาะสมกับวิชาชีพครูมากยิ่งขึ้น “ข้าราชการครูที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตจะไม่ต้องเผชิญกระบวนการตามลำพัง สพฐ. พร้อมอยู่เคียงข้างและสนับสนุนในทุกขั้นตอน เพื่อให้สามารถใช้สิทธิและเข้าถึงความเป็นธรรมได้อย่างมั่นใจครับ” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว.-416.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ศิริโชค” เชื่อรถถูกเผาโยงการเมือง ตร.เร่งหาเบาะแสคนร้าย

6 ก.ค.- “ศิริโชค” ฟันธงเหตุรถยนต์ถูกลอบวางเพลิงมาจากเรื่องการเมือง ด้านตำรวจเร่งหาเบาะแสคนร้าย ส่วนบริษัทเจ้าของรถออกหนังสือชี้แจงสาเหตุไฟไหม้ ความคืบหน้าเหตุการณ์ไฟไหม้ รถ GWM HAVAL H6 PHEV ของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ 4 สมัย ซึ่งจอดอยู่ในบริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา เมื่อช่วงตี 3 วานนี้ (5ก.ค.68) ทำให้รถเสียหายทั้งคันและได้เข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.นาทวี เพื่อให้ตรวจสอบว่าเป็นความบกพร่องของรถหรือลอบวางเพลิง ล่าสุดในทางคดีมีการยืนยันชัดเจนแล้วว่า เป็นการจงใจลอบวางเพลิง โดยหลังจากที่วานนี้ พนักงานสอบสวน สภ.นาทวี และตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบหาสาเหตุเพลิงไหม้รถยนต์คันนี้ ปรากฏว่าพบมียางรถยนต์จำนวน 6 เส้นถูกเผาเหลือแต่เส้นใยเหล็ก พร้อมด้วยตับสิเหรงที่ใช้มุงหลังคา ซึ่งน่าจะเป็นเชื้อเพลิงในการจุดไฟเพื่อทำการเผารถยนต์คันนี้อยู่บริเวณใต้ท้องรถ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานและประสานชุดสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสผู้ก่อเหตุ ไม่ใช่เป็นอุบัติเหตุหรือความบกพร่องของรถแต่อย่างใด ด้านนายศิริโชค เปิดเผยว่า ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าเป็นการวางเพลิงโดยใช้ยางรถยนต์ ตับสิเหรง และใช้น้ำมันเบนซินราด จากที่ตนสังเกตแม้ว่าทางศูนย์หลักฐานจะยังไม่ยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่ว่าดูจากรูปการแล้วพุ่งเป้าไปที่คนวางเพลิง ไม่ใช่ความบกพร่องของรถ แต่มีความตั้งใจที่จะให้เป็นความบกพร่องของรถเพราะเป็นรถไฟฟ้า แต่สุดท้ายจากหลักฐานที่พบบ่งชี้ไปที่การวางเพลิง มองว่ามาจากเรื่องการเมืองมากกว่าเรื่องการสร้างสถานการณ์ด้านความมั่นคงหรือเรื่องส่วนตัว เพราะตนไม่มีความแค้นส่วนตัวกับใครไม่ได้ทำธุรกิจในพื้นที่ ไม่มีเรื่องชู้สาว สิ่งที่เดียวที่มีคือการเป็นนักการเมือง […]

รวบ “สังข์” ผู้ต้องหาแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร

6 ก.ค.- ตำรวจบุกรวบ “สังข์” ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด หลังก่อเหตุแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร จนมุมบนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ ตำรวจสอบสวนกลาง หรือ CIB จับกุมนายเกียรติศักดิ์ หรือ สังข์ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด ได้บนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวมาลงบันทึกการจับกุมที่ สน.เตาปูน และอยู่ระหว่างการควบคุมตัวกลับมาดำเนินคดีที่ สภ.เมืองสกลนคร นายเกียรติศักดิ์ ก่อเหตุหลบหนีจากห้องควบคุม สภ.เมืองสกลนคร เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 13 มิถุนายน เจ้าหน้าที่พบเบาะแสหลบซ่อนตัวบนเทือกเขาภูพาน ขณะเดียวกันโซเชียลพากันแชร์ภาพนายเกียรติศักดิ์ พบว่า เป็นบุคคลอันตรายที่อาจมีอาวุธ หากใครพบเห็นห้ามเข้าใกล้ ทั้งนี้ สภ.เมืองสกลนคร ได้ปูพรมค้นหาตามล่าตัวและตั้งรางวัลนำจับ เป็นเงิน 3 หมื่นบาทให้กับผู้แจ้งเบาะแส .-สำนักข่าวไทย

เจ้าอาวาสวัดดังพิษณุโลก ย่องลาสิกขา หลังพัวพันข่าวดัง

พิษณุโลก 6 ก.ค.- “พระ ส.” เจ้าอาวาสวัดดัง จ.พิษณุโลก ย่องลาสิกขาเงียบ หลังพัวพันข่าวดัง ขณะทางวัดยังไม่แถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุ เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก ได้ลาสิกขาอย่างเงียบ ๆ โดย พระครูวิโรจน์ธรรมากร เจ้าอาวาสวัดกรุงกรัก เจ้าคณะตำบลท่านางงาม เขต 2 เลขานุการเจ้าคณะอำเภอบางระกำ เป็นผู้ทำพิธีลาสิกขาให้พระ ส. ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเป็นสามีคนแรกของหญิงสาวที่รู้จักในฉายา “น้องดอกไม้” หรือสีกา ก. และยิ่งได้รับความสนใจเมื่อมีข้อมูลระบุว่า น้องดอกไม้มีบุตรสาววัย 13 ปี ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ในอดีตของพระ ส. ขณะทางวัดยังไม่มีการออกแถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุของการลาสิกขา แต่แหล่งข่าวใกล้ชิดเผยว่าเป็นการตัดสินใจส่วนตัวของเจ้าอาวาส เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของวัดและศาสนา -สำนักข่าวไทย

ไทยเปิดด่านกรณีพิเศษ ช่วยนายพลกัมพูชาป่วยฉุกเฉิน

สระแก้ว 6 ก.ค.- เพื่อมนุษยธรรม! ไทยเปิดด่านเป็นกรณีพิเศษ ช่วยเหลือนายทหารระดับสูงกัมพูชา ป่วยฉุกเฉิน ส่งรักษาโรงพยาบาล อ.อรัญประเทศ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังคงตึงเครียดและมีการปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ ได้เกิดภาพความประทับใจ เมื่อหน่วยงานความมั่นคงของไทย ร่วมกันตัดสินใจเปิดด่านเป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่นายทหารระดับสูงกัมพูชา โดยเจ้าหน้าที่ไทยจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันอำนวยความสะดวกบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา เพื่อนำตัวส่งโรงพยาบาลเกษมราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนลอรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ เพื่อทำการรักษาให้ทันท่วงที ปัจจุบันด่านคลองลึก ยังคงปิดทำการจากปัญหาชายแดนที่ยังไม่คลี่คลาย แต่การดำเนินการดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า หลักมนุษยธรรมและความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อกันนั้นอยู่เหนือปัญหาความขัดแย้งใด ๆ ทั้งปวง และยังแสดงถึงมิตรภาพที่แน่นแฟ้นของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติงานของทั้งสองประเทศ -สำนักข่าวไทย