เตรียมผลักดัน จ.อุดรธานีเป็นศูนย์กลางอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง


จ.อุดรธานี 1 ธ.ค.- นายกฯ พร้อมผลักดัน จ.อุดรธานี เป็นศูนย์กลางอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ภายใต้เส้นทางโลจิสติกส์ สร้างประโยชน์ สร้างรายได้



พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เกี่ยวกับการพัฒนาจังหวัดอุดรธานี เพื่อหารือแลกเปลี่ยนทิศทางการพัฒนาจังหวัดอุดรธานี ณ ศูนย์ประชุมมลฑาทิพย์ ฮอลล์ อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี โดยมี พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี , นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมหารือกับส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน และภาคส่วนต่างๆ ในพื้นที่ โดยมีประเด็นสำคัญ ได้แก่ 1. ระบบการขนส่งและโลจิสติกส์ โดยเฉพาะโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพ – หนองคาย และการเตรียมความพร้อมรองรับโครงข่ายการขนส่งระหว่างจีน – ลาว -ไทย 2. ทิศทางการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว โดยการเปิดประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวแบบ New Normal โดยในพื้นที่จังหวัดอุดรธานีได้รับการกำหนดเป็นพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว (พื้นที่สีฟ้า) ภายใต้โครงการอุดร พลัส โมเดล 3. การเตรียมความพร้อมของจังหวัดอุดรธานีในการเป็นเจ้าภาพการจัดมหกรรมพืชสวนโลก 2026 (พ.ศ. 2569) ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2569 – 14 มีนาคม 2570 ณ พื้นที่ชุ่มน้ำหนองแด ตำบลกุดสระ อำเภอเมืองอุดรธานี และ 4. รายงานมุมมองนักธุรกิจรุ่นใหม่ในการพัฒนาจังหวัดอุดรธานี โดยเฉพาะความร่วมมือในการผลักดันและรวมตัวกันสร้างเครือข่ายธุรกิจ รวมถึงการเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาและสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจและสังคมในช่วงหลังสถานการณ์โควิด -19


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้เห็นถึงศักยภาพของจังหวัดอุดรธานี ในการเป็นศูนย์กลางของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (Hub of GMS) ได้อนุมัติงบประมาณ ปรับปรุงระบบโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุนในทุกมิติ ดังนี้ 1. รถไฟฟ้าความเร็วสูง กำลังเร่งก่อสร้าง จากกรุงเทพฯ-นครราชสีมา-ขอนแก่น ผ่านอุดรธานีสิ้นสุดที่หนองคายและเชื่อมต่อกับระบบรถไฟลาว-จีน 2. ท่าอากาศยานนานาชาติอุดรธานี ซึ่งเป็นสนามบินภูมิภาคของกรมท่าอากาศยาน ที่มีผู้ใช้บริการสูงสุดก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 ก็กำลังจะขยายให้รองรับผู้โดยสารให้ได้มากขึ้นเป็นจำนวน 7 ล้านคนต่อปี 3. ถนนมิตรภาพ อุดรธานี-หนองคาย กำลังขยายเป็น 6 เลนตลอดสาย ลงมือก่อสร้างแล้วในปีนี้ (2564) คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2567 ช่วยรองรับนักธุรกิจ นักท่องเที่ยวจาก สปป.ลาว และจีนได้อีกมาก 4. ถนนสายใหม่ตัดตรง อุดรธานี-บึงกาฬ ปลายทางเชื่อมต่อสะพานข้ามแม่น้ำโขง แห่งที่ 5 บึงกาฬ-บอลิคำไซ ขณะนี้ สำรวจเส้นทางที่จะสร้างถนนเสร็จแล้ว ถนนสายนี้มีมูลค่าประมาณ 5,500 ล้านบาท ซึ่งจะมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมตั้งงบประมาณก่อสร้างโดยเร็วต่อไป เพื่อให้เชื่อมกับสะพานข้ามแม่น้ำโขง จ.บึงกาฬที่กำลังลงมือก่อสร้างอยู่ โดยชาวอุดรธานีและทุกจังหวัดในภูมิภาคนี้ จะได้รับประโยชน์มาก



นายกรัฐมนตรี กล่าวชื่นชมนักลงทุนอุดรธานี ที่ได้ลงทุนสร้างนิคมอุตสาหกรรมแห่งแรกของภาคอีสาน ที่ จ.อุดรธานี รัฐบาลจะสนับสนุนภาคเอกชนให้เดินไปด้วยกัน โดยจะเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟและเส้นทางถนนมิตรภาพ เข้าสู่นิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี ให้สะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ ต้องสร้างและส่งเสริมให้อุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดโลก รวมทั้งจะต้องพัฒนาฝีมือแรงงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รองรับการทำงานร่วมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่
ส่วนภาคการท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรียังกล่าวแสดงความยินดีกับคนอุดรธานีที่ได้รับการปรับระดับให้เป็นเมืองท่องเที่ยวหลักและได้รับเลือกให้เป็นเมือง MICE City ตั้งแต่ปี 2563 ทั้งนี้ รัฐบาลยังอนุมัติให้จังหวัดอุดรธานี เสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานพืชสวนโลกในปี 2569 โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวให้กำลังใจ พร้อมให้จังหวัดเตรียมข้อมูลการนำเสนอการเป็นเจ้าภาพฯ ให้ครบถ้วน เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศและพื้นที่ให้มากที่สุด


ด้านผู้แทนภาคเอกชนและภาคประชาสังคมจังหวัดอุดรธานี กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลที่สามารถดำเนินโครงการต่างๆ ให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย ส่งผลประโยชน์ก่อให้เกิดการสร้างโอกาสให้กับจังหวัดอุดรธานีในการเป็นศูนย์กลางการค้า การลงทุน การท่องเที่ยวและระบบโลจิสติกส์ ของกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง เพื่อสร้างงาน สร้างคน สร้างรายได้ให้กับประชาชน รวมถึงขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่างยั่งยืน พร้อมขอบคุณที่ให้โอกาสนักธุรกิจรุ่นใหม่ YEC หอการค้าจังหวัดอุดรธานี นําเสนอมุมมองนักธุรกิจรุ่นใหม่ในการพัฒนาจังหวัดอุดรธานี ผลักดันการปลูกพืชเกษตรมูลค่าสูง แทนการปลูกพืชเกษตรหมุนเวียน เพื่อสร้างรายได้ให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น


นายกรัฐมนตรี กล่าวชื่นชมแนวคิดภาคเอกชนและภาคประชาสังคมและผู้แทนนักธุรกิจรุ่นใหม่ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของรัฐบาลในการผลักดันภาคเกษตรกรให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เกิดการเปลี่ยนแปลงการทำการเกษตรให้มีมูลค่าสูงขึ้น พร้อมกับฝากให้กลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่สร้างความเข้าใจที่ตรงกัน เน้นความรักความสามัคคี ยืนยันตนเองไม่ได้ขัดแย้ง ไม่ได้รังแกใคร และไม่ได้ใช้อำนาจกลั่นแกล้ง ขอให้คนรุ่นใหม่และทุกคนยึดหลักชัยของชาติ คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เพราะเป็นแผ่นดินไทยที่เติบโตและตายที่ประเทศไทย ขอให้หยุดความขัดแย้ง อย่าทำโอกาสให้เป็นวิกฤต ช่วยกันพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส เพราะทุกคนคือคนไทยต้องช่วยกันสร้างประเทศไทยให้มีความเข้มแข็งยิ่งขึ้น.-สำนักข่าวไทย.


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง