กรุงเทพฯ 5 ส.ค. – รมว.ศธ. ชูวิสัยทัศน์ ผลักดัน “3 เร่ง 3 ลด 3 เพิ่ม” สู่วาระแห่งชาติ เสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยไทย
พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ ประกาศวิสัยทัศน์เกี่ยวกับแนวทางการทำงานในการขับเคลื่อนข้อเสนอเชิงนโยบาย “3 เร่ง 3 ลด 3 เพิ่ม เพื่อส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยในสภาวะวิกฤต”เป็นวาระแห่งชาติ ดังนี้ 1. สกศ.รับผิดชอบประสานการจัดทำแผนการขับเคลื่อนข้อเสนอเชิงนโยบายการพัฒนาเด็กปฐมวัย โดยใช้เว็บไซต์ “ปฐมวัยไทยแลนด์” เป็นสื่อกลางเพื่อเป็นแหล่งค้นคว้าให้กับผู้ที่สนใจ 2.กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็น 4 กระทรวงหลักร่วมกับ กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานอื่น ขับเคลื่อนข้อเสนอเชิงนโยบาย 3 เร่ง 3 ลด 3 เพิ่ม 3. คณะอนุกรรมการด้านสื่อสารเพื่อการพัฒนาเด็กปฐมวัยในคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเด็กปฐมวัย ร่วมกับภาคีเครือข่าย และภาคเอกชน จัดทำแผนการสื่อสารและประชาสัมพันธ์เชิงรุกนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง Mind Set ของคนในสังคม ในการดูแลเด็กปฐมวัยอย่างถูกวิธีผ่าน Main Campaign “เพิ่มเวลาคุณภาพ เล่นเป็น กอดเป็น เล่าเป็น” และ Second Campaign “งดจอก่อน 2 ขวบ ร่วมสร้างวินัย ไม่ใช้ความรุนแรง”
พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าวว่า การประชุมวิชาการระดับชาติในครั้งนี้ ตนเชื่อมั่นว่าองค์ความรู้ ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะที่ได้จากการประชุมจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการขับเคลื่อนและพัฒนาเด็กปฐมวัยในอนาคตให้เข้มแข็งและเป็นพลเมืองที่ดีต่อไป ในส่วนของพัฒนาการเด็กปฐมวัย 3 เร่ง 3 ลด 3 เพิ่ม ตนได้เติมไปอีกนิดหนึ่งในกระบวนการคืออยากให้คิดนอกกรอบด้วย เพราะมองว่าเป็นอีกหนึ่งในวิธีการมองโลกอย่างรู้เท่าทันในยุคที่มีเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามา ส่วนในกรณีต่างประเทศที่มีการบังคับใช้กฎหมายห้ามเด็กใช้มือถือถึงอายุ 8 ขวบ ตนมองว่า ในไทยอาจจะต้องลองดูก่อน แต่คงจะไม่ถึงขั้นต้องบังคับใช้กฎหมาย เน้นการสื่อสารและทำความเข้าใจประกอบกับผู้ใหญ่ที่แวดล้อมเด็กๆ จะต้องเป็นตัวอย่างที่ดี เริ่มจากลดการใช้มือถือในที่สาธารณะลงเพราะเด็กจะดูเป็นแบบอย่างได้
ด้าน ดร.อรรถพล สังขวาสี เลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) กล่าวว่า จากวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมาเป็นระยะเวลากว่า 2 ปี ที่สถานพัฒนาเด็กปฐมวัยต้องปิดทำการ และปรับการเรียนรู้ไปสู่รูปแบบออนไลน์ ส่งผลให้เด็กปฐมวัยตกอยู่ในภาวะวิกฤตการเรียนรู้ถดถอย จึงเป็นเหตุให้เราเน้นนโยบาย “3 เร่ง 3 ลด 3 เพิ่ม” ซึ่งองค์ความรู้และข้อคิดเห็นในการประชุมครั้งนี้จะนำไปสู่การจัดทำแผนการศึกษา และเตรียมนำเข้าสู่ มติ ครม.ต่อไป ซึ่งนอกจากมาตรการดังกล่าวแล้ว ก็ต้องมีการวางแผนกำหนดมาตรฐานของครูปฐมวัย ตลอดจนอาคารสถานที่ที่มีผลต่อผู้เรียนให้มีคุณภาพไปสู่วิธีปฏิบัติได้จริง เช่น ผู้ปกครองจะมีวิธีดูแลลูกอย่างไรในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากขึ้น เริ่มต้นจากการงดการใช้มือถือในเด็กก่อน 2 ขวบเพราะมีงานวิจัยระบุว่ามีผลต่อพัฒนาการและมีพฤติกรรมที่ก้าวร้าวในเด็ก เป็นต้น
นอกจากนี้ภายในงานได้มีการจัดนิทรรศการการนำเสนอผลงานทางวิชาการ และนวัตกรรมเกี่ยวกับการส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย.-416- สำนักข่าวไทย