รวบโจ๋วัย 18 กับพวก แทงอริดับ ย่านหนองจอก

กทม. 25 ส.ค. – โจ๋วัย 18 ปี ร่วมกับเยาวชนชายวัย 15 ปี อีก 2 คน ก่อเหตุแทงอริดับ และบาดเจ็บสาหัส ในซอยเชื่อมสัมพันธ์ 19 ย่านหนองจอก ตำรวจเร่งสอบปากคำ


เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ทีมข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุวัยรุ่น ยกพวกทะเลาะวิวาทใช้มีดแทงกันตายและได้รับบาดเจ็บอีกหลายคน ภายในซอยเชื่อมสัมพันธ์ 19 ถนนเชื่อมสัมพันธ์ เมื่อถึงที่เกิดเหตุ ทีมข่าวพบร่องรอยของเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นคราบเลือดหยดเป็นทางยาวบนกลางถนนเข้าไปยังภายในซอยเชื่อมสัมพันธ์ 19

จากการสอบถามชาวบ้านที่อยู่บริเวณดังกล่าว เล่าว่า เมื่อคืนเวลาเกือบ 21.00 น. ได้ยินเสียงรถจักรยานยนต์ขี่วนไปวนมาในพื้นที่และมีเสียงเอะอะโวยวาย ตนเองไม่กล้าออกมาดู เพราะกลัวจะมีอันตราย แต่สามีเดินออกมาดูพบมีรถจักรยานยนต์สีแดงจอดบริเวณปากซอย และยังมีชายคนหนึ่งนอนจมกองเลือดอยู่กลางถนน โดยมีกลุ่มวัยรุ่นซึ่งคาดว่าเป็นเพื่อนผู้ตายประมาณ 10 กว่าคน มาห้อมล้อมพร้อมกับขี่รถจักรยานยนต์วนไปวนมาลักษณะไล่หาตัวผู้ก่อเหตุ เท่าที่ทราบ ผู้ตายทะเลาะวิวาทกับกลุ่มวัยรุ่นภายในซอย ก่อนถูกแทงแล้วขี่รถจักรยานยนต์ออกมาถึงบริเวณปากซอย แต่ก็สิ้นใจตายกลางถนน


สอดคล้องกับชาวบ้านกลางซอย เล่าว่า มีกลุ่มวัยรุ่น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้ตายมากัน 2 คน และกลุ่มผู้ก่อเหตุมากัน 3 คน ขี่จักรยานยนต์ไล่กันและด่าทอกันไปมา มุ่งหน้าออกไปทางปากซอย แต่เมื่อถึงบริเวณหัวโค้ง ปรากฏว่า ผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บเสียหลักรถล้ม เลยถูกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุมทำร้ายและใช้อาวุธมีดแทงหนึ่งใน 3 คน แต่ทั้งสามขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีออกไปหน้าปากซอย และทราบอีกทีว่า คนที่ถูกแทงสิ้นใจตายแล้วหน้าปากซอย ส่วนอีก 2 คน สาหัส

สำหรับคนตายและคนเจ็บเป็นเด็กวัยรุ่นในพื้นที่ ส่วนผู้ก่อเหตุ 2 คน เป็นคนต่างพื้นที่ ด้านพ่อแม่ของนายธีรภัทร อายุ 19 ปี ผู้บาดเจ็บ เล่าว่า เท่าที่ตนได้ทราบจากลูกชาย เมื่อคืนนี้ลูกชายไปอยู่กับกลุ่มเพื่อนบริเวณบึงท้ายซอยกันตามปกติ ก่อนที่จะขี่จักรยานยนต์ออกมาบริเวณปากซอย โดยผู้ตายและลูกชายขี่จักรยานยนต์กันคนละคัน แต่ในระหว่างทางถึงกลางซอย ปรากฏว่ามีกลุ่มวัยรุ่นขี่จักรยานยนต์ซ้อนสาม 1 คัน ขี่ไล่หลังมา พร้อมตะโกนด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย ตัวผู้ตายแล้วผู้บาดเจ็บเลยขี่รถจักรยานยนต์ตามไป เพราะไม่พอใจที่อยู่ดี ๆ ก็โดนตะโกนด่า แต่เมื่อถึงโค้งใกล้ออกปากซอย อยู่ดีๆ ก็มีรถเก๋งคันหนึ่งจอดดักอยู่และกลุ่มผู้ก่อเหตุ 3 คน ที่ขี่จักรยานยนต์ซ้อนกันก็จอดดักแล้วเกิดการรุมทำร้ายกันเกิดขึ้น หนึ่งในกลุ่มผู้ก่อเหตุใช้อาวุธมีดแทงเข้าที่หน้าอกของผู้เสียชีวิต จนทำให้ผู้เสียชีวิตขี่จักรยานยนต์หนีเอาไปปากซอย ก่อนจะไปสิ้นใจกลางถนน

ส่วนลูกชายถูกรุมทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส ใบหน้าบวมปูดและมีบาดแผลตามร่างกาย ขณะนี้อยู่ในระหว่างการพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล แพทย์ประเมินอาการเบื้องต้น พบว่าไม่อันตรายถึงแก่ชีวิต แต่อยู่ในระหว่างการสังเกตอาการและเอกซเรย์สมอง ตอนนี้ยังพูดจาวกไปวนมาและเบลอไม่ได้สติมากนัก


พ่อแม่ผู้บาดเจ็บยังกล่าวอีกว่าตัว ลูกชายเรียนจบโรงเรียนอาชีวะแห่งหนึ่งย่านหนองจอก ประกอบอาชีพรับจ้างติดตั้งเสาไฟเวที ที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหาทะเลาะวิวาทกับใคร ตัวลูกชายมักจะชอบไปเล่นกับกลุ่มเพื่อนที่บึงท้ายซอยเป็นประจำ แต่ไม่มีเรื่องของยาเสพติดอย่างแน่นอน ส่วนตัวผู้ตายนั้น ค่อนข้างจะสนิทกับลูกชายอย่างมาก เท่าที่ทราบเช่าหอพักอยู่บริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในย่านหนองจอก เพราะเป็นคนต่างจังหวัด พักอาศัยอยู่กับแม่ แต่ก็ไม่ทราบเช่นเดียวกันว่า ตัวผู้ตายมีอริหรือไม่

ทั้งนี้ คาดว่าตัวผู้ก่อเหตุทั้ง 3 คน น่าจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นนอกพื้นที่ เพราะโดยปกติแล้ว ในพื้นที่นี้มักจะมีปัญหาวัยรุ่นทะเลาะวิวาท ด้วยสาเหตุเกี่ยวกับเรื่องของคนละพื้นที่และอาจจะมีเรื่องของสถาบันการศึกษามาเกี่ยวข้องด้วย ก่อนหน้านี้ตนได้ยินมาว่า มีกลุ่มวัยรุ่นนอกพื้นที่ต้องการจะมาเอาชีวิตวัยรุ่นที่อยู่ภายในซอยเชื่อมสัมพันธ์ 19 แต่ตนก็ไม่แน่ชัดว่าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ครั้งนี้หรือไม่

พร้อมยอมรับว่า กังวลในเรื่องของทางคดี เพราะเกรงว่าจะไม่สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้หรืออาจจะได้ตัวคนร้ายแล้วแต่ปล่อยตัวไป เพราะพยานหลักฐานไม่แน่นหนาพอ จึงอยากจะฝากช่วยเร่งรัดทางคดีไปทางตำรวจว่า ขอให้เร่งสอบสวนและไล่กล้องวงจรปิดเพื่อให้ได้ตัวคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว

