ทำเนียบ 22 ม.ค.-นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงการเตรียมการสร้างความสามัคคีปรองดองว่า ตนเห็นด้วยที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. บอกว่า ไม่ใช่เดิมพันของรัฐบาล แต่เป็นเดิมพันของคนไทยทุกคน และเป็นเดิมพันของประเทศ เพราะถ้าการปรองดองสามารถเดินหน้าต่อไปได้ก็จะมีส่วนอย่างสำคัญที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงประเทศของเราไปในทางที่ดีขึ้น ดังนั้นจึงขอเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีทำเรื่องการปรองดองให้เป็น “วาระแห่งชาติ” เพื่อให้ทุกภาคส่วนในสังคมไทยเข้ามามีส่วนร่วมในการทำเรื่องปรองดองซึ่งเป็นเรื่องสำคัญนี้ร่วมกัน เพราะในความเป็นจริงความขัดแย้ง ไม่ใช่เกิดขึ้นเฉพาะคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น แต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวพันไปกับเกือบทุกภาคส่วนของสังคมไทย ทั้งนักการเมือง กลุ่มการเมือง ภาคประชาชน ตำรวจ ทหาร นักวิชาการ นักธุรกิจ รวมทั้งประชาชนทั่วไปด้วย จึงควรระดมความร่วมมือ ร่วมใจ จากทุกภาคส่วนในสังคมไทย ส่วนการที่บางฝ่ายออกมานำเสนอเรื่อง MOU หรือเรื่องนิรโทษกรรมนั้น เรื่องดังกล่าวเป็นเพียงวิธีการหนึ่งในการสร้างความปรองดองแต่ไม่ใช่หลักการที่แท้จริง และเมื่อคณะกรรมการฯ ยังไม่เริ่มทำงาน การเสนอแนวคิดเรื่องนี้จึงทำให้เกิดความสับสนโดยเฉพาะหากเป็นข้อเสนอจากแม่น้ำ 5 สายของ คสช. อาจจะก่อให้เกิดการเข้าใจผิด และอาจถูกมองว่า มีธงล่วงหน้าจาก คสช. ซึ่งไม่ก่อให้เกิดผลดีต่อการทำให้เกิดการปรองดองแต่อย่างใด
นายองอาจ กล่าวอีกว่า เพื่อให้การทำงานของ คณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติและการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) ด้านปรองดองมีความครบถ้วนสมบูรณ์มากที่สุด ขอเสนอให้ ปยป. ด้านปรองดอง นำผลงานการศึกษาด้านการปรองดองจากอดีตถึงปัจจุบันของคณะกรรมการชุดต่างๆ จำนวน 7 คณะมาเป็นพื้นฐานในการทำงานอาทิคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริง เพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ที่มีนาย คณิต ณ นคร เป็นประธาน รวมถึงคณะกรรมการศึกษาแนวทางสร้างความปรองดอง สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่มีนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ เป็นประธาน และผลการศึกษาเรื่องการปรองดอง สมานฉันท์ สันติวิธี ของสถาบันพระปกเกล้า เป็นต้น เพราะน่าจะเป็นประโยชน์ต่อการทำงานของ ปยป. ด้านปรองดอง ในการนำไปต่อยอดการทำงานให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น.-สำนักข่าวไทย