ขณะที่บรรยากาศที่สนลำผักชี เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ผ่านมา ตำรวจฝ่ายสืบสวน ได้ควบคุมตัว เยาวชนชายวัย 15 ปี ผู้ต้องสงสัยร่วมก่อเหตุทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย เมื่อคืนที่ผ่านมา เข้ามาสอบปากคำที่ สน. ต่อมามีหญิงวัยกลางคน ขี่รถจักรยานยนต์ตามเข้ามาพร้อมนำเอกสารและข้าวของบางอย่าง มาให้พนักงานสอบสวน พร้อมยอมรับกับทีมข่าวว่า เยาวชนชายที่ตำรวจควบคุมมาก่อนหน้านี้เป็น 1 ใน 3 คนที่ร่วมกันลงมือทำร้ายกลุ่มผู้เสียชีวิต ภายในซอยเชื่อมสัมพันธ์ 19 หลังจากตำรวจไปหาที่บ้านพร้อมสอบถามว่าเป็นผู้ลงมือหรือไม่ เยาวชนชาย ยอมรับ ว่าเป็นผู้ร่วมลงมือรุมกระทืบผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตจริง อย่างไรก็ตาม สำหรับมือแทงนั้นได้เดินทางเข้ามอบตัวตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา

ด้านวัยรุ่นอีก 1 คน ซึ่งเป็นเพื่อนกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ ซื้อข้าวและน้ำ มาให้เพื่อน พร้อมกับระบุว่า ขณะเกิดเหตุตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์จึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ทราบเพียงว่า เพื่อนและน้องๆ ได้ก่อเหตุดังกล่าวจริง ซึ่งทุกคนยอมรับสารภาพ วันนี้ในฐานะคนรู้จักก็ทำหน้าที่เพียงมาเยี่ยม ให้กำลังใจและซื้อข้าวปลาอาหารมาให้ได้เท่านั้น เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าสภาพของผู้ต้องหาเป็นอย่างไร เจ้าตัวยอมรับว่า ทุกคนอยู่ในสภาพเครียด แต่เมื่อถามว่า ต้องการจะขอโทษทางฝั่งผู้เสียชีวิตหรือไม่ ตนไม่สามารถตอบได้ เพราะไม่ใช่ผู้ก่อเหตุ แต่ต้องยอมรับว่า ฝั่งผู้เสียชีวิตสูญเสียมาก ตัวเองก็ไม่ได้อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ และขอแสดงความเสียใจกับทางกลุ่มผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บด้วย

ขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างสอบปากคำ มือแทงวัย 18 ปี ถึงพฤติการณ์ของคดี ส่วนเยาวชนชายวัย 15 ปีอีก 2 คน เพื่อนร่วมก่อเหตุนั้น ตำรวจยังไม่สามารถสอบปากคำได้ต้องรอเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพร่วมสอบในวันพรุ่งนี้.-414-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ พล.ท.บุญสิน เป็นทหารราชองครักษ์พิเศษ

กทม. 27 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายทหาร-นายตำรวจ เป็นราชองครักษ์พิเศษ 38 นาย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 อยู่ในลำดับที่ 20 เมื่อวันที่ 27 ก.ย.2568 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศให้นายทหารสัญญาบัตรและนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร แต่งตั้งเป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษและนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้นายทหารสัญญาบัตรและนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร แต่งตั้งเป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษและนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ จำนวน 38 นาย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติการถวายความปลอดภัย พ.ศ. 2560 มาตรา 6 มาตรา 7 และมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติราชองครักษ์ พุทธศักราช 2480 มาตรา 4 มาตรา 5 และมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัตินายตำรวจราชสำนัก พ.ศ. 2495 และข้อ 6 ของระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการแต่งตั้งราชองครักษ์ พ.ศ.2559 .-313.-สำนักข่าวไทย

ไฟไหม้ จยย. ลามวอดทั้งลานจอด

กทม. 27 ก.ย.-วงจรปิดจับภาพวินาทีไฟไหม้รถจักรยานยนต์ที่ลานจอด ก่อนลุกลามระเบิดวอดรถจักรยานยนต์ 29 คัน รถยนต์ 3 คัน และจักรยาน 3 คัน วงจรปิดจับภาพวินาทีไฟเริ่มลุกไหม้รถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ด้านในสุด ก่อนจะลุกลามมาคันข้างๆ และระเบิด จนควันปกคลุมไปทั่ว แล้วไฟได้ลุกลามไปอย่างรวดเร็ว ทำให้รถจักรยายนต์ที่จอดอยู่เสียหายถึง 29 คัน รถยนต์ 2 คัน รถกระบะ 1 คัน และจักรยานอีก 3 คัน เหตุการณ์เกิดขึ้นเวลาประมาณ 01.40 น. เช้าวันนี้ (27 กย.68) ที่ลานจอดรถ ของพี.อาร์.เค แมนชั่น ใกล้ปากซอยสุขสวัสดิ์ 17 เเขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ ตำรวจพร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเร่งเข้าช่วยเหลือฉีดน้ำสกัดท่ามกลางเปวดพลิงที่และกำลังลุกลามต่อเนื่องไปยังลานจอดรถยนต์ด้านในอาคาร โดยใช้เวลานานกว่า 20 นาที จึงควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ ซึ่งรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่เสียหายทั้งหมด เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุ ต้องรอให้เจ้าหน้าส่วนเกี่ยวข้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย

กัมพูชาเปิดฉากยิงป่วน 2 พื้นที่ ปราสาทตาควาย-ช่องบก

26 ก.ย. – กัมพูชาเปิดฉากยิงไทยแล้ว 2 จุด บริเวณพื้นที่ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ และเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี เวลาประมาณ 16.40 น. รับแจ้งจากหน่วยทหารในพื้นที่ ระบุว่า บริเวณเนิน 350 พื้นที่ประสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ ได้ยินเสียงระเบิด 1 ครั้ง และพื้นที่ “จุ๊บอั่งกุย” ได้ยินเสียงปืนเล็ก 5-6 นัด คาดว่าเป็นการก่อเหตุยั่วยุจากทางฝั่งกัมพูชา ล่าสุดเหตุการณ์กลับสู่ภาวะปกติ อยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติมจากหน่วยทหารในพื้นที่ ขณะที่บริเวณเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยอมรับว่า ไทยถูกกัมพูชายิงระเบิดใส่จริง ขณะนี้กำลังเร่งตรวจสอบ เก็บหลักฐานไปประท้วง พร้อมขอให้ประชาชนช่วยรักษาความลับราชการ ไม่เผยแพร่ภาพพิกัดยุทโธปกรณ์ของทหาร.-สำนักข่าวไทย

กรมการปกครอง ไม่อนุมัติ “ผู้กองแคท” โยกช่วยงานประธานรัฐสภา

กทม 26 ก.ย.- กรมการปกครอง ไม่อนุมัติ “ผู้กองแคท” โยกไปช่วยงานประธานรัฐสภา ชี้นโยบายชัด ปลัดอำเภอใหม่ต้องปฏิบัติงานในพื้นที่จริง เพื่อสั่งสมประสบการณ์ นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทน อธิบดีกรมการปกครอง ทำหนังที่ มท 302.13481 ถึงเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เรื่องขอยืมตัวข้าราชการช่วยราชการ โดย อ้างถึง หนังสือสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ด่วนที่สุด ที่ สผ001.02/479 ลงวันที่ 25 กันยายน 2568 โดยมีรายละเอียดว่า ตามหนังสือที่อ้างถึง สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แจ้งว่า มีความประสงค์ขอยืมตัวข้าราชการสังกัดกรมการปกครองราย ร้อยตำรวจเอกหญิง อาทิติยา เบ็ญจะปัก ตำแหน่ง นักประชาสัมพันธ์ปฏิบัติการ ส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมการปกครอง มาช่วยราชการที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในส่วนงานของประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย อีกหน้าที่หนึ่ง โดยไม่ขาดจากตำแหน่งหน้าที่เดิม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่1ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป นั้น กรมการปกครอง ขอเรียนว่า […]

ข่าวแนะนำ

น้ำปิงล้นตลิ่ง

ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เรียกประชุมด่วนทุกหน่วยงาน เตรียมรับมือน้ำ หลังน้ำปิงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

เชียงใหม่ 27 ก.ย. – ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เรียกประชุมทุกหน่วยงาน ติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมรับมืออุทกภัย หลังระดับน้ำปิงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาดสูงถึง 4.15 เมตร ในคืนนี้ ประเมินเบื้องต้นยังสามารถบริหารจัดการได้ และสั่งทุกหน่วยเตรียมพร้อมเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง ค่ำวันนี้ (27 ก.ย. 68) ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ สำนักงานชลประทานที่ 1 (SWOC1) อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และนายศิวะ ธมิกานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เรียกประชุมด่วนทุกหน่วยงาน ติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมรับมือระดับน้ำในแม่น้ำปิงหลังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังเกิดฝนตกหนักในพื้นที่ตอนบนของจังหวัด ส่งผลให้ให้มวลน้ำจำนวนมากจะไหลลงมาผ่านตัวเมืองที่เป็นย่านเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ในช่วงเวลา 22.00-24.00 น. คืนนี้ ชลประทานเชียงใหม่คาดการณ์ว่าระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นจากเดิม 3.9 เมตร เป็น 4.0-4.15 เมตร และจะส่งผลให้น้ำปริ่มและเอ่อล้นตลิ่งเล็กน้อย แต่ยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการสถานการณ์ได้ เนื่องจากมีการเสริมคันกันน้ำทั้งสองฝั่งแม่น้ำปิง ซึ่งสามารถรองรับน้ำได้สูงถึง 4.2 เมตร สำหรับสถานการณ์ฝนในพื้นที่อำเภอต่างๆ โดยเฉพาะที่อำเภอแม่แตง ทางอำเภอได้รายงานว่าตลอดทั้งวันยังมีฝนตกในพื้นที่ […]

การรถไฟฯ แจ้งน้ำท่วมทำ “ทางรถไฟขาด” สั่งปรับแผนเดินรถ

27 ก.ย. – การรถไฟแห่งประเทศไทย ประกาศแจ้งเหตุน้ำท่วมหนัก “ทางรถไฟขาด” ที่บ้านเหลื่อม จ.นครราชสีมา สั่งปรับแผนเดินรถ ขณะนี้ได้สั่งการและดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ พร้อมปรับแผนการเดินรถเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร ดังนี้ 1.ขบวนรถด่วนที่ 75/76 กรุงเทพอภิวัฒน์ – หนองคาย – กรุงเทพอภิวัฒน์2.ขบวนรถสินค้าที่ 553 มาบตาพุด – บัวใหญ่3.ขบวนรถสินค้าที่ 532 สำราญ – บางละมุงให้เปลี่ยนการเดินขบวนรถในเส้นทางชุมทางแก่งคอย – นครราชสีมา – ชุมทางบัวใหญ่ – หนองคาย 4.ขบวนรถท้องถิ่นที่ 439 ชุมทางแก่งคอย – ชุมทางบัวใหญ่ เดินถึงสถานีบ้านเหลื่อม5.ขบวนรถท้องถิ่นที่ 434 ชุมทางบัวใหญ่ – ชุมทางแก่งคอยรอสถานการณ์น้ำที่สถานีชุมทางบัวใหญ่ จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่สามารถประมาณการเวลาในการเปิดทางได้ เนื่องจากระดับน้ำยังคงท่วมสูงและยังไม่มีแนวโน้มลดลง ทั้งนี้ การรถไฟฯ จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และจะแจ้งรายละเอียดเพิ่มเติมให้ทราบ เมื่อมีความคืบหน้าในการเปิดเส้นทางเดินรถ ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้.-513-สำนักข่าวไทย

กองทัพภาคที่ 2 ซัดเขมรใช้แผนยั่วยุซ้ำแล้วซ้ำเล่า

อุบลราชธานี 27 ก.ย.-กองทัพภาคที่2 ซัดเขมรใช้แผนยั่วยุซ้ำแล้วซ้ำเล่า ย้ำรู้ทันแผนโฆษณาชวนเชื่อต่อนานาชาติ เมื่อเวลา 14.40 น. วันที่ 27 ก.ย. 68 ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ได้สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ 27 ก.ย. ณ เวลา 14.00 น. ว่าสถานการณ์โดยรวมเมื่อเวลา 12.02 น. ฝ่ายกัมพูชาได้พยายามสร้างสถานการณ์ความตึงเครียด ขึ้นอีกครั้งบริเวณพื้นที่ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี โดยใช้อาวุธสงครามยิงเข้ามายังพื้นที่ ของฝ่ายไทยจากบริเวณเนิน 677 มายังเนิน 600 และ เนิน 527 พร้อมทั้งใช้อาวุธปืนเล็กยิงปะทะเป็นระยะ ก่อนที่สถานการณ์จะยุติลง ทั้งนี้ การปะทะจำกัดวงอยู่เฉพาะบริเวณดังกล่าว แต่ทั้งสองฝ่ายยังคงตรึงกำลังควบคุมพื้นที่อย่างใกล้ชิด ต่อมาในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ฝ่ายไทยได้รับแจ้งจากกัมพูชา ว่า คณะสังเกตการณ์ระหว่างประเทศ (IOT) ของกัมพูชา จะเดินทางเข้าพื้นที่ช่องอานม้า กองทัพภาคที่ 2 ประเมินว่าเป็นความพยายามของกัมพูชา ในการสร้างเงื่อนไขและยั่วยุให้เกิดสถานการณ์ เพื่อให้สอดคล้องกับช่วงเวลาที่คณะ IOT […]

นายกฯ ลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วมอยุธยาฯ

พระนครศรีอยุธยา 27 ก.ย.-นายกฯ ลงพื้นที่พระนครศรีอยุธยา ตรวจน้ำท่วม เร่งเยียวยาแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน เดินหน้าบูรณาการหน่วยงานใช้งบแสนล้านบาท พัฒนาระบบชลประทานและการจัดการน้ำ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ สส.ของพรรค ให้การต้อนรับ และในโอกาสนี้ นายทวิวงศ์ โตทวิวงศ์ สส.พรรคประชาชน เขต1 ที่มาร่วมงานด้วย ทันทีที่นายกรัฐมนตรีได้เดินทางมาถึงบริเวณวัดโคกหิรัญ มีประชาชนมารอให้การต้อนรับ มอบดอกกุหลาบให้กำลังใจ พร้อมร้องเพลง มาร์ช อสม.ต้อนรับนายกรัฐมนตรี พร้อมกับถ่ายรูปเซลฟี่ อย่างเป็นกันเอง ก่อนที่จะรับฟังการรายงานสถานการณ์น้ำในพื้นที่จากผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยผู้ว่าราชการจังหวัดยืนยันว่า พื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ ไม่ใช่พื้นที่ทุ่งรับน้ำ พื้นที่มีโฉนดที่ดินทั้งหมด ไม่ใช่ที่สาธารณะ หรือแก้มลิง พร้อมขอให้มีการพิจารณาจ่ายเงินเยียวยาเพื่อบรรเทาปัญหาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย เนื่องจากไม่ได้รับความสะดวกในการประกอบอาชีพ นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณที่ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น มาในสถานะนายกรัฐมนตรี ถือว่าสามารถที่จะมาตอบสนองความต้องการของประชาชนในทุกๆ มิติ รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลที่ทำงานร่วมกันเป็นทีมเดียวกัน กับพรรคร่วมรัฐบาล เป้าหมายคือประโยชน์สูงสุดของประชาชน นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ทราบดีอยู่แล้วว่าจังหวัดพระนครศรีอยุธยาแห่งนี้ มีน้ำท่วมทุกปี น้ำท่วมซ้ำซาก […